รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ตอน ช็อก! กว่า”อิตาลี”ตกรอบ ดูสดบอลโลกยังลูกผีลูกคน
ข่าวช็อกคอบอลทั้งโลก เมื่อฟุตบอลทีมชาติ อิตาลี แชมป์โลก 4 สมัยร่วง อดไปบอลโลกที่รัสเซีย ก่อนหน้านั้นฮอลแลนด์ แชมป์ยุโรปและรองแชมป์โลก 3 สมัยได้กระเด็นตกรอบไปก่อนแล้ว เป็นสองทีมใหญ่ที่ทำให้แฟนบอลคนไทยผิดหวัง
แม้จะไม่มีฮอลแลนด์ และอิตาลี แต่เชื่อว่า คอบอลชาวไทย ก็ยังเฝ้ารอการมาถึงของบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย และเชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยกำลังลุ้นว่า จะได้ดูถ่ายทอดสดบอลโลกครั้งที่ 21 กันหรือไม่ ซึ่งการถ่ายทอดสดบอลโลกที่ว่าต้องลุ้น เพราะมีปัญหาการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 เป็นปัญหายืดเยื้อเรื้อรังกันมาเป็นปี จนถึงตอนนี้ยังไม่ลงตัว
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวคืบหน้าว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกกท.เคลียร์ปัญหาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 มอบให้ทีวีพูลเป็นแกนนำดำเนินการซื้อลิขสิทธิ์ รอลุ้นบอร์ดถกวันที่ 17 พ.ย.นี้ หากสู้ราคาไม่ไหว ต้องโยนให้กสทช.ใช้งบทุ่มซื้อลิขสิทธิ์ให้คนไทยได้ชมโดยมีมูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านบาท
โดยเรื่องนี้ผู้ว่าฯ กกท. เรียกผู้ที่ กกท. คิดว่า “น่าจะเกี่ยวข้อง” กับการถ่ายบอลโลก ทั้งเอกชนและภาครัฐเข้ามาระดมสมอง หาทางออก ซึ่งคนนอกมองว่าเป็นเรื่องตลก แล้วก็มีหลายคำถามตามมาว่า ภารกิจการถ่ายทอดสดบอลโลกครั้งนี้ มันควรเป็นหน้าที่ของใคร? การถ่ายทอดสดบอลโลกนี้มันเป็นภารกิจสำคัญมากของชาติขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วภาคเอกชนที่เรียกมาประชุมเกี่ยวอะไรกับภารกิจนี้?
ก่อนจะวิเคราะห์ต่อไป ขอย้อนอดีตไปดูบรรยากาศการถ่ายทอดสดบอลโลกในครั้งเก่าๆเอามาฉายภาพกันอีกที โดยประวัติศาสตร์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกของไทย เริ่มในปี ค.ศ.1970 ที่เม็กซิโก แต่คนไทยได้ดูถ่ายทอดสดเฉพาะนัดชิงชนะเลิศนัดเดียวเท่านั้น
ต่อมาในปี ค.ศ.1974 ที่เยอรมันตะวันตกเป็นเจ้าภาพ ไทยได้ดู 2 นัดคือนัดเปิดสนามกับนัดชิงชนะเลิศ ถัดมาในปี ค.ศ.1978 ที่อาร์เจนติน่า คนไทยก็ยังได้ดูบอลโลก 2 นัดเหมือนเดิมคือนัดเปิดสนามกับนัดชิงชนะเลิศ โดยที่ในปี ค.ศ.1982 ที่สเปน เริ่มมีการถ่ายทอดรอบรองให้ได้ดูกัน ซึ่งยังรวมนัดเปิดสนามและนัดชิงเหมือนเคย
ในปี ค.ศ.1986 มีถ่ายนัดเปิดสนาม และตั้งแต่รอบ 8 ทีมจนถึงนัดชิง และในปี ค.ศ.1990 ที่อิตาลี เป็นครั้งแรกที่ไทยได้ดูบอลโลกครบทุกนัดจากฝีมือของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ รวมถึง บอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกาด้วย
ทว่า นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี ค.ศ.1998 ที่ฝรั่งเศส เป็นต้นมา ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไปอยู่ในมือบริษัทเอกชนคือทศภาค ซึ่งมีผู้สนับสนุนรายใหญ่คือเบียร์ช้าง ประกาศแคมเปญถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก โดยไม่มีโฆษณาคั่น
เพราะก่อนหน้านี้ที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือทีวีพูล รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพถ่ายทอดสดนั้น มีการตัด การแทรกโฆษณาเข้ามาระหว่างเกม บางทีลูกยิงเข้าประตูไปแล้ว แต่ตัดโฆษณากลับมาไม่ทัน ถูกแฟนบอลทั้งบ้านทั้งเมืองด่าเละ
เมื่อทศภาคประกาศถ่ายบอลโลกแบบไม่มีโฆษณา กระแสความนิยมจึงพุ่งทะยานและกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่จนทุกวันนี้ ทศภาคถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีก 2 สมัยคือในปี ค.ศ.2002 ที่เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วมกัน และครั้งสุดท้ายคือในปี ค.ศ.2006 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพ
หลังจากนั้นเจอกฏห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางโทรทัศน์จึงถึงคราวโบกมือลา เสมือนการส่งไม้ต่อให้กับอาร์เอสของเฮียฮ้อไปโดยปริยาย คืออาร์เอสได้ลิขสิทธิ์บอลโลกในปี ค.ศ.2010 ที่แอฟริกาใต้ และปี ค.ศ.2014 ที่บราซิล
ทว่า อาร์เอสถ่ายไปก็บ่นไปแถมการตามจับการละเมิดลิขสิทธิ์เปิดฟุตบอลโลกตามร้านลาบร้านหมูกระทะทั่วประเทศก็ทำไม่ไหว เพราะร้านลาบและหมูกระทะบ้านเรามีเป็นหมื่นร้าน อีกทั้งกระแสดูบอลผ่านอินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามาแทนการดูผ่านโทรทัศน์ จึงเป็นที่มาของการถอดใจจากองค์กรทางธุรกิจ ไม่เอาอีกแล้วกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก
เมื่อเป็นเช่นนี้ หน้าที่การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกควรเป็นภาระของรัฐ ขณะนี้กระแสกดดันพุ่งไปที่องค์กรกำกับดูแลการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ ซึ่งปัจจุบันคือ กสทช.หรือคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
จะว่าไป หน้าที่การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกไม่ควรเป็นภาระของ กสทช. น่าจะเป็นของกระทรวงกีฬาและการท่องเที่ยวจะตรงกว่า เพราะมีหน้าที่ในเรื่องกีฬาและส่งเสริมการออกกำลังกาย
แต่ก็นั่นแหละ เมื่อทุกอย่างมันเป็นอะไรแบบไทยไทย ประเด็นการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ที่ทีวีพูลก็ไม่เอา ทศภาคก็เบ้ปาก อาร์เอสก็เดินหนี แพะจึงกลายเป็น กสทช. แทนที่จะเป็นกระทรวงกีฬาฯ อย่างที่เด็กชั้นประถมก็ยังรู้
ทางด้านลูกพี่ใหญ่อย่างคสช. กับรัฐบาลประยุทธ์ที่วันนี้คำพูดเป็นกฎหมาย ยังเมาหมัดในช่วงขาลง ก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมากับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย เรื่องนี้ก็ตลกมาก ทำไมคิดไม่ได้ ไม่รีบฉวยโอกาส
เพราะถ้าคิดจะคืนความสุขให้กับประชาชน และดึงเรตติ้งรัฐบาลทหารขึ้นมาได้บ้าง ก็ต้องรีบสั่งการให้ถ่ายทอดฟุตบอลโลกที่รัสเซียมาคืนความสุขให้คนไทย เรื่องนี้เสียเงินเท่าไหร่ก็ไม่มีใครว่า และจะได้ผลทางการเมืองคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม