MGR Online - ทนาย ป.ป.ช.รอคัดคำพิพากษาเต็มยกฟ้อง “สมชาย-บิ๊กจิ๋ว-พัชรวาท-สุชาติ” คดีสั่งสลายพันธมิตรฯ ชุมนุมปี 51 ให้ ป.ป.ช.ตัดสินใจอุทธรณ์หรือไม่
วันนี้ (2 ส.ค.) แหล่งข่าวทีมทนายความรับมอบอำนาจจาก ป.ป.ช.ยื่นฟ้องคดีสลายม็อบพันธมิตรฯ เปิดเผยภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายกฟ้อง ถึงการจะใช้สิทธิอุทธรณ์คดีตามรัฐธรรมนูญใหม่ ปี 2560 หรือไม่ว่า ในการพิจารณาจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโจทก์เป็นผู้ตัดสินใจ โดยระหว่างนี้ขอคัดคำพิพากษากลางฉบับเต็มขององค์คณะฯ เพื่อดูรายละเอียดในประเด็นที่ศาลหยิบยกมา ประกอบกับคำวินิจฉัยส่วนตนของผู้พิพากษาองค์คณะทั้ง 9 คนว่าแต่ละท่านพิจารณาพยานหลักฐานอย่างไร เพื่อรวบรวมเสนอให้ ป.ป.ช.ตัดสินใจ โดยคดีนี้ ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้อง 2 ประเด็น คือ การปฏิบัติหน้าที่มิชอบที่สั่งสลายการชุมนุมกระทั่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตซึ่งมองว่ารัฐบาลก็ต้องควบคุมดูแลเมื่อมีเหตุบาดเจ็บ-เสียชีวิต แลประเด็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่เมื่อช่วงเช้ารู้แล้วว่ามีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต ก็ไม่ยับยั้งด้วยวิธีการอื่นใดนอกเหนือการสลายชุมนุมด้วยการยิงแก๊สน้ำตา โดยการไต่สวนก็นำเสนอภาพเหตุการณ์ประกอบการพิจารณา ซึ่งเรื่องเจตนาพิเศษนั้นแม้ไม่ได้จะทำให้เกิดการสูญเสีย แต่เมื่อเกิดแล้วก็ต้องระงับยับยั้ง
เมื่อถามว่า ตามรัฐธรรมนูญใหม่กำหนดให้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันจะทันเวลาหรือไม่ ทนายความของฝ่าย ป.ป.ช.กล่าวว่า ถ้าจะอุทธรณ์ก็ต้องพยายามดำเนินการในเวลารวดเร็ว แต่ก็จะตรวจสอบดูด้วยว่าจะสามารถขอขยายเวลาจากรัฐธรรมนูญฯ กำหนดได้หรือไม่ โดยอิงจากหลักคดีอาญาตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญาที่สามารถยื่นขยายเวลาได้ เรื่องนี้ก็ต้องตีความกฎหมาย
ขณะที่ศาสตราจารย์พิเศษ ภัทรศักดิ์ วรรณแสง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวว่า ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ ใหม่ กำหนดเวลายื่นอุทธรณ์ไว้ 30 วัน แต่เรื่องจะขยายอุทธรณ์ได้หรือไม่เวลานี้เมื่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังไม่ได้ประกาศใช้ ก็ต้องดูจากกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมวลวิธีพิจารณาคดีอาญาที่ใช้ในหลักคดีอาญาทั่วไปและข้อบังคับประธานศาลฎีกาในส่วนเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำพิพากษาขององค์คณะฯ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่พิพากษายกฟ้องในวันนี้เป็นการลงมติขององค์คณะฯ เสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 โดยนายธนสิทธิ์ นิลกำแหง เจ้าของสำนวนและองค์คณะผู้พิพากษาอีก 7 คน เป็นเสียงข้างมาก ส่วนองค์คณะเสียงข้างน้อย คือ นายปริญญา ดีผดุง