MGR Online - ตำรวจรวบคาสนามบินสุวรรณภูมิ “ไมซาเราะ” พัวพันแก๊งอุยกูร์วางบึ้มศาลพระพรหม ราชประสงค์ หอบลูกกลับไทย “ศรีวราห์” หิ้วสอบเครียด ก่อนแจ้ง 9 ข้อหนัก นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมทีมสืบสวนรับตัว น.ส.วรรณา หรือ ไมซาเราะ สวนสัน อายุ 29 ปี ชาว จ.พังงา ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกับพวกอีก 17 คน ก่อเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหม เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2558 ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเป็นผู้เช่าบ้านให้กับกลุ่มผู้ต้องหา หลังจับได้ ภายหลังสืบสวนทราบว่า น.ส.วรรณา เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย โดยผ่านทางช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิ โดยทันทีที่ น.ส.วรรณา เดินทางมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครอบครัว ของ น.ส.วรรณา ได้มารอรับ และโผเข้ากอดกัน ร่ำไห้ ด้วยความดีใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วรรณา เดินทางมากับลูกชายวัย 3 ขวบ และเด็กหญิงวัย 1 ขวบ ตำรวจได้คุมตัว น.ส.วรรณา โดยไม่มีการพันธนาการ ก่อนนำตัวไปตรวจร่างกายโดยแพทย์จาก รพ.ตำรวจ มีตำรวจหญิงดูแล จากนั้นได้แจ้งข้อหาให้ทราบ โดยมี นายบดีศร เผ่าสุทอ ทนายความจากสภาทนายความ นายอีฉา สวนสัน พี่ชาย และ นายอิบรอเหม คมขำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา ร่วมอยู่ด้วย
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ด้วยเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 58 เวลาประมาณ 18.50 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ศาลท้าวมหาพรหม แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ทรัพย์สินเสียหายจานวนมาก คดีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับคนร้าย คดีอาญาที่ 1172/2558 ของ สน.ลุมพินี และต่อมาได้มีการจับกุมตัว นายไบลาล มูฮัมหมัด และ นายไมไรลี ยูซุฟู รวม 2 ราย นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจำนวน 15 ราย รวมทั้ง น.ส.วรรณา และ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามีชาวตุรกี ได้หลบหนี ศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับและสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัด ติดตาม จับกุม คนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดีโดยเร็ว
พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยด้วยว่า เวลาประมาณ 12.00 น. วันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการตนเอง พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช รรท.ผบช.น., พ.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รรท.รอง ผบช.ส., พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ประจา บช.ก. สืบทราบทางการข่าวว่า นางสาววรรณา ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าว จะเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย โดยผ่านทางช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันทาการจับกุมตัว นางสาววรรณา ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทาให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และทาให้เสียทรัพย์, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง, พาอาวุธ (วัตถุระเบิด)ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ 84/2558 ลงวันที่ 25 ก.ย. 58 นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดาเนินคดีต่อไป
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด17 คน จับได้แล้ว 3 คน น.ส.วรรณา คือ รายที่ 3 โดยการจับกุมครั้งนี้ไม่ใช่การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่เป็นการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ เมื่อสืบทราบว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย ส่วนเรื่องการประสานงานกับทางตุรกีตนไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของต่างประเทศและเป็นเรื่องของอัยการสูงสุด ส่วนครั้งนี้ น.ส.วรรณา เดินทางมาจากประเทศใด ตนไม่ทราบ คดีนี้สรุปสำนวนส่งอัยการศาลทหารไปนานแล้ว กระบวนการหลังจากนี้ตำรวจจะส่งตัว น.ส.วรรณา ให้อัยการศาลทหารเพื่อควบคุมตัวตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ตอนนี้ยังไม่สอบปากคำไม่ทราบว่าน.ส.วรรณาให้การอย่างไร แต่ทุกอย่างอยู่ในสำนวน อยู่ที่ศาลทหารแล้วไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 14 คน นั้นยังคงเร่งรัดติดตาม ทั้งที่อาจอยู่ในประเทศหรือหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
นายอิบรอเหม คมขำ ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า รู้จัก น.ส.วรรณา มาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่โตมาในชนบท กรีดยางมาตั้งแต่เด็ก จนมาทราบว่ามีสามีเป็นชาวตุรกี มาแต่งงานกันที่บ้านที่ตุรกี คาดว่า รู้จักชอบพอกันช่วงที่ น.ส.วรรณา มาเรียนที่ กทม. เจอสามี น.ส.วรรณา ครั้งแรกตอนมาแต่งงาน มีเพื่อนต่างชาติมาร่วมงานด้วย แต่ไม่ทราบว่าเป็นคนที่อยู่ในหมายจับหรือไม่ ทราบแต่ว่า สามี น.ส.วรรณา พูดภาษาไทยไม่ได้ ทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ
นายอิบรอเหม กล่าวว่า โดยเจอครั้งล่าสุด น.ส.วรรณา และสามี ซึ่งปกติอยู่กทม.เดินทางกลับมาที่พังงา ประมาณเดือนพฤษภาคม 2558 เพื่อทำเอกสารเดินทางออกนอกประเทศไปตุรกีและเดินทางออกไปเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต หลังเกิดเหตุ น.ส.วรรณาถูกออกหมายจับ โดยตัวอยู่ที่ตุรกี ทราบว่ามีการติดต่อพูดคุยกับทางบ้านที่พังงาโดยตลอด เพื่อขอให้ช่วยเหลือ โดย น.ส.วรรณา ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ทางบ้านก็พยายามเดินเรื่องช่วยเหลือให้เดินทางกลับไทย มีการยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อประสานงาน เดินเรื่องให้กลับมาประเทศไทย โดยคุยกันว่าเราคนไทย ถึงอย่างไรก้ให้กลับมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยวันนี้ก็มีตำรวจมาประสานงาน ดำเนินการเพื่อให้น.ส.วรรณาได้มอบตัวตามความตั้งใจของเจ้าตัว
ขณะที่ น.ส. วรรณา กล่าวว่า ตนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับและปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆโดยคืนนี้ตำรวจคุมตัวไว้ที่ห้องขัง สน.ลุมพินี และพรุ่งนี้(22 พ.ย.) เวลา 08.00 น.จะคุมตัวฝากขังที่ศาลทหาร