xs
xsm
sm
md
lg

“ถาวร” แนะรัฐใช้กฎอัยการศึก 4 อำเภอสงขลา หลังโจรใต้ใช้ช่องโหว่ก่อเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
อดีต ส.ส.สงขลา ให้กำลังใจ จนท.หลังเกิดเหตุโจรใต้ปล้นรถทำคาร์บอมบ์ แนะ รบ.ใช้กฎอัยการศึกควบคู่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 4 อำเภอสงขลา เหตุกฎหมายไม่เข้มเหมือน จชต.เป็นช่องโหว่โจรใต้ก่อเหตุ จี้เข้มจุดตรวจไม่มีละเว้น

วันนี้ (18 ส.ค.) นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระบุกรณีเกิดเหตุร้ายที่คนร้ายปล้นรถยนต์เพื่อนำไปใช้ทำคาร์บอมบ์เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาใน จ.ปัตตานี และส่วนหนึ่งของ จ.สงขลา ว่าตนขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทุกคนที่เสียสละเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในการปฏิหน้าที่ และขอวิเคราะห์สถานการณ์ เสนอแนะดังต่อไปนี้ สาเหตุกรณีคนร้ายปล้นรถนำไปใช้ทำคาร์บอมบ์ 1. ตั้งแต่วันที่ 15 -31 สิงหาคม จะเป็นช่วงเวลาของการครบรอบการปฏิบัติการรุนแรงของคนร้าย คนร้ายจึงลงมือปฏิบัติการครั้งรุนแรงเพื่อแสดงศักยภาพ

2. พื้นที่ 3 จังหวัด คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา พื้นที่ซึ่งมีกองกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง เนื่องจากเป็นพี้นที่เป้าหมายหลัก และทางราชการยังคงประกาศใช้กฎอัยการศึก พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายใน กฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการป้องกันและปราบปรามรวมทั้งการรวบรวมพยานหลักฐานที่ทำให้คนร้ายปฏิบัติการไม่สะดวก ดังนั้น คนร้ายจึงเปลี่ยนพื้นที่เป้าหมายจาก 3 จังหวัดดังกล่าวเป็นพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา คือ อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี อำเภอสะบ้าย้อย ซึ่ง 4 อำเภอนี้ได้ยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึก พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการฉุกเฉิน แม้ยังคงใช้พระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายใน ทำให้คนร้ายเปลี่ยนพื้นที่เป้าหมายปฏิบัติการมาเป็น 4 อำเภอนี้ เพราะไม่มีการประกาศใช้กฎหมายฉบับที่เข้มข้น ทั้งๆ ที่ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และคณะปฏิบัติงานอย่างดีเยี่ยมและมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว

นายถาวรเสนอว่า 1. นายดลเลาะห์ แวมะนอ (เจ้าของปอเนาะยีฮาด และเป็นญาติกับเจ้าของปอเนาะบูรพา อ.เจาะไอร้อง ที่ถูกปิดไปแล้ว) ไม่นิยมการเจรจา แต่ต้องการสู้รบขั้นเด็ดขาด จึงต้องระมัดระวังกองกำลังที่อยู่ภายใต้การนำของบุคคลผู้นี้ ทางราชการต้องเร่งรัดเอาตัวบุคคลผู้นี้มาดำเนินการตามกฎหมายให้ได้เพราะก่อนจะถึงกำหนดการเจรจาบุคคลผู้นี้จะสร้างผลงานให้ปรากฏในขั้นรุนแรงเสมอ จึงขอฝากไปถึง พล.อ.อักษรา เกิดผล ว่าในการเจรจาจะต้องตั้งเงื่อนไขต่อรองกับคู่เจรจาเพื่อยุติการปฏิบัติการที่รุนแรงของคู่เจรจาหรือของกองกำลังแนวร่วมให้ได้

2. อ.เทพา และ อ.นาทวี เป็นเขตรอยต่อกับจังหวัดปัตตานี คนร้ายจากปัตตานีจะเคลื่อนกำลังมาปฏิบัตการในเขต อ.เทพา และ อ.นาทวี อยู่เป็นประจำเพราะสองอำเภอนี้ไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก ดังนั้น ถนนสายที่เชื่อมระหว่างปัตตานีกับเทพาและนาทวีต้องมีจุดสกัดและตั้งด่านอย่างเข้มข้น

3. กลุ่มคนร้ายที่ยังไม่มีหมายจับจะได้รับการฝึกให้ปฏิบัติการขั้นรุนแรงที่มีความชำนาญ ดังนั้น จุดสกัดและด่านความมั่นคงจะต้องตรวจอย่างเข้มข้น ไม่มีการเกรงใจและละเว้น

4. สารและอุปกรณ์ตั้งต้นในการประกอบวัตถุระเบิด คนร้ายจะนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น บริเวณตะเข็บแนวชายแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติหรือจุดลักลอบ จะต้องตั้งด่านอย่างเข้มข้น

5. การที่คนร้ายปฏิบัติการกึ่งล้มเหลวในครั้งนี้ เนื่องจากเหยื่อรอดชีวิตได้ใช้เครื่องมือสื่อสารแจ้งเหตุ ดังนั้น เครื่องมือสื่อสารของหน่วยความมั่นคง และกล้อง CCTV จึงต้องดูแลให้ใช้การได้อย่างสม่ำเสมอ

6. จุดสกัดและด่านตรวจซึ่งผู้บังคับบัญชาสั่งการและมอบหมายจะต้องปฏิบัติการอย่างเข้มข้น ผู้บังคับบัญชาต้องตรวจเยี่ยมให้ขวัญกำลังใจอย่างสม่ำเสมอ เช่น พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร จะต้องลงไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และจะต้องตั้งสำนักงานรัฐมนตรีส่วนหน้าอยู่ที่นั่น

7. ขอให้ ครม.ส่วนหน้าเร่งรัดปฏิบัติการให้เกิดความสำเร็จเกี่ยวกับงานภาคประชาสังคมทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ เพื่อดึงมวลชนมาอยู่กับฝ่ายเรา และเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านการข่าว

8. ในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา จะต้องกลับมาประกาศใช้กฎอัยการศึก พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ควบคู่ไปกับ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร อีกครั้งหนึ่ง เพราะคนร้ายรู้ว่าพื้นที่ 4 อำเภอ การบังคับใช้กฎหมายขาดประสิทธิภาพ จึงหลบมาตั้งหลักอยู่ที่ 4 อำเภอ เจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้าเสี่ยงในการรวบรวมพยานหลักฐานและไม่กล้าเสี่ยงในการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ จึงขอเสนอให้ประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉินและกฎอัยการศึกอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามการก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ
กำลังโหลดความคิดเห็น