xs
xsm
sm
md
lg

“แม่น้องพลอย” จุดธูปสาปส่งสิบเอกฆ่าเผานั่งยาง ลั่นให้กราบเท้าแต่ไม่อภัย แฉหลังก่อเหตุเที่ยวบาร์โฮสต์พัทยา (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ตร.แจ้ง 4 ข้อหาหนัก อดีตทหารสิบเอกเลือดเย็น ฆ่าเผานั่งยาง “น้องพลอย” แม่ร่ำไห้กอดรูปลูกสาว ลั่นกลางกองปราบฯ ต้องมากราบเท้า แต่ไม่ให้อภัย “ศรีวราห์” ตัดประเด็นผู้เป็นพ่อ พันเอกทหารปืนใหญ่ช่วยเหลือหลบหนี 3 ปี






วันนี้ (16 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. นางพัชรี ปั้นทอง อายุ 51 ปี มารดาของ น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล หรือน้องพลอย อายุ 25 ปี ที่ถูกนายพลกฤต วิเศษ อายุ 29 ปี อดีต ส.อ.สังกัดทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี แฟนเก่าฆ่าแล้วนำศพไปเผาอำพรางคดีในพื้นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความ เดินทางมายัง บก.ป.เพื่อรอพบหน้านายพลกฤต หลังจากทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะควบคุมตัวนายพลกฤตมาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะ เดินทางมารับมอบตัว

นางพัชรีกล่าวว่า วันนี้ตนห้อยผ้าพันคอสีแดงมาเพราะบุตรสาวทำให้กับตนก่อนจะพรากจากกัน อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่บุตรสาว และอยากเห็นหน้าคนที่กระทำกับบุตรสาวอย่างเลือดเย็น โดยถ้าได้พบนายพลกฤตก็มีหลายสิ่งที่อยากจะพูดกับเขา คำถามแรกเลยก็คงจะถามว่าทำไมถึงเลือดเย็นนัก ฆ่าน้องพลอย ตั้งแต่วันแรกรู้อยู่แล้วแต่กลับโทรศัพท์มาหาตนถามว่าน้องพลอยอยู่ที่ไหน นายพลกฤตเป็นคนที่เลือดเย็นมาก

“หลังจากก่อเหตุเขายังไปทำศัลยกรรมใบหน้า ความจริงแล้วเขาน่าจะทำศัลยกรรมจิตใจมากกว่า เพราะจิตใจเขาสกปรก ฉันคิดว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ต่ำกว่าเขาอีกแล้ว” นางพัชรีกล่าว

นางพัชรีกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้สมัยที่ยังเป็นทหาร นายพลกฤตมีทั้งหน้าที่การงาน มีความรู้ น่าจะใช้หน้าที่การงานและความรู้ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ไม่ใช่มาทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยบอกว่ารักมาก ที่ผ่านมานายพลกฤตก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนเหมือนกับตนเลย แต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกับครอบครัวใหม่ โดยปล่อยให้ตนต้องรอคอยอย่างยาวนาน เสียดายเครื่องแบบที่เขาสวมใส่ที่น่าจะใช้ปกป้องประชาชน

“ที่ผ่านมาฉันก็ติดต่อกับเขา โดยหลังจากเกิดเหตุ 2 วัน หลังจากน้องพลอยหายตัวไป เขาโทรศัพท์มา ขณะที่เขาติดต่อหาเขายังทำงานอยู่ แต่เขาฆ่าน้องแล้ว 3 ปีกว่า วันนี้แม่พาน้องมาให้ดูคนที่บอกว่ารักนักรักหนา เรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่สามารถอโหสิกรรมให้ได้ เป็นใครจะยกโทษให้ได้หรือไม่ มันกะทันหันมาก แม่จะไม่ให้เขาไปกราบขอขมาน้อง แต่ให้เป็นบาปติดตัวไปตลอดชีวิต” นางพัชรีกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

นางพัชรีกล่าวอีกว่า นายพลกฤตต้องมากราบเท้าขอขมาตน แต่ก็ไม่ให้อภัยกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป ตนคิดว่าน้องพลอยก็คงต้องการแบบนั้น ที่ผ่านมานายพลกฤตให้การอย่างไรบ้างตนก็ไม่ทราบ แต่คนเลือดเย็นแบบนี้คิดได้ขนาดนี้ใครจะเชื่อคำพูดเขา คน 1 คน ยาง 4 เส้น และสถานที่ซึ่งลงมือก่อเหตุ มันลำบากยากเย็นหรือไม่ เขาน่าจะทำคนเดียวได้หรือไม่

