MGR Online - กลุ่มตัวแทนผู้เสียหายซื้อรถหรูจากบริษัท นิชคาร์ กรุ๊ป ร้องกระทรวงยุติธรรมให้เพิกถอนคำสั่งรถที่ถูกอายัดไว้ ยันผู้บริโภคซื้อรถในราคาเต็มจำนวนด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่ทราบเรื่องการนำเข้ารถเลี่ยงภาษี ด้านโฆษก ยธ.คาดจะมีชัดเจนภายใน ส.ค.นี้ แย้มมีแจ้งข้อกล่าวหาอีก 30 คดี
วันนี้ (4 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม นายวรณะ สติประเสริฐ พร้อมด้วยนายโอภาส เฉิดพันธุ์ และกลุ่มตัวแทนผู้เสียหายซื้อรถยนต์หรูจากบริษัท นิชคาร์ กรุ๊ป จำกัด เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ถอนอายัด หลังมีความเดือดร้อนอย่างมาก
นายโอภาสเปิดเผยว่า ตนซื้อรถลัมบอร์กินี อเวนทาดอร์ จากกลุ่มบริษัท นิชคาร์ และผ่อนจ่ายมาประมาณ 4-5 ปี มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท แต่กำลังจะถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไออายัด โดยปกติตนจะเป็นคนชอบเล่นรถและซื้อมาขายไปหากผ่อนชำระหมด อยากร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งสรุปว่าความเป็นมาอย่างไร เพราะหากปล่อยเรื่องค้างไว้นานจะสร้างความเสียหายเพราะไม่สามารถนำไปขายต่อได้
นายโอภาสเผยอีกว่า ตนได้สอบถามไปยังกลุ่มบริษัท นิชคาร์ บอกว่าต้องรอดีเอสไอสรุปเรื่องก่อนจึงดำเนินการได้ ส่วนการให้บริษัทผู้นำเข้าถูกปรับ 4 เท่า เพื่อชำระภาษีที่ขาดตนยังไม่ได้พูดคุยกัน ซึ่งบริษัทดังกล่าวเปิดบริการมากว่า 30 ปี ทำให้มีความน่าเชื่อถือต่อผู้บริโภค
ตัวแทนผู้เสียหายรายหนึ่งกล่าวว่า การเดินทางมาวันนี้เพื่อให้ปลดรถที่ถูกอายัด เพราะผู้บริโภคซื้อรถยนต์ในราคาเต็มจำนวนด้วยความบริสุทธิ์ใจและซื้อรถจากโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายหลายยี่ห้อ ไม่ได้ซื้อรถจดประกอบหรือนำเข้าผิดกฎหมาย แต่หลายคนต้องมาโดนอายัดทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาทิ บางคนมีปัญหาการเงินก็ไม่สามารถจำหน่ายได้ บางคนก็ต่อทะเบียนไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างดำเนินคดี
“ส่วนบริษัทดังกล่าวนำเข้ารถเลี่ยงภาษี ผมไม่ทราบเพราะบริษัทมีความน่าเชื่อถือและเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียว จึงอยากให้มีความชัดเจนเนื่องจากผู้บริโภคซื้อรถยนต์จากโชว์รูมอย่างเปิดเผย ขณะนี้ดีเอสไอทยอยเรียกแล้วกว่า 80 คัน อย่างไรก็ตาม ทางกฎหมายใครผิดก็ต้องว่ากันไป”
ด้านนายธวัชชัยเปิดเผยว่า รถยนต์ที่ถูกดีเอสไอยึดและอายัดมีหลายคดี เช่น รถนำเข้า รถจดประกอบ ฯลฯ โดยผู้ซื้อถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และร้องเรียนให้ปล่อยรถอายัด หากมีความเสียหายก็พร้อมรับผิดชอบ แต่ต้องดูข้อกฎหมายเพราะรถยนต์ถือได้ว่าเป็นวัตถุพยานในคดี รวมทั้งภายในเดือนสิงหาคมนี้จะแจ้งข้อกล่าวหาอีก 30 คดี แต่ต้องรอการประเมินราคาจากกรมศุลกากร อย่างไรก็ตาม จะต้องคุยรายละเอียดกับกระทรวงยุติธรรม ดีเอสไอ และกรมศุลกากร เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด