“แตงโม” เผยชีวิตมีความสุขดี แซ่บกว่าเดิมเป็นม่ายแต่ผู้ชายตรึม รักครั้งใหม่ขอเป็นคนนับถือคริสเตียน ฟันธง! ว่าอดีตคนรักเก่า “โตโน่” มีแฟนใหม่แล้ว แต่ถึงยังไงฝ่ายชายก็ยังลืมตนเองไม่ได้
เป็นคนที่อยู่ในกระแสตลอดสำหรับ “แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ตอนรักกับ “โตโน่ ภาคิน” ก็เป็นข่าว แต่งงานก็เป็นข่าว เลิกก็ยิ่งเป็นข่าวเพราะแตงโมทนพิษรักไม่ไหวกินยาฆ่าตัวตาย นี่ยังไม่นับเรื่องที่แตงโมชอบโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์คนโน้นคนนี้จนกลายเป็นข่าวกับคนอื่นมากมาย จนถูกมองว่า “เป็นตัวแม่สร้างกระแส” ยึดพื้นที่ข่าวตลอดเวลา
วันนี้บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ได้มีโอกาสพูดคุยกับแตงโม ถึงเรื่องความรักที่ผ่านมากับการสร้างกระแสตัวแม่ ซึ่งแตงโมก็ตอบแบบมั่นใจตามสไตล์ว่า “โตโน่ยังลืมเธอไม่ลง” และมั่นใจว่าฝ่ายชายมีคนใหม่แล้ว
เผยชีวิตแฮปปี้กว่า 70% ยอมรับว่ายังคิดถึง “โตโน่” ถ้ากลับมาแล้วไม่ใช่คนเดิม ก็ไม่เอาดีกว่า
“ตอนนี้แฮปปี้กับชีวิตมาก มีพัฒนาการทางด้านเวลาที่จะช่วยบำบัดเรา ทำให้เราสนิทกับพระเจ้า ทำให้เรามีจุดประสงค์เป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร แล้วเราจะฝากความหวังไว้กับใคร พระเจ้าอยากให้เราแข็งแรง พระเจ้าไม่ได้อยากให้เราอ่อนแอ ซึ่งก่อนหน้านี้ยอมรับว่าโมอยู่ในช่วงที่สับสน มันเป็นช่วงที่เราหลงลืมพระเจ้า เราไม่ได้ให้พระเจ้ามาก่อน เราเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำให้ความต้องการของเรามันเยอะ พอเราคาดหวัง แล้วเราไม่ได้คาดหวังกับตัวเองอย่างเดียว เราไปคาดหวังกับคนอื่นด้วย มันทำให้เราผิดหวังได้ง่าย ก็เหมือนมนุษย์ทั่วไปแหละก็ผิดหวังกันได้เป็นธรรมดาถ้าเราแขวนความหวังไว้ผิดที่ ตอนนี้โมถือว่าตัวเองกลับมาสมบูรณ์เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะในส่วนลึกเรายังมีความเสียใจ ความคิดถึง”
“แต่ถ้ากลับมาแล้วไม่ได้เป็นคนเดิม เราก็ไม่เอาดีกว่า ถ้าเขากลับมาเป็นคนเดิมหรือคนที่ดีกว่าเดิมมากขึ้นเราโอเค คนเดิมสำหรับโมคือคนที่…ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวมันจะมีข้อเปรียบเทียบ เอาเป็นว่าคนวันนั้นที่ทุกคนได้เคยเห็น เพราะวันนี้เขาเป็นคนอื่น เขาเป็นคนที่ไม่ใช่คนในวันนั้น”
สงสัยอดีตคนรักเก่า มีรักใหม่! ยอมรับว่าตนเองยังคงมีอิทธิพลกับ “โตโน่”
“คือเขาไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเลย หลังจากวันที่เอารถไปคืน ซึ่งเขาก็ไม่ได้บอกกล่าวใครไว้ เอารถมาจอดทิ้งไว้ เอากุญแจมาวางไว้เฉยๆ ทั้งที่เราก็ไม่ได้รับคืน เขาขับรถมาแล้วให้เพื่อนขับมอเตอร์ไซด์ตามมา เพื่อที่เขาจอดรถแล้วปุ๊บ เขาจะได้นั่งมอเตอร์ไซด์เพื่อนกลับไป แต่ว่าพอนั่งมอเตอร์ไซด์เพื่อนกลับไปแค่พ้นซอยบ้านเราขึ้นรถใครไปก็ไม่รู้ ซึ่งพอเรารู้เรื่องนี้ มันก็ไม่เชิงจี๊ดหรอก แต่เรารู้สึกว่าทำไปเพื่ออะไร ทำไมต้องมีฉากที่มีมอเตอร์ไซต์มาด้วย โมรู้สึกว่าหรือว่านี่คือความจริงที่โมไม่รู้ หรือเป็นความจริงที่โมปิดตาข้างเดียวมาตลอดหรือเปล่า ใช้คำว่าอาจจะแล้วกัน ไม่รู้เหมือนกัน เราพิสูจน์อะไรไม่ได้เพราะเราไม่ได้ถามเขา”
