xs
xsm
sm
md
lg

“ศาลฎีกา” พิพากษายืนคุกตลอดชีวิต “4 จำเลย” ยิงระเบิดใส่ กปปส.หน้าบิ๊กซีราชดำริ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ภาพจากแฟ้ม
“ศาลฎีกา” พิพากษายืนคุกตลอดชีวิต “4 จำเลย” ยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุม กปปส. ปี 57 บริเวณหน้าบิ๊กซีราชดำริ เจ็บ - ตาย หลายราย ทนายเผยต้องรับโทษตามฎีกา

วันนี้ (22 ส.ค.) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดียิงลูกกระสุนระเบิด เอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) คดีหมายเลขดำ อ.3734/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชัชวาล หรือ ชัช ปราบบำรุง อายุ 48 ปี, นายสมศรี มาฤทธิ์ อายุ 43 ปี, นายสุนทร ผิผ่วนนอก อายุ 52 ปี และ นายทวีชัย วิชาคำ อายุ 42 ปี เป็นจำเลยที่ 1 - 4 ในความผิดต่อชีวิตฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายร่างกาย, พ.ร.บ. อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 และความผิด ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

โดยอัยการโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 57 ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 58 หลักฐานที่จำเลยนำสืบมา ไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบได้ จึงพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามฟ้อง ให้ประหารชีวิตสถานเดียว แต่คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้งสี่ไว้ตลอดชีวิต และให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนผู้บาดเจ็บ 534,700 บาท ด้วย

ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อปี 2558 ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยจำเลยก็ได้ยื่นฎีกาสู้คดี

ทั้งนี้ น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ดูแลคดีให้จำเลย เปิดเผยว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดตามที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษามา จึงพิพากษายืนให้จำคุกไว้ตลอดชีวิต ซึ่งจำเลยทั้งหมดต้องรับโทษตามคำพิพากษาที่ให้จำคุกตลอดชีวิต ขณะที่ตลอดเวลาการพิจารณา ตั้งแต่ศาลชั้นต้นจำเลยทั้งสี่ ไม่ได้รับการประกันตัวแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้อัยการโจทก์ ระบุพฤติการณ์จำเลยในคำฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กับพวก ไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดติดตัวและโดยไม่มีเหตุสมควร อีกทั้งไม่ใช่กรณีที่ต้องมีอาวุธปืนเครื่องกระสุน และวัตถุระเบิดติดตัว โดยจำเลยก็ไม่ใช่เจ้าพนักงาน และไม่ได้รับการยกเว้นใดๆ ตามกฎหมาย จึงเป็นการฝ่าฝืนประกาศและกฎหมาย นอกจากนี้ จำเลยทั้งสี่ กับพวกมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ได้ร่วมกันใช้เครื่องยิงลูกกระสุนระเบิด ขนาด 40 มิลลิเมตร แบบเอ็ม 79 ยิงลูกระเบิดชนิดสังหาร(HE) ขนาด 40 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อเกิดการระเบิดขึ้นมีรัศมีฉกรรจ์ 5 เมตร จากจุดระเบิด ยิงไปยังผู้ชุมนุมทางการเมืองซึ่งใช้ชื่อว่า “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.” ที่มีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก บริเวณสี่แยกราชประสงค์ต่อเนื่อง เมื่อมาถึงหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.โดยกระสุนปืนที่จำเลยทั้งสี่กับพวก ยิงไปดังกล่าวตกใส่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ ทำให้เกิดระเบิดขึ้นจำนวน 1 ครั้ง สะเก็ดระเบิดได้กระจายถูกร่างกายของผู้เข้าร่วมชุมนุมและประชาชนทั่วไปที่อยู่บริเวณดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย, มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่อาจประกอบกรณียกิจได้ตามปกติอีก 9 ราย, มีผู้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจด้วยจำนวน 12 ราย อีกทั้งยังเป็นเหตุให้แผงร้านค้าและรถสามล้อโดยสารหรือรถตุ๊กตุ๊ก เหตุเกิดที่แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี และแขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.

โดยส่วนของคำพิพากษาศาลฎีกานั้น สรุปความได้ว่า ตามที่จำเลยสู้ว่าระหว่างที่อยู่ในการควบคุมตัวของทหารตามกฎอัยการศึกเป็นเวลา 7 วัน มีการทำร้ายร่างกายเพื่อให้สารภาพนั้น ศาลเห็นว่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ เท่านั้น และในตอนที่ถูกส่งต่อให้ตำรวจก็ไม่มีการแจ้งต้องพนักงานาอบสวนในเรื่องนี้ อีกทั้งจำเลยที่ 1 ที่เข้าร่วมชุมนุมเรียกร้องกับกลุ่ม นปช. น่าจะเข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพเป็นอย่างดีแต่เมื่อมีการนำตัวมาแถลงข่าวและทำแผนก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ และหากมีการทำร้ายร่างกายจำเลยทั้ง 4 จริง วันแถลงข่าวและทำแผนก็น่าจะปรากฏร่องรอยอยู่บ้าง นอกจากนั้น ในคำให้การของ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม. ที่เข้าตรวจจำเลยทั้ง 4 ในเรือนจำ ก็ไม่ได้มีการตรวจพบบาดแผลและตามที่จำเลยอ้างถึงเอกสารการประชุม กสม. ก็ไม่ปรากฏว่า มีการพูดถึงกรณีของจำเลยทั้ง 4 คน ขณะที่การแถลงข่าวและทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็เป็นโอกาสที่จำเลยทั้งสี่จะได้ชี้แจงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการควบคุมตัว ประกอบกับจำเลยทั้งสี่ ก็ยังไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและขอขมาต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย หากมีการทำร้ายร่างกายจริงก็ต้องปรากฏร่องรอยบาดแผลหลงเหลืออยู่ให้เห็นในระหว่างการแถลงข่าว

ส่วนที่จำเลยอ้างว่า เมื่อถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวนแล้วในระหว่างการสอบปากคำไม่มีผู้ที่ไว้วางใจและทนายความนั้น ในเอกสารสอบปากคำจำเลยได้ปรากฏลายมือชื่อของทนายความและยังมีเอกสารรับรองของทนายความที่เข้าร่วมการฟังสอบปากคำมาด้วย อีกทั้งพนักงานสอบสวนที่ทำการสอบปากคำพยานจำเลย ยังมาเบิกความยืนยันอีกด้วยว่ามีการให้ทนายความเข้าร่วมฟังการสอบปากคำด้วย ศาลจึงเห็นว่าพนักงานสอบสวนคงไม่นำผู้ที่ไม่ได้เป็นทนายมาเข้าร่วมฟังการสอบสวน ศาลฎีกาจึงพิจารณาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
ภาพจากแฟ้ม
ภาพจากแฟ้ม
ภาพจากแฟ้ม
ภาพจากแฟ้ม
กำลังโหลดความคิดเห็น