MGR Online - รมว.ยธ.นำคณะผู้บริหารลงพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ภายใต้โครงการยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน เร่งแก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน พร้อมมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา 16 ราย เป็นเงินกว่า 1.2 ล้านบาท
วันนี้ (21 ส.ค.) เวลา 10.30 น. ที่เทศบาลตำบลตลาดแร้ง อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะผู้บริหาร ได้ลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาและหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งเยี่ยมเยียนการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ตลอดจนประชุมขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในจังหวัดชัยภูมิ ภายใต้โครงการยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน ครั้งที่ 6/2560
อีกทั้งยังได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) ให้แก่ผู้เสียหาย จำนวน 16 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,244,895 บาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาในจังหวัดชัยภูมิแล้ว รวมทั้งสิ้น 121 ราย เป็นจำนวนเงิน 6,678,518 บาท
นายสุวพันธุ์กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมมีนโยบายมุ่งมั่นช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเป็นธรรมและความสงบสุขให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนทุกระดับ ทุกพื้นที่ สนับสนุนและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันกับศูนย์ดำรงธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมกับชุมชน ในรูปแบบ “ยุติธรรมชุมชน”
นายสุวพันธุ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันจังหวัดชัยภูมิมีการจัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชน จำนวน 142 ศูนย์ และมีการพัฒนาเครือข่ายยุติธรรมชุมชนและคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชน ให้มีศักยภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในพื้นที่และการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทในชุมชน รวมถึงให้บริการประชาชนของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม โดยมีสำนักงานยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิเป็นหน่วยงานอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน ตามอำนาจหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในด้านกฎหมาย สิทธิและเสรีภาพ และช่องทางการขอรับความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ของกระทรวงยุติธรรม เพื่อดำเนินการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง
นายสุวพันธุ์กล่าวต่อว่า สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิเนื่องจากพบว่าประชาชนประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความยุติธรรมเป็นจำนวนมาก โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 มีผู้ขอรับคำปรึกษาทางกฎหมาย จำนวน 172 ราย มีผู้มายื่นขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม จำนวน 58 ราย มีผู้เสียหายจากกระบวนการยุติธรรมมาขอรับการเยียวยาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 จำนวน 237 ราย และมีผู้ร้องขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับหนี้สินภาคประชาชน จำนวน 554 ราย
“ปัญหาการไม่ได้รับความเป็นธรรมที่สำคัญในจังหวัดชัยภูมิ คือ การถูกเจ้าหนี้นอกระบบหลอกลวงเกี่ยวกับการทำนิติกรรม และการหลอกลวงขอเช่าโฉนดที่ดินจากประชาชนเพื่อนำไปขายฝาก โดยกระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับลูกหนี้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในจังหวัดชัยภูมิ ช่วงปี 2553-2560 มีผู้ร้องเรียน 554 ราย และมีทุนทรัพย์รวม 151,196,548 บาท โดยพฤติการณ์ของเจ้าหนี้นอกระบบดังกล่าวมีทั้งการทำสัญญากู้ยืมเงินในจำนวนเงินสูงกว่าความเป็นจริง, การเพิ่มจำนวนเงินกู้ภายหลังการทำสัญญา, การคิดดอกเบี้ยในอัตราสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด, การบังคับให้ทำบัตรถอนเงินสดให้เจ้าหนี้ยึดถือเพื่อถอนเงินชำระหนี้เอง รวมถึงการหลอกลวงให้ทำสัญญาขายฝากที่ดิน”
นายสุวพันธุ์กล่าวเพิ่มว่า กระทรวงยุติธรรมได้ให้ความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมในการต่อสู้คดีไปจำนวน 21 ราย และได้ตรวจสอบพฤติการณ์เจ้าหนี้เพื่อส่งเรื่องให้ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิดำเนินคดีต่อเจ้าหนี้ที่มีการปลอมลายมือชื่อลูกหนี้ในเอกสารกู้ยืมเงิน และมีการใช้มาตรการทางภาษีและดำเนินคดีฐานเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงินอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการประสานงานเพื่อจัดกระบวนการไกล่เกลี่ยในชั้นบังคับคดี และดำเนินการร่วมกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย และกระทรวงยุติธรรมได้ให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่ประชาชนเกี่ยวกับการวางทรัพย์ในการขายฝาก และให้คำปรึกษาด้านกฎหมายพื้นฐานเกี่ยวกับการกู้ยืม การจำนอง การบังคับคดี และการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาททางแพ่ง
“นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมได้ปรับปรุงกระบวนการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและผู้เสียหายจากกระบวนการยุติธรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และปรับลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการจากเดิมที่การพิจารณาให้ความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม ใช้เวลา 43 วันทำการ และการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ใช้เวลา 72 วัน รวมวันหยุดราชการ และให้เหลือไม่เกิน 45 วัน รวมวันหยุดราชการ” รมว.ยุติธรรมกล่าว