“ณ ปัจจุบันโมคิดว่าเขามีใหม่แล้วนะ เพราะหนึ่งเลยคือการเปลี่ยนรถ รถคันนี้เป็นรถที่ซื้อร่วมกัน ถ้าจะให้คนอื่นนั่งมันคงไม่ดีมั้ง โน่เนี่ย โมรู้จักเขาดี ถ้าเขาคบหากับใคร กำลังเริ่มต้นใหม่หรือกำลังศึกษาใคร เขาจะเต็มที่และให้เกียรติคนๆ นั้น ฉะนั้นเรื่องเก่าจะไม่เอามาเกี่ยวข้องกับเรื่องใหม่ (คือเขาจะพยายามตัดเรื่องเก่าๆ ทิ้ง เพื่อที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่) ใช่ค่ะ โมหาเหตุผลไม่เจอว่าเพราะอะไรโมถึงเป็นคนเดียวบนโลกใบนี้ที่เขาไม่ติดต่อด้วย เขาไม่ติดต่อโมเลย เขายังใช้ผู้จัดการคนเดียวกันกับโม เขายังติดต่อกับแฟนคลับโม แต่โมคนเดียวเท่านั้นบนโลกใบนี้ที่เขาไม่ติดต่อด้วย ซึ่งโมไม่รู้แล้วโมก็ไม่คิดจะหาคำตอบด้วย โมก็สรุปได้เองว่าโมยังคงมีอิทธิพลกับเขาอยู่ เพราะถ้าคนที่เขารู้สึกว่าตัดได้แล้ว หรือไม่มีอะไรต่อกันแล้ว มันจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
“คิดว่าเรายังอยู่ในใจเขาหรือเปล่า...ก็ไม่รู้สิ แล้วแต่คนจะคิดว่าเพราะอะไรทำไมถึงคุยกันไม่ได้ทั้งๆ ที่รักกันมาก เคยเป็นคนๆ เดียวกัน ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเกลียด รักมากก็เกลียดมาก แต่โมคิดว่าถ้าเป็นสุภาพบุรุษพอจะไม่เป็นแบบนี้ สองเลยคือให้เกียรติคนใหม่ ซึ่งโมเฉยๆ นะ โมจะมีความรู้สึกว่าเขาได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เวลาที่เขาอยู่กับโมเขาเหนื่อยมามาก เขาทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเกิดเขามีคนใหม่ตอนนี้ อาจจะเป็นคนที่ทำให้เขามีกำลังใจในการทำงาน เพราะเขาทำงานหนักมากจริงๆ เขาอาจจะไม่มีใหม่ แต่เขาอาจจะมีเก่าก็ได้ ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ซึ่งโมเองทำใจได้แล้ว แล้วโมเองก็ไม่คิดจะไปทำอะไรด้วย เอาแค่ความสัมพันธ์ของเราสองคนเองมันยังไปไม่รอดเลย กลายเป็นคนที่มองหน้ากันไม่ติดกลายเป็นคนที่คุยกันไม่ได้ ฉะนั้นอย่างไปคุยถึงคนอื่นเลย เอาแค่เราสองคนยังไม่รอด”
อยากให้กลับมาคุยกันในฐานะพี่น้อง ไม่คิดว่าจะมีวันนี้วันที่มองหน้ากันไม่ติด ปฏิเสธข่าวที่กล่าวหาว่าชอบสร้างกระแส เพียงแค่เป็นคนพูดตรง แต่แค่พูดเยอะเกินไป
“ใจโมอยากให้กลับมาคุยกันได้ โมไม่อยากมีศัตรูบนโลกเลย ไม่ว่าจะอะไร สิ่งที่โมผิดโมก็พูด โมยอมรับต่อสาธารณะชนเลย ไม่ใช่เฉพาะกับเขา โมรู้สึกว่าโมต้องรับผิดชอบต้องแก้ต่างให้เขา เพราะเขาเป็นคนที่โดนกระแสข่าวเหมือนกัน ด้วยความที่เป็นผู้ชาย เขาพูดมากไม่ได้ พูดไปก็เหมือนทำร้ายผู้หญิง ฉะนั้นโมก็พูดเพื่อที่จะทำให้รู้สึกว่าไม่มีคนโยนความผิดไปที่เขา ขอโทษ วันเกิดเขาก็อวยพร แต่ก็ไม่มีสัญญาณใดๆ ตอบรับกลับมาจากหมายเลขที่ท่านเรียก ซึ่งโมก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่เราสองคนมองหน้าไม่ติด”