นางพัชรีกล่าวด้วยว่า นายพลกฤตอ้างว่าน้องพลอยกระโดดลงจากรถเอง ทั้งๆ ที่รถเขามีระบบล็อกประตู แต่ถ้าน้องพลอยจะกระโดดจริงอย่างที่เขาว่า แม่ก็เชื่อ เพราะน้องพลอยก็เหมือนแม่ คือเป็นคนสู้คน ไม่ยอมแพ้ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนตัวแล้วไม่ทราบว่าเขาทรมานน้องพลอยด้วยหรือไม่ แต่ที่แน่ชัดก็น่าจะใช้มือบีบคอ เพราะที่ผ่านมาเพื่อนน้องพลอยเคยบอกว่าเวลาที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน นายพลกฤตจะชอบบีบคอลูกสาว

นางพัชรีกล่าวต่อว่า บุตรสาวเป็นคนดี เพียงแต่มาเจอคนเลวคนใจดำอำมหิตเท่านั้น และสำหรับคนที่ช่วยเหลือนายพลกฤตมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ต้องถือว่าเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรม รู้ว่านายพลกฤตกระทำความผิด ยังช่วยปกป้อง แต่ตนก็เชื่อว่าเขาหนีเวรกรรมไปไม่พ้น ในใจเขาเองก็ต้องรู้ว่าเกิดอะไร ตนเชื่อว่าความยุติธรรมต้องมีจริง ตำรวจจะช่วยตนได้ อย่างไรก็ตาม ประมาณเดือนกว่าหลังเกิดเหตุตนฝันว่าน้องพลอย จมน้ำแล้วยกแขนร้องขอให้ช่วย ตนก็สะดุ้งตื่น แล้วก็รู้ทันทีว่าน้องอยากกลับบ้าน แต่พอไปดูที่เกิดเหตุวันนั้นมันก็มีน้ำจริงๆ

นางพัชรีกล่าวอีกว่า ครั้งแรกที่ลูกสาวเสียชีวิต ลูกก็มาเข้าฝันมากราบเท้าแม่ ฝากกราบเท้าพ่อ บอกว่าอยู่ไกลมาไม่ได้ แต่คิดถึง แล้วทุกอย่างก็เป็นเรื่องจริง ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มีคนคอยติดตามตนและครอบครัวซึ่งพวกตนอยู่ในที่สว่างแต่เขาอยู่ในที่มืด ก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ทุกวันนี้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเขารู้ความเคลื่อนไหวของตน แต่ตนไม่เคยรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน

นางพัชรีกล่าวถึงกรณีภาพวงจรปิดหน้าโรงงานที่บุตรสาวทำงานในวันเกิดเหตุว่าเห็นบุคคลที่อยู่ตรงนั้นอีก 2-3 คน มาพร้อมกับรถคันหนึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่นายพลกฤตจะมาพาตัวบุตรสาวไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่มารอพบหน้านายพลกฤตนั้น นางพัชรีได้วางกรอบรูปแล้วจุดธูปที่เตรียมมา ก่อนจะร่ำไห้บอกกล่าวกับบุตรสาวว่า วันนี้ตนได้มาเรียกร้องความเป็นธรรมคืนให้แก่บุตรสาว

ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ควบคุมตัวนายพลกฤตมาส่งมอบให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 พร้อมคณะ ก่อนเข้าสู่กระบวนการตรวจร่างกายโดยแพทย์จาก รพ.ตำรวจ พิมพ์ลายนิ้วมือและถ่ายรูปทำประวัติตามขั้นตอนก่อนแจ้งข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ สำหรับนายพลกฤตได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับศาลมณฑลทหารบกจังหวัดสระบุรี ที่ จ.80/2557 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2557 ข้อหาพาผู้อื่นไปเพื่ออนาจารโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย และหมายจับศาลมณฑลทหารบกที่ 18 ที่ จ.1 ก/2560 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ ทำให้เสียทรัพย์ ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และเคลื่อนย้ายทำลายศพหรือส่วนหนึ่งของศพ

