MGR Online - ยุติธรรมปรับแผนรับมือยาเสพติดบิ๊กล็อตทะลักเข้าไทย เสริมนโยบายเน้นลงให้บริการประชาชนมากขึ้น สร้างชุมชนเข้มแข็งเพื่อลดการแพร่ระบาดยาเสพติดในชุมชน พร้อมเร่งขยายการปราบปรามระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น
วันนี้ (18 ส.ค.) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 1 ชั้น 9 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) ครั้งที่ 1/2560 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย คณะกรรมการอำนวยการ ศอ.ปส. และผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
นายสุวพันธุ์เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงานโครงการด้านบูรณาการและปราบปรามยาเสพติดในปี 2561 ซึ่งจะเป็นไปตามแนวทางที่ได้นำเสนอ กมธ.ทั้งเรื่องการป้องกันปราบปรามยาเสพติดและการบำบัดรักษา โดยตนได้ให้เลขาฯ ศอ.ปส.ไปทบทวนกลไกในการที่จะขับเคลื่อนงานของ ศอ.ปส.เพื่อทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเรื่องการดำเนินการ รวมทั้งการเชื่อมโยงไปในโครงการคืนคนดีสู่สังคมของกรมราชทัณฑ์ ที่ปัจจุบันนี้มีผู้ต้องขังส่วนใหญ่ต้องโทษในคดียาเสพติด
“ส่วนนโยบายหลักของกระทรวงยุติธรรมจะเน้นเรื่องการลงไปให้บริการพี่น้องประชาชนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น การป้องกันยาเสพติด การสร้างชุมชนเข้มแข็ง และการใช้พลังประชารัฐในการสร้างความปลอดภัยด้านยาเสพติดในพื้นที่ชุมชนจนถึงระดับหมู่บ้านและชุมชน เพราะถือว่าอยู่ในแผนงานที่สำคัญเพราะจะเร่งรัดขับเคลื่อนต่อไป ผมจะลงพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อสร้างมาตรการในชุมชนลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชนให้ได้”
นายสุวพันธุ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้การผลิตยาเสพติดยังมีปัญหาในการปราบปรามแหล่งผลิต เพราะสิ่งที่จะต้องทำคือลดศักยภาพของการผลิต แต่ขณะเดียวกันต้องมารับภาระเรื่องการจับกุมเพราะว่ายาเสพติดที่ผลิตมีจำนวนมากถูกส่งผ่านไปยังที่อื่นทำให้การจับกุมมีมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้น ต้องเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องของการดำเนินการหยุดยั้งต้นทางการผลิต และปราบปรามการขนส่ง การจำหน่าย การปราบปรามการพักรอเพื่อเตรียมส่งต่อไปที่อื่น นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าขณะนี้ตำรวจมีการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ๆ เพิ่มมากขึ้นเพราะมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม จำนวนยาเสพติดที่มากขึ้น ตลาดผู้เสพก็ยังมีอยู่ซึ่งประเทศไทยเป็นทางผ่านที่จะส่งยาเสพติดไปยังที่อื่นด้วย ฉะนั้นสิ่งที่มันสะท้อนคือความต้องการในภาพใหญ่ของทั้งโลกยังมีอยู่ หน้าที่ของเราคือต้องหยุดผู้ส่งยาเสพติดให้ได้ และการลดจำนวนของผู้เสพมันอยู่ในแผนงานการบำบัดรักษา ซึ่งมีตัวชี้วัดตาม ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณกำหนดไว้ต้องทำงานให้ดีขึ้น