“เห็นโมอย่างนี้ เรื่องบางเรื่องพูดเยอะเกินไหมหรือเปล่า แต่มันก็สุด ณ แค่นั้นจริงๆ หลังจากนี้ไม่มีอะไรแล้ว จบ ไม่เหมือนบางคนที่เขาพูดน้อย พูดนิดเดียวแต่เบื้องหลังเต็มไปหมดเลย โมจะไม่ใช่แบบนั้น เห็นว่าโมพูดเยอะ แต่หลังจากนี้มันไม่มีอะไรโมหมดแล้ว แต่ก็อย่างที่คนรู้แหละว่าโมเป็นคนที่พูดอะไรเยอะจนเกินไป จริงๆ แล้วโมก็พูดอะไรออกไปตรงๆ นี่แหละ แต่คนจะคิดว่าโมซับซ้อนกว่านั้น คนคิดแทนโมไปเยอะกว่านั้น คิดว่าโมมีแผน แต่จริงๆ ไม่ใช่ โมก็พูดอะไรออกไปตรงๆ นี่แหละค่ะ โมคิดว่าเขาก็มีสิทธิ์ที่จะคิด เพราะโมเป็นคนที่สมควรจะคิด น่าคิดให้เป็นแบบนั้น โมเจอมาทุกรูปแบบแล้ว ไม่รู้สิ โมเหมือนเป็นคนที่ดูซับซ้อนมั้ง ส่วนไอจีที่โมใช้ก็จะมีอยู่แค่สองอัน ณ ตอนนี้ มีเมโลนี่ฟอร์แฟนที่ทุกๆคนสามารถตามอ่านกันได้ ในไอจีส่วนตัวไม่มีอะไรเลยนอกจากรูป เป็นรูปถ่ายสวยๆ ของโมที่ไม่ใช่การทำงาน”
รักครั้งใหม่ขอเป็นคริสเตียน ยอมรับว่าตั้งแต่เป็นหม้ายเนื้อหอมมากกว่าเดิม
“ความรักครั้งใหม่ โมยังไม่ได้มองเลย มองอยู่อย่างเดียวเองนะ ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่า ขอให้เขาเป็นคริสเตียน ซึ่งถ้าเจอคนใหม่แล้วเขาเป็นพุทธ และถ้าพร้อมจะเป็นคริสเตียนก็โอเค แต่ถ้ากลับไปคบกับคนเก่า ก็ขอให้เขาเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็ง ถ้าเรามีกันคนละเข็มทิศ และเข็มมันเดินทางไปด้วยกันไม่ได้ อย่างตัวพ่อแม่โม คนนึงพุทธ คนนึงคริส ความแตกต่างทางความคิดมันมีเยอะ เลยเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้เลิกกัน มันมีตัวอย่างและประสบการณ์ มันไปด้วยกันยาก ถ้าเรามีความเชื่อในลักษณะนึง แล้วอีกคนมีความเชื่อในลักษณะนึง จุดหมายปลายทาง บั้นปลายชีวิตมันจะไปคนละทาง มันยากมากที่เวลาเราจะแพลนชีวิตให้ลูกเรา คนนึงไปโบสถ์ อีกคนไปวัด เราก็ไม่รู้ว่าจะให้ลูกเราไปทางไหน”
“หม้ายยุคใหม่นี่ประหลาดมากเลย หม้ายยุคใหม่ทำไมเนื้อหอมกว่าคนโสดอ่ะ ผู้ชายสมัยนี้เขาไม่ฮิตคนโสดกันหรอ งงมากเลยเนอะ แต่โมลองวิเคราะห์ดูนะ ไม่ใช่ว่าแม่หม้ายจะทำตัวสวยขึ้น แต่ผู้ชายอาจจะไม่ชอบที่จะต้องมาเริ่มต้นเรียนรู้กับชีวิตใหม่ บางคนอาจจะอยากได้ผู้หญิงที่มีประสบการณ์มาแล้ว ลองผิดลองถูกมาแล้ว เขาจะได้รู้ว่าเขาพร้อมแล้วหรือยังมั้งนะ ก็เลยไม่ได้กลัวว่าผู้ชายจะไม่เข้ามาหา แต่จะกลัวที่จะหาผู้ชายที่เข้ากับเราไม่ได้มากกว่า เราเองก็อายุมาก เคยแต่งงานมาแล้ว เรามีตำหนิ เรามีรอยสักแล้วใครจะอยู่กับคนที่มีรอยสักได้ เราก็เกรงใจคนที่จะเข้ามาหาเราเหมือนกันนะ”
“ตั้งแต่เป็นหม้ายนี่งานโอเค ก็ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ให้ความไว้วางใจเรา บางทีเราเจอเรื่องแย่ๆมา มันเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต เป็นช่วงดราม่าครั้งใหญ่ เรารู้สึกเลยว่าภาพเราดูไม่ดีหรอก คนที่เคยคิดจะฆ่าตัวตายอ่ะเนอะ แต่ขอบคุณผู้ใหญ่ตรงที่ว่าเขาไม่ได้วัดจากสิ่งที่มันผ่านมา เขาอยากจะช่วยเหลือและให้กำลังใจเรา แล้วเขาก็วัดเราจากความสามารถที่เราทำ”