MGR Online - โฆษก ตร. เผย หลังเข้าเครื่องจับเท็จของ “นายสับ วาปี” และ นายสุริยา นวลเจริญ ว่า มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ รู้เห็นในการสร้างหลักฐานเท็จ ทางตำรวจได้เร่งสอบปากคำใกล้เสร็จแล้ว เบื้องต้นพบพิรุธขั้นตอนการจับเท็จ และไม่นำเรื่องนี้ขึ้นเบิกความต่อศาล ส่อเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รอง ผบ.ตร.) และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าขบวนการปั้นพยานเท็จ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร หลังจากศาลฎีกายกคำร้องขอรื้อฟื้นคดี จนนำไปสู่การออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องหลายราย ว่า วันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ส่งหนังสือรายงานผลการจับเท็จของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนวน 3 คน ประกอบไปด้วย นางจอมทรัพย์ แสนโคตร นายสับ วาปี และ นายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง ให้กับตำรวจ
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ในระหว่างอยู่ในการคุ้มครองพยานของกระทรวงยุติธรรม นายสับ ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ ว่า ไม่ได้เป็นผู้ขับรถชน นายเหลือ เสียชีวิต แต่ได้รับการว่าจ้างให้เป็นคนขับรถแทนด้วยเงินจำนวน 500,000 บาท เพื่อรับผิดแทน นางจอมทรัพย์ หลังจากนั้น นำตัวทั้ง 3 คนเข้าเครื่องจับเท็จ ผลรายงานการจับเท็จนายสับ ปรากฏว่า เครื่องจับเท็จสามารถจับเท็จนายสับได้ โดยนายสับ รับสารภาพกับเจ้าหน้าที่เครื่องจับเท็จ ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ ตนเองไม่ได้เป็นคนขับรถชนจักรยานที่มีนายเหลือเป็นคนขับในคดีนี้ และไม่ได้เดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุ คือ อ.เรณู จ.นครพนม ซึ่งวันเวลาเกิดเหตุอยู่ที่ จ.มุกดาหาร แต่มีผู้ว่าจ้างให้มารับจ้างผิดแทนนางจอมทรัพย์ ด้วยเงินจำนวน 5 แสนบาท พร้อมให้การในรายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ
“ส่วนผลการจับเท็จ นายสุริยา หรือ ครูอ๋อง หลัง นายสุริยา ทราบว่า เครื่องจับเท็จสามารถจับเท็จตัวเองได้ นายสุริยา ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ว่าจ้าง นายสับ ให้เป็นคนขับรถชนคนตายแทนครูจอมทรัพย์ด้วยเงินจำนวน 5 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขจะจ่ายเงินให้หลังจากศาลรับฟ้อง หรือรื้อฟื้นคดีสำเร็จ โดยให้ข้อมูลว่า เป็นเพื่อนกับครูจอมทรัพย์ ตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เดียวกัน เป็นโรงเรียนรัฐที่รับเฉพาะผู้ที่ยากจน พ่อแม่เสียชีวิต โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ต่อจากนั้น ไปเรียนต่อที่วิทยาลัยครูบ้านจอมบึง ด้วยกัน ทำให้มีความสนิทสนมกระทั่งเรียนจบบรรจุเป็นครูพื้นที่ใกล้กันได้ติดต่อไปมาหาสู่กันตลอด เป็นเหตุให้ครูอ๋องเข้าไปช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ และหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษานางจอมทรัพย์ต้องเข้าเรือนจำ นางจอมทรัพย์ ยังให้ครูอ๋องช่วยติดตามสืบหาข้อมูลนายสับ วาปี เจ้าของรถยนต์ทะเบียนต์ บค 56 มุกดาหาร ตลอดจนกระบวนกาปั้นพยานเท็จต่างตั้งแต่ต้นจนจบ” รรท.รองผบ.ตร. ระบุ
พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า ส่วนผลการจับเท็จของนางจอมทรัพย์ เครื่องไม่สามารถสรุปผลได้ เครื่องเออเรอร์ เนื่องจากการตรวจวัดความต้านทางของกระแสไฟฟ้าของผิวหนัง หรือการทำงานระบบเหงื่อของผู้รับการจับเท็จไม่สมบูรณ์เพียงพอ จึงไม่สามารถนำข้อมูลการตรวจวัดในส่วนดังกล่าวมาใช้ในการวิเคราะห์ และอ่านการแปรผลกราฟในภาพรวมได้ จึงไม่สามารถมีความเห็นและสรุปผลการจับเท็จในครั้งนี้ได้ ทั้งนี้ ส่วนที่ นายสับ ไม่ได้ขึ้นเบิกความในการรื้อฟื้นคดี เนื่องจากนายสับบอกว่า ถ้านำตัวขึ้นเบิกต่อศาลจะให้การในขอเท็จจริงทั้งหมดนายสับ จึงไม่ได้ขึ้นเบิกความตามที่ทราบกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่นายสับรับสารภาพแล้ว เจ้าหน้าที่ดีเอสไอก็ทราบผลแล้วว่าเป็นพยานเท็จแต่ยังพยายามที่จะสร้างพยานหลักฐานขึ้นมาอีกจะมีความผิดหรือไม่ พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ไปแล้วจำนวน 12 ปาก จากทั้งหมด 14 ปาก เมื่อสอบครบถ้วนจึงจะสรุปว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง แต่มีคนเกี่ยวข้องแน่นอน เป็นเจ้าหน้าที่ 2 ส่วน คือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองพยานคดีนางจอมทรัพย์ และ เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์ของนางจอมทรัพย์ เมื่อสอบปากคำเสร็จจะมีการสรุปอีกครั้งว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง คาดว่า สัปดาห์หน้าจะรู้ผล ส่วนผู้ที่ดำเนินการในการปั้นพยานเท็จถูกแจ้งข้อหาแล้วทั้งหมด 9 คน อีก 2 คน จะเดินทางมารับทราบข้อหาในวันที่ 14 ธ.ค. นี้