xs
xsm
sm
md
lg

เปิดคำให้การ “สับ วาปี” ปี 57 ยัน “ครูจอมทรัพย์” เป็นแพะ ด้าน ตร.ตะลุยแจ้งจับก๊วนรับจ้างรับผิดแล้ว(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นครพนม - เปิดบันทึกคำรับสารภาพ “สับ วาปี” กลางปี 57 ยืนยันเป็นคนขับรถชนคนตายเอง ขณะที่ตำรวจนครพนมตั้งทีมตะลุยแจ้งจับขบวนการจ้างรับผิดขับรถชนคนตายแทน “ครูจอมทรัพย์” ประเดิมที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร ถูกแจ้งจับชุดแรก 3 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ (20 พ.ย.) ที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม พ.ต.อ.ณรงค์ วงศ์ธรรม ผกก.(สอบสวน) ภ.จว.นครพนม ในฐานะคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี ครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร พร้อม พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ชื่อเดิม (อดิศักดิ์) ชมศรีหาราชพร สารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านกลาง ตำแหน่งช่วยราชการพนักงานสอบสวน สภ.นาโดน เจ้าของคดีครูจอมทรัพย์ในขณะนั้น ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.สุระ บุญโยธา สารวัตร (สอบสวน) สภ.นาโดน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสับ วาปี นายบุญเทิง วาปี นายเลิศ วาปี และ นางจันทร์ วาปี ภรรยานายสับ

โดยแจ้งข้อหาให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้กระทำหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นการพยานหลักฐาน โดยประการที่นำจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก นายสับ วาปี พร้อมพวก ได้เดินทางมาที่ สภ.นาโดน เพื่อมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันและเคยให้การไว้กับพนักงานสอบสวนว่าเป็นผู้ก่อเหตุขับรถชน นายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิตที่บริเวณถนนธาตุน้อย - นาเหนือ บ.สร้างเม็ก หมู่ 7 ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2548


โดยเอกสารรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของ สภ.นาโดน มีเนื้อหาระบุว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 พ.ค. 2557 นายสับ วาปี ได้มาพบพนักงานสอบสวนและให้ลงบันทึกประจำวันไว้ โดย นายสับ ได้สารภาพยืนยันว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2548 ได้ขับรถยนต์คันนี้ไปธุระส่วนตัวที่ อ.เรณูนคร และไปชนรถจักรยานของนายเหลือ กระทั่งทำให้นายเหลือเสียชีวิต

“หลังเกิดเหตุข้าพเจ้าได้หยุดและเปิดประตูรถยนต์ลงมาดู แต่เห็นคนขับรถจักรยานเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จึงได้ขับรถยนต์หลบหนีไป และนำรถยนต์คันเกิดเหตุไปซุกซ่อนไว้ในป่าใกล้หมู่บ้าน ต่อมาหลังเกิดเหตุประมาณ 2 เดือน จึงได้ขายรถยนต์คันดังกล่าวในสภาพซากรถให้กับผู้รับซื้อของเก่าต่างท้องที่ ซึ่งมาเร่ซื้อของเก่าในหมู่บ้านไปในราคา 20,000 บาท”…

...ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เนื่องจากพบว่า มีรถยนต์ที่มีหมายเลขทะเบียนเหมือนกันกับรถของข้าพเจ้า แต่เป็นคนละหมวดอักษร คนละจังหวัดกัน จึงทำให้นางจอมทรัพย์ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด และถูกจำคุกอยู่ในขณะนี้…

ในบันทึกยังระบุด้วยว่า ระหว่างที่เกิดคดีนั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แต่เข้าใจมาโดยตลอดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้

...ภายหลังคดีเสร็จสิ้นข้าพเจ้าจึงได้ทราบว่า นางจอมทรัพย์ เป็นผู้ถูกศาลพิพากษาว่า มีความผิดและลงโทษจำคุกในเหตุดังกล่าว และข้าพเจ้าได้ทราบว่าก่อนที่นางจอมทรัพย์จะถูกศาลพิพากษา ลงโทษจำคุกนั้น นางจอมทรัพย์รับราชการครูอยู่ที่ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ไม่ได้กระทำความผิดในคดีดังกล่าว และไม่เคยเดินทางมาในเส้นทางที่เกิดเหตุนี้เลย...

...ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความสงสาร และรู้สึกเห็นใจนางจอมทรัพย์ที่ไม่ได้กระทำความผิด แต่ต้องมาติดคุกเพราะการกระทำของข้าพเจ้า

....ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงสำนึกผิดและตัดสินใจที่จะเดินทางกลับมาพบ เพื่อสารภาพกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน ว่า ข้าพเจ้านายสับ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เฉี่ยวชนกับรถจักรยานของนายเหลือ จนทำให้นายเหลือเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ไม่ใช่นางจอมทรัพย์ ซึ่งเป็นจำเลยที่ถูกศาลตัดสินจำคุกอยู่ในขณะนี้

โดยในบันทึกประจำวันดังกล่าว ยังระบุชื่อ พ.ต.ต.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช เป็นผู้ลงบันทึกประจำวัน และระบุถึงการเข้าพบพนักงานของนายสับในครั้งนี้ ว่า นายสับ ได้เข้ามารับสารภาพด้วยความเต็มใจและสมัครใจเอง ไม่มีผู้ใดบังคับขู่เข็ญหรือใช้กลอุบายหลอกลวงให้หลงเชื่อด้วยประการใด โดยในบันทึกนี้มีพี่ชายของนายสับ 2 คน และภรรยา ลงชื่อเป็นพยานด้วย

นอกจากนี้ ยังมีเอกสารบันทึกการจ่ายเงินของนายสับที่ขอชำระเงินทดแทนที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้นางจอมทรัพย์ชำระเงินจำนวน 170,000 บาท นับแต่วันได้ละเมิดโจทก์

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในเวลา 10.30 น. วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.ณรงค์ และ พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ได้เดินทางนำเอกสารเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.กฤษดา สุพรรณกูล สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม ซึ่งในขณะนั้นพบว่ามีกลุ่มบุคคลประมาณ 4 คน ประกอบด้วย นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร สามีครูจอมทรัพย์ นายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง เพื่อนครูจอมทรัพย์ นายสับ วาปี และ นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ ได้มาปรึกษาหารือกับ พ.ต.อ.ปราโมทย์ อุทากิจ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ภ.จว.นครพนม

โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้น พ.ต.อ.ปราโมทย์ ก็ได้แนะนำให้คณะที่มาพบไปปรึกษาที่สภาทนายความจังหวัดนครพนม และยังพาคณะมาปรึกษาที่สำนักงานทนายความแห่งหนึ่งเยื้องกับศาลจังหวัดนครพนม เนื่องเกิดความสงสารครูจอมทรัพย์ แต่ทนายคนดังกล่าวบอกว่าเป็นคดีที่สิ้นสุดถึงศาลฎีกาแล้ว ทำอะไรไม่ได้ จึงไม่รับว่าความให้กลุ่มบุคคลทั้ง 4 คน ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางกลับ

ซึ่งจากการตระเวนแจ้งความของคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีครูจอมทรัพย์ที่ถูกแต่งตั้งจาก พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม มอบหมายให้คณะทำงานมาแจ้งความ รวม 2 สภ. ครั้งนี้ มี พ.ต.ท.อธิศักดิ์ เป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ในข้อหาเดียวกันในข้างต้น

กำลังโหลดความคิดเห็น