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายพลกฤตไปยังห้องชี้ตัวผู้ต้องหา เพื่อให้นางพัชรี มารดาของ น.ส.พลอยนรินทร์ ได้ชี้ตัว โดยนายพลกฤตยืนปะปนกับตำรวจ บก.ป.อีก 5 คน รวม 6 คน และมีเลข 1-6 กำหนดไว้ ซึ่งนางพัชรีสามารถชี้ตัวนายพลกฤตได้อย่างถูกต้องทั้ง 3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนดังกล่าวแล้วจึงคุมตัวนายพลกฤตเดินทางไปยัง สภ.หินซ้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี รับไปสอบสวนก่อนจะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยข้อหาหลัก คือ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รวมทั้งหมด 4 ข้อหา โดยอ้างว่าลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว และไม่ได้ใช้อาวุธ แต่หากมีผู้ใดเกี่ยวข้องก็อีกก็จะดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนสาเหตุที่ลงมือขอไม่เปิดเผยเพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน สำหรับกรณีที่มีการระบุว่าบิดาของผู้ต้องหาซึ่งเป็นนายทหารยศ พ.อ.มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาระหว่างหลบหนีคดีตลอด 3 ปีนั้น คงไม่มีเรื่องอิทธิพล หรือส่งผลต่อการดำเนินคดีแต่อย่างใด โดยเฉพาะในยุค คสช.คงทำไม่ได้

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนได้ซักถามคำให้การของผู้ต้องหาในเบื้องต้นเท่านั้น หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะได้สอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะในรายละเอียดประเด็นต่างๆ ส่วนกรณีที่นางพัชรี มารดาผู้เสียชีวิต ได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิดาและภรรยาของผู้ต้องหารายนี้ คอยให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ว่าตนได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาไปแล้วว่าหากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาก็ต้องถูกพิจารณาดำเนินคดีทั้งหมด ไม่มียกเว้น ส่วนกรณีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีการพาตัว น.ส.พลอยนรินทร์ไปยังสถานที่ราชการแห่งหนึ่งนั้น ตนยังไม่ทราบแต่ผู้ต้องหาอ้างว่าก่อเหตุฆ่าและเผาศพผู้เสียชีวิตภายในวันเดียว

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ผู้ต้องหายอมมอบตัวก็เพราะถูกเจ้าหน้าที่กดดัน เพราะมีการปิดล้อมพื้นที่ไว้หมดแล้ว ใช้เฮลิคอปเตอร์กดดัน จะหลบหนีอย่างไรก็ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี สำหรับปมเหตุการณ์สังหารนั้นยังไม่สามารถชี้ชัดได้ คงต้องรอการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งของพนักงานสอบสวนก่อน เพราะเพิ่งรับโอนสำนวนคดี และที่ได้ซักถามเบื้องต้นจะเป็นตามข้อหาที่ขออำนาจศาลออกหมายจับไว้เท่านั้น ซึ่งทางผู้ต้องหาก็รับสารภาพทุกข้อหา

“คดีนี้ยืนยันว่าจะดำเนินการโดยเร็วที่สุดและพร้อมให้ความเป็นธรรมทางคดี ที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่ได้ล่าช้าและจะต้องรายงานผู้บังคับบัญชาทุกระยะอยู่แล้ว ส่วนทางญาติของ น.ส.พลอยนรินทร์ ได้สอบถามแล้วว่ายังมีความต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ก่อเหตุฆ่าน้องพลอยจริง โดยสาเหตุเกิดจากโกรธแค้นที่ถูกตีตัวออกห่าง หลังจากทราบว่านายพลกฤต ผู้ต้องหามีครอบครัวอยู่แล้ว จึงขับรถยนต์ไปรับน้องพลอยที่หน้าโรงงานใน จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นก็เรียกผู้เสียชีวิตขึ้นรถเพื่อมาเจรจา พร้อมทั้งนำจักรยานของผู้เสียชีวิตขึ้นรถไปด้วย ระหว่างทางได้เกิดมีปากเสียงกันจึงลงมือบีบคอน้องพลอยแต่พลั้งมือ จนทำให้น้องพลอยเสียชีวิต ก่อนจะขับรถเข้าบ้านพักของบิดาซึ่งเป็นอดีตทหารยศ พ.อ.ในค่ายทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี เพื่อไปเอายางรถยนต์ 4 เส้น น้ำมันเบนซิน 1 ถัง นำศพไปเผานั่งยางบริเวณริมถนนสายแก่งคอย-แสลงพัน หมู่ 2 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เนื่องจากเคยมาฝึกซ้อมรบบริเวณนี้ทำให้ทราบว่าเป็นที่ลับตาคนอย่างดี และภายหลังเหตุนายพลกฤตเดินทางเที่ยวบาร์โฮสต์ที่พัทยาแล้วหลบหนีไปตามสถานที่ต่างๆ โดยขาดราชการเกิน 15 วัน จึงถูกต้นสังกัดไล่ออกจากราชการ กระทั่งมาถูกจับกุมตัวในที่สุด





กำลังโหลดความคิดเห็น