กลุ่มผู้เสียหายร่วม 10 ราย เข้าร้อง “ดีเอสไอ” ถูกเพจเฟซบุ๊กหลอกขายวัตถุมงคลราคาแพง อ้างนำเข้าจากอินเดีย - พม่า แต่ที่แท้เอามาจากท่าพระจันทร์ - พาหุรัด เสียหายรวมกันกว่า 500 ล้านบาท
วันนี้ (12 ก.ค.) เวลา 13.30 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย นำผู้เสียหายร่วม 10 ราย ที่ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนขายสาริกา เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับ น.ส.สุมาลี เลิศวิลัย กับพวก ในฐานความผิด หลบเลี่ยงภาษี และมีการโฆษณาอันเป็นเท็จในการแสดงหลักฐานการนำเข้าสาริกา พระพิฆเนศ และ เครื่องรางของขลัง จากประเทศพม่า และ อินเดีย มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และ รองโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง
น.ส.ประวีณ์นุช จันทร์ประเสริฐ อายุ 33 ปี ตัวแทนจาก จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับเพจเฟซบุ๊ก “Pumpuy Apple Shop - สาริกาลิ้นทอง” เมื่อปลายปี 58 ซึ่งประกาศขายวัตถุมงคลประเภทต่างๆ อ้างว่าได้นำเข้าสาริกาจากพม่า โดยมีพระเป็นผู้แกะสลักจากไม้กฤษณาขาว และ ไม้อำพัน รวมทั้งนำเข้าพิฆเนศจากอินเดียทุกรุ่น ตนจึงติดต่อซื้อ สาริกา รุ่น รวยเปรี้ยง ราคา 3,900 บาท เพื่อบูชาเสริมสิริมงคลและทำมาค้าขาย จากนั้นประมาณต้นเดือน พ.ค. 59 เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวได้ประกาศเปิดรับตัวแทนแต่ละจังหวัดจำหน่ายสินค้าวัตถุมงคลทางออนไลน์ โดยตนสนใจและสมัครค่าสมาชิกครั้งแรก 35,918 บาท ซึ่งทางเจ้าของเฟซบุ๊กได้ส่งของมาให้เป็นวัตถุมงคลประเภท สาริกา และ แผ่นผ้ายันต์
“ต่อมาช่วงปลายเดือน พ.ค. 59 เจ้าของเพจเฟซบุ๊กได้ติดต่อมาเพื่อให้สมัครเป็นตัวแทนระดับวีไอพี (VIP) แต่ต้องเสียค่าสมัครเพิ่มอีก 200,000 บาท ซึ่งจะได้วัตถุมงคลเพิ่มเติม คือ พระพิฆเนศ และ กำไลข้อมือ โดยก็ตอบรับ เพราะยังมีลูกค้าเป็นเพื่อนและบุคคลรู้จักในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ช่วยอุดหนุนสินค้าดังกล่าว ทำให้สามารถพอประคับประคองตัวไปได้ จนกระทั่งเดือน ต.ค. 59 เจ้าของเฟซบุ๊กยังมีโปรโมชั่นให้สามารถเปิดช็อปหน้าร้านค้าขายสินค้าได้ แต่ต้องจ่ายเงินอีก 1,000,000 บาท และจัดส่งวัตถุมงคลมาให้ครบทุกรุ่น” น.ส.ประวีณ์นุช กล่าว
น.ส.ประวีณ์นุช เผยต่อว่า จากนั้นเมื่อต้นปี 60 เจ้าของเพจเฟซบุ๊กได้บอกตนว่าทำผิดกฎระเบียบ เพราะไม่สั่งของตามเงื่อนไขเดือนละ 50,000 บาท จึงบล็อกออกจากกลุ่ม และไม่รับสินค้าคืน ทำให้ตนเสียหายกว่า 8,600,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีคนรู้จักเตือนแล้วว่าวัตถุมงคลที่ตนจำหน่ายนั้น คล้ายกับสินค้าแถวย่านท่าพระจันทร์ พาหุรัด ฯลฯ จึงตัดสินใจเดินทางมาดูด้วยตนเอง พบว่า เหมือนกันมาก จึงรู้ว่าถูกหลอกขาย ก่อนรวมตัวผู้เสียหายมาขอความช่วยเหลือและร้องทุกข์กล่าวโทษกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายสามารถ กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกขายวัตถุมงคลราคาสูงเกินปกติ และเมื่อสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้ว อ้างว่า จะได้ผลตอบแทนสูงอาจเข้าข่ายคดีแชร์ลูกโซ่ด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 ก.ค. จะพาผู้เสียหายไปร้องต่อ ปปง. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์สินต่อไป
ส่วนทาง นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวมีผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 100 ราย และเจ้าของเพจเฟซบุ๊กยังอ้างว่า สาริกาทุกรุ่นแกะสลักจากไม้กฤษณาขาว แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งขณะนี้ได้บันทึกข้อมูลในเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวทั้งหมดแล้ว เพื่อรวบรวมเป็นพยานหลักฐานส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องเพื่อเสนอให้อธิบดีดีเอสไอ พิจารณาตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป