รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2560 ตอน เบื้องลึก! บอมบ์ รพ.พระมงกุฎ โยงการเมืองฉุด "คสช."ขาลง
เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เหตุร้ายสดๆร้อนๆเมื่อช่วงสายวันที่22 พฤษภาคม ทำให้คนบริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ25 คน ระเบิดครั้งนี้ถือว่าเป็นการก่อวินาศกรรมป่วนเมืองที่อำมหิตที่สุด เพราะคนร้ายเลือกวางระเบิดในโรงพยาบาล เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม โหดเหี้ยมเกินคน ถ้าไม่เลวระยำจริงทำแบบนี้ไม่ได้
จุดเกิดเหตุพบร่องรอยระเบิดเกิดจากระเบิดแรงดันต่ำ ไม่หวังในการทำลายล้างโดยตรง แต่ก็มีสิทธิ์สังหารผู้คนได้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุระเบิด "อีโอดี"ระบุเป็นระเบิดไปป์บอมบ์ ทำจากท่อพีวีซีมีตะปูใช้เป็นสะเก็ด โดยคนร้ายซุกระเบิดไว้ในแจกันดอกไม้ที่อยู่บริเวณพื้นที่หน้าห้องวงษ์สุวรรณ ซึ่งบริเวณส่วนนี้เป็นห้องรับ/จ่ายยา เป็นพื้นที่จัดเตรียมไว้สำหรับนายทหารกับครอบครัวเท่านั้นประชาชนทั่วไปไม่ได้ใช้ด้วย คนในโรงพยาบาลเรียกบริเวณนี้ว่า " ซอยนายพล"
โรงพยาบาลพระมงกุฎเป็นโรงพยาบาลของทหารบก ระเบิดถูกสั่งให้ระเบิดที่ห้องจ่ายยาซอยนายพล ในโรงพยาบาลพระมงกุฎ เลือกเฟ้นเน้นๆที่บริเวณห้องวงษ์สุวรรณอีกด้วย ปฏิบัติการของกลุ่มคนร้ายพุ่งเป้าเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ ก็เพื่อให้เกิดแรงเขย่าอาฟเตอร์ช็อกหลังสิ้นเสียงระเบิดไปถึงขั้วอำนาจรัฐอย่างท้าทาย
แสดงว่า คนร้ายมีการข่าว มีข้อมูลที่ดี เรียนรู้พื้นที่เป็นอย่างดี มีการวางแผนกำหนดจุดวางระเบิดที่ต้องตรงบริเวณห้องวงษ์สุวรรณเท่านั้น และเอาระเบิดซุกซ่อนไว้ในแจกันดอกไม้อย่างแนบเนียน ซึ่งคนวางระเบิดก็ทำได้โดยไม่เป็นที่สงสัย สามารถรอดพ้นสายตาของหน่วยรักษาความปลอดภัยไปได้
และข่าวว่าจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณนั้นแล้ว ผลที่ออกมาบอกว่าจับภาพคนร้ายได้ไม่ชัดเจน จึงไม่ได้เบาะแสเกี่ยวกับมือวางระเบิดมากนัก ส่วนผู้กำหนดแผนสั่งวางระเบิดลูกนี้ ต้องเป็นมือชั้นพระกาฬ ซึ่งคาดว่าจะต้องเป็นคนที่เคยเข้านอกออกในโรงพยาบาลพระมงกุฏเป็นประจำ และคนนี้ต้องเป็นนักยุทธวิธีการรบในเมืองที่ช่ำชอง มีประสบการณ์ผ่านการรบมาไม่น้อย จึงสามารถวางแผนบอมบ์โรงพยาบาลได้อย่างเหี้ยมโหดผิดมนุษย์
เมื่อเกิดเหตุในสภาพแบบนี้ และวันเกิดเหตุคือวันที่22 พฤษภาคม เป็นวันครบรอบ3ปีของการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติทุกความเห็นก็ต้องบอกว่าเป็นปฏิบัติการตีแสกหน้าคสช. และรัฐบาลทหารอย่างแน่นอน
เป้าหมายใหญ่ของการก่อวินาศกรรมครั้งนี้เป็นการเขย่าบัลลังก์อำนาจของคสช. และรัฐบาลทหารอย่างที่อุกอาจท้าทายที่สุด แต่อาจจะมีที่สุดมากกว่านี้ก็เป็นได้ถ้าฝ่ายความมั่นคงไม่สามารถจะจับกุมมือระเบิดและทลายเครือขบวนการนี้ได้
สำหรับที่เลือกเอาตัว พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ เป็นสัญลักษณ์จุดระเบิดก็เพราะบิ๊กป้อมเป็นศูนย์กลางอำนาจของคสช. และรัฐบาลทหาร ซึ่งในวันเดียวกันก็มีข่าวลือว่าพลเอกประวิตรเข้ารักษาตัวด้วยอาการโรคหัวใจกำเริบอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท แม้จะไม่มีใครยืนยันแต่พลเอกประวิตรก็หายหน้าจากทำเนียบรัฐบาลไปหลายวัน ถัดอีกวันหลังเหตุระเบิดก็ยังไม่ออกสื่อ
ประเด็นสำคัญคือ ใครบงการวางระเบิดคราวนี้ ก็มองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับคสช. นั่นเอง แม้แต่หน่วยความมั่นคงของรัฐก็สันนิษฐานเช่นนี้ ในวอร์รูมของหน่วยข่าวทหารชุดหนึ่งที่มีขึ้นหลังเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง ก็ให้น้ำหนักในประเด็นการเมืองที่ต้องการดิสเครดิตรัฐบาลและคสช. มีความเป็นไปได้มากที่สุดของการก่อเหตุระเบิดครั้งนี้
แล้วใครคือฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของคสช. เป้าหมายแรกและเป็นเป้าใหญ่ก็หนีไม่พ้น ชื่อของ"คนแดนไกล" เพราะว่ามีเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดในเมืองไทยเมื่อไร คนแดนไกลก็เป็นจำเลยคนแรก เพราะคนนี้มีศักยภาพคับแก้วเสมอ ชี้นิ้วสั่งการได้ทุกเวลา ยิ่งระยะนี้มีปัญหาคับข้องใจหลายเรื่อง ทางกลับมามีอำนาจก็มืดมนไปทุกวัน อาจจะต้องสร้างสถานการณ์เพื่อต่อรองเอาบางอย่าง นี่เป็นแนววิเคราะห์ที่มาจากสมการการเมืองเดิมๆ
ถ้ามองตามข้อสมมุติฐานที่ว่ามา ปมระเบิดที่เกิดเหตุมาก่อนหน้านั้นสองหน คือที่หน้าโรงละครแห่งชาติ กับที่หน้าสำนักงานกองสลากเดิม ถนนราชดำเนิน และระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฏ ก็คลี่คลายได้ว่า เป็นผลงานของคนกลุ่มเดียวกัน เป็นพวกที่ต้องการป่วนบ้านเมือง เป็นการเดินเกมที่จะกระตุกขาคสช. และรัฐบาลประยุทธ์ที่กำลังอยู่ในช่วง "ขาลง"
เหตุระเบิดทั้งสามครั้งในกรุงเทพในระยะเวลาไม่ถึงสามเดือน สรุปว่าไม่ใช่ฝีมือของขบวนการก่อการร้ายชายแดนใต้ที่ขยายพื้นที่ปฏิบัติการ และก็ไม่เกี่ยวกับกลุ่มอื่นๆ แต่เป็นฝีมือกลุ่มการเมือง ที่ออกมาขย่มคสช. กับรัฐบาลให้เสียหลัก เพราะถ้ารัฐบาลไม่สามารถรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบสุข บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นได้ทุกเวลา เครดิตของรัฐบาลประยุทธ์ก็จะหมดไป
รัฐบาล คสช.ก็จะอยู่ลำบาก
เพราะวันนี้ความเชื่อมั่นของคนไทยกับรัฐบาลมีจุดแข็งอยู่แค่การรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเพียงเรื่องเดียว เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความพึงพอใจมากไม่ว่าจะสำรวจครั้งไหน ถ้าต้องการบั่นทอนศรัทธารัฐบาล ก็วางระเบิดไปเรื่อยๆจนประชาชนขาดความมั่นใจ สถานการณ์ทางการเมืองก็จะพลิกเปลี่ยนไปได้ไม่ยาก