ศาลชั้นต้นสั่งจำคุกจำเลยคดีแชร์ลูกโซ่ “ยูฟัน” รวมทั้งสิ้น 22 คน ฐานฉ้อโกงประชาชน คนละกว่า 12,200 ปี รวมทั้ง “เกย์นที” นักเคลื่อนไหวความหลากหลายทางเพศ โดนด้วย 12,257 ปี แต่ให้ติดจริง 20 ปี ปรับบริษัท ยูเทรดดิ้ง จำกัด จำเลยร่วม จำนวน