xs
xsm
sm
md
lg

เริ่ม 5 ก.ย.นี้ ห้ามอายัดเงินเดือนลูกหนี้รายได้ไม่เกินเดือนละ 2 หมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - กรมบังคับคดี บังคับใช้ ป.วิแพ่งฉบับที่ 30 มีผลใช้บังคับวันที่ 5 ก.ย.นี้ หัวข้อสำคัญ ห้ามสั่งอายัดเงินเดือนลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 20,000 กำหนดมูลค่าของทรัพย์สินที่ยึดไม่ได้สูงขึ้นจากเดิม พร้อมลดขั้นตอนการขออนุญาตศาลขายทอดตลาด

วันนี้ (3 ก.ย.) กรมบังคับคดี แถลงรายละเอียดเกี่ยวกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉบับที่ 30 ซึ่งได้ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2560 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 60 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 5 ก.ย. 2560 ดังนี้ การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวถือว่า เป็นการปฏิรูปการบังคับคดีทั้งระบบ เนื่องจากปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กฎหมายส่วนที่เกี่ยวกับการบังคับคดี จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการแก้ไขปรับปรุง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับคดี ลดขั้นตอนการบังคับคดี และลดโอกาสในการใช้ช่องทางกฎหมายเพื่อการประวิงคดี รวมทั้งกำหนดให้มีมาตรการคุ้มครองคู่ความและบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะส่งผลให้การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอันเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนและเสริมสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนเสริมสร้างความเชื่อมั่นในลงทุนและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสาระสำคัญของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉบับที่ 30 คือ

1. กำหนดมูลค่าของทรัพย์สินที่ยึดไม่ได้ในมูลค่าที่สูงขึ้นจากเดิม ได้แก่ เครื่องนุ่งห่มหลับนอน เครื่องใช้ในครัวเรือนหรือเครื่องใช้สอยส่วนตัว ราคาไม่เกินประเภทละ 20,000 บาท สำหรับ สัตว์ สิ่งของ เครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ ราคารวมกันไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจกำหนดมูลค่าที่สูงกว่านี้ได้ ตามที่ลูกหนี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็น 2. กำหนดมูลค่าของสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ที่อายัดไม่ได้ เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ไม่เกินเดือนละ 20,000 บาท และบำเหน็จหรือค่าชดเชย ไม่เกิน 300,000 บาท หรือตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นสมควร 3. กำหนดวิธีการบังคับคดีเป็นการเฉพาะกับทรัพย์ประเภทใหม่ๆ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น หุ้น ทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิในสิทธิบัตร สิทธิในเครื่องหมายการค้า เป็นต้น

4. ลดขั้นตอนการขออนุญาตศาลขายทอดตลาด 5. กำหนดให้เจ้าหนี้ ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสีย เช่น ผู้รับจำนอง เจ้าของร่วมสามารถใช้สิทธิเต็มที่ในการซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด หรือหาผู้ซื้อทรัพย์เพื่อให้ได้ในราคาที่ต้องการ 6. ยกเลิกการใช้สิทธิคัดค้านราคา การผูกพันราคา และการร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดอันเนื่องมาจากราคาต่ำ 7. กำหนดเรื่องการใช้สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียในการขอเปลี่ยนแปลงวิธีการขาย ในการขายแยกรายการ หรือวิธีขายรวมกันไป ในกรณีที่ยึดทรัพย์มาหลายรายการ โดยต้องร้องคัดค้านก่อนวันขาย แต่ต้องไม่ช้ากว่า 3 วัน นับแต่ทราบการประกาศขาย 8. กำหนดเวลาสำหรับผู้ที่อ้างว่าทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นไม่ใช่ทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โดยให้ยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 60 วันนับแต่ยึดทรัพย์นั้นๆ 9. ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดสามารถขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้ลูกหนี้ออกจากทรัพย์ที่ซื้อจากการขายทอดตลาดได้ โดยไม่ต้องขอออกคำบังคับ ผลสัมฤทธิ์ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉบับที่ 30

10. มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน อันจะส่งผลให้การบังคับคดีมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดโอกาสในการใช้ช่องทางของกฎหมายในการประวิงคดี และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ฝ่ายใด เนื่องจากการใช้เวลาในการบังคับคดีเป็นเวลานาน เจ้าหนี้ก็ไม่ได้รับชำระหนี้ และลูกหนี้ก็ต้องรับภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ตลอดจนทำให้ทรัพย์ที่ยึดไว้ก็เสื่อมสภาพและส่งผลกระทบต่อราคาในการขายทอดตลาด 1. ลูกหนี้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และสามารถชำระหนี้และปลดหนี้ได้เร็วขึ้น 12. เป็นการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวกับการบังคับคดีให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และ 13. เป็นปัจจัยบวกต่อการประเมินความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ของธนาคารโลก โดยเฉพาะในตัวชี้วัดที่ 9 การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง (Enforcing Contracts
กำลังโหลดความคิดเห็น