MGR Online - ดีเอสไอผสานตำรวจ-ทหารใช้ ม.44 ลุยค้นบริษัท เอสวี ลีสซิ่ง จุดเริ่มต้นอุปโลกน์แก๊งเจ้ารัฐมอญเก๊ พบเอกสารอ้างสัมปทานก่อสร้างในพม่า แบบเดียวกับ “ฮัจยี กรุ๊ป” เจอหลักฐานเด็ดสมุดจดบันทึกตั้งแต่ปี 56 เคลียร์เงินหน่วยงานภาครัฐเดือนละ 1 แสน แลกไม่ดำเนินคดีฉ้อโกง เบื้องต้นยังไม่แจ้งข้อหาใดๆ
วันนี้ (14 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่บริษัท เอสวี ลีสซิ่ง จำกัด เลขที่ 65 หมู่ 4 ถนนสายไหม แขวงและเขตสายไหม กทม. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผกก.4 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ก., บก.ป., บช.ส. และทหาร ใช้อำนาจมาตรา 44 ร่วมตรวจค้นหลังพบว่าบริษัทมีความเกี่ยวข้องกับนายคะยอว์ มินต์ อู (Kyaw Myint Oo) หรือเจ้าเทพโยธิน มหาทุน ชาวสัญชาติพม่า ที่แอบอ้างเป็นเจ้าแห่งรัฐมอญ สร้างเรื่องเท็จหลอกนักธุรกิจไทยว่ามีการร่วมลงทุนที่รัฐมอญในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า)
จากการตรวจค้นภายในบริษัทซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว โดยมีการนำธงและสัญลักษณ์ต่างๆ เกี่ยวกับรัฐมอญมาประดับไว้ทั่วอาคาร รวมถึงยังมีภาพที่เคยถ่ายร่วมกับผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบ ดร.หงสราช รอดเรือง เจ้าของบริษัทดังกล่าวพร้อมพนักงานกำลังทำงานตามปกติ
พ.ต.ต.สุริยาเปิดเผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานของผู้เสียหายที่ให้ข้อมูลพบความเชื่อมโยงได้ว่าบริษัทแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเจ้าเทพโยธิน มหาทุน ขึ้นมา เพราะเป็นสถานที่เรียกจัดประชุมกับผู้เสียหายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รวมถึงเป็นที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนสัมปทานโครงการก่อสร้างของรัฐมอญในพม่า จากการตรวจค้นภายในบริษัทพบเอกสารที่อ้างว่าที่จะทำโครงการในรัฐมอญ และสอดคล้องกับเอกสารที่ได้จากบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป ทั้งสิ้น 78 โครงการ ส่วนการแอบอ้างเป็นสื่อมวลชนไม่พบที่บริษัทแห่งนี้
“ดีเอสไอจะนำเอกสารที่ได้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีความเชื่อมโยงจริงหรือไม่ รวมถึงจะสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดทุกคนในเครือข่ายนี้ด้วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบสมุดที่จดบันทึกรายการจ่ายเงินในการเคลียร์คดีต่างๆ ที่บริษัทแห่งนี้ได้จ่ายให้แก่หน่วยงานภาครัฐเป็นรายเดือนๆ ละประมาณกว่า 100,000 บาท เพื่อยุติการดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง ตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เป็นเพียงการตรวจสอบหลักฐานยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใด”
ด้าน ดร.หงสราช เปิดเผยว่า บริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนในการหลอกลวงให้เข้ามาร่วมลงทุนสัมปทานโครงการก่อสร้าง แต่ตัวของเจ้าเทพโยธิน มหาทุน ได้เข้ามาติดต่อกับตนเองโดยตรง พร้อมบอกว่าสามารถต่อรองกับรัฐบาลพม่าในการก่อสร้างได้ ตนก็ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลแล้วก็พบว่าเจ้าเทพโยธิน มหาทุน มาแอบอ้างจึงได้ทำการยกเลิกสัญญาไป พร้อมขอย้ำว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น