MGR Online - โฆษก ตร.เผยความคืบหน้าคดี “ครูจอมทรัพย์” พบผู้ร่วมกระทำผิดอีก 2 ราย เตรียมออกหมายเรียก “ทนายครูอ๋อง” ให้ปากคำมีส่วนร่วมวางแผนเปลี่ยนตัว “สับ วาปี” ขับรถแทนครูจอมทรัพย์ ตรวจร่องรอยซ้ำป้ายทะเบียนรถ บค 56 สกลนคร
วันนี้ (9 ธ.ค.) เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รอง ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. เปิดเผยความคืนหน้าคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือครูจอมทรัพย์ ว่าขณะนี้ได้ทำการสอบปากคำพยานไปแล้วไม่ต่ำกว่า 61 ปาก จนสามารถสรุปได้ว่ามีผู้ร่วมกันกระทำความผิดในคดีนี้เพิ่มอีก 2 ราย คือ น.ส.วาสนา เพชรทอง หลานของนางจอมทรัพย์ และเป็นผู้ได้รับเงินจำนวน 1 ล้านบาท จากนายณัชพล สุพัฒนะ หรือมาร์ค พิทบูล เพื่อไปดำเนินการใช้จ่ายในกิจการต่างๆ ซึ่ง น.ส.วาสนาเป็นผู้เริ่มต้นดำเนินการเรื่องทั้งหมดโดยได้รับมอบอำนาจจากนางจอมทรัพย์ให้ไปยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานต่างๆ อีกทั้ง น.ส.วาสนายังมีส่วนรู้เห็นกับการจ้างพยานเท็จในคดีนี้ด้วย
ส่วนอีกรายคือ นายธนัช สุขตลอดปี ทนายความของนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานให้การสอดคล้องกันว่านายธนัชมีส่วนร่วมกันในการดำเนินการให้นายสับ วาปี มาเป็นผู้ที่ขับรถชนแทนนางจอมทรัพย์ โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกเข้ามาให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 12 และ 14 ธ.ค.นี้
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.วิระชัยยังได้ส่งแผ่นป้ายทะเบียน บค 56 สกลนคร ที่เป็นแผ่นป้ายทะเบียนของรถยนต์คันที่เกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์เพื่อยืนยันว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนเดิมของรถยนต์คันเกิดเหตุจริงหรือไม่ เนื่องจากพบว่าแผ่นป้ายทะเบียนแผ่นนี้แตกต่างไปจากเดิม โดยไม่พบร่องรอยการเฉี่ยวชน และทางกรมการขนส่งทางบกยืนยันว่าเป็นป้ายทะเบียนของกรมการขนส่งฯ จริง จึงต้องการทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงสีป้ายทะเบียนใหม่ หรือเป็นการยื่นขอแผ่นป้ายทะเบียนใหม่
นอกจากนี้ยังให้พนักงานสอบสวนทำการยึดรถยนต์คันที่เกิดเหตุไว้ก่อน เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีบุคคลพยายามติดต่อขอซื้อรถยนต์คันนี้ไป จึงอาจจะมีการพยายามทำลายหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม สำหรับสำนวนคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 90 เชื่อว่าเดือน ม.ค.ที่จะถึงนี้จะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องได้ โดยคดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องจำนวน 11 คน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีไปแล้ว 9 คน ส่วนกรณีเจ้าหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมนั้น พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการสอบปากคำ หลังมีบางส่วนทยอยเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลไปแล้ว