MGR Online - “ดีเอสไอ” รับตัว “สุภัตทา” ประธานบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป อ้างตัวเป็นองค์รัชทายาทมอญสอบขยายผล พร้อมแจ้งข้อหาฟอกเงินและอั้งยี่ซ่องโจรเพิ่มอีก 2 ข้อหา ประสานตำรวจเมียนมาติดตามเจ้าเทพโยธิน มหาทุน มาดำเนินคดี จากการตรวจสอบมูลนิธิอาสาบรรเทาภัย มีการแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์โดยมีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนบางส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับตัว นางสุภัตทา จันทรรังษี ประธานบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด หลังเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวไว้ที่ มทบ.11 ซึ่งเกี่ยวโยงกับความมั่นคง มาสอบสวนเพื่อขยายผลเพิ่มเติม โดยมีตำรวจกองปราบปรามคุมตัวผู้ต้องหามา
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า ได้ควบคุมตัว นางสุภัตทา จันทรรังษี ประธานบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด มาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นคดีพิเศษที่ 217/2560 โดยเบื้องต้นดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหา นางสุภัตทา ในฐานความผิด 1. นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 2. ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งในวันนี้เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 2 ข้อหา คือ 1. ร่วมกันฟอกเงิน และ 2. ร่วมตัวกันเป็นแก๊งอาชญากรรมในลักษณะอั้งยี่ซ่องโจร รวมถึงมีแนวโน้มอาจเข้าข่ายความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากผู้กระทำผิดมีความเชื่อมโยงกัน 2 ประเทศ
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า การสอบปากคำในครั้งนี้จะเน้นประเด็นเรื่องโครงสร้างของบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด และเครือข่ายในการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ขณะนี้มีข้อมูลที่ได้มาจากผู้เสียหายที่ให้การไว้แล้ว แต่จะให้โอกาส นางสุภัตทา ชี้แจ้งข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนก่อน ส่วน นายกอว มิน อู หรือ เจ้าเทพโยธิน มหาทุน สัญชาติเมียนมา ซึ่งแอบอ้างเป็นเจ้าแห่งรัฐมอญ ขณะนี้ผู้ต้องหายังหลบหนีอยู่ที่ประเทศเมียนมา และตอนนี้ได้ประสานกับทหารตำรวจเมียนมาเพื่อติดตามจับกุมตัว ซึ่งการตรวจสอบผู้ต้องหาที่อ้างว่าเป็นองค์รัชทายาทมอญยืนยันว่าไม่ใช่ของจริงแน่นอน
“ส่วนการตรวจสอบมูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า มีการใช้ตราสัญลักษณ์ไม่ถูกทำให้ไม่สามารถต่อใบอนุญาตมูลนิธิฯได้ ตั้งแต่ปี 2557 รวมถึงมีการแต่งกายเลียนแบบประดับยศเหมือนข้าราชการตำรวจถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ และยังพบว่ามีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับสื่อมวลชนจะต้องเรียกมาสอบปากคำก่อนว่ามีเจตนาร่วมกันกระทำความผิดหรือถูกหลอกใช้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ ประมาณ 4-5 ราย” พ.ต.ต.สุริยา กล่าว
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวต่อว่า ดีเอสไอได้ประสานให้ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในขบวนการ ซึ่งเชื่อว่า มีความเสียหายมากกว่า 300 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการถมทรายในภาคตะวันออก ที่กลุ่มฮัจ ยี กรุ๊ป จำกัด ไปหลอกลวงให้ร่วมทุน พบว่า มีความเสียหาย 900 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้กระทำผิด พบว่า ไม่ใช่เพียงการอ้างลงทุนเมกะโปรเจกต์ 78 โครงการเท่านั้น แต่ยังมีการกระทำความที่มีความซับซ้อนยุ่งยากตรวจสอบได้ยาก และใช้แม่ข่ายชักชวนผู้อื่นมาเป็นสมาชิกให้ผู้ที่ร่วมลงทุน ซึ่งดีเอสไอได้ร่วมกับกองบัญชาการตำตรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กองปราบปราม (บก.ป.) ปปง. กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) เพื่อร่วมติดตามตรวจสอบกลุ่มเครือข่าย
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า ดีเอสไอจะทำการสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยจะควบคุมตัวนางสุภัตทา ไว้สอบปากคำใน 48 ชั่วโมง พร้อมคัดค้านการประกันตัว และนำส่งศาลฝากขังดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.) และในเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) จะแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายของบริษัท ฮัจยี กรุ๊ป จำกัด ที่หลอกลวงผู้เสียหายไปร่วมลงทุนในประเทศเมียนมาเพิ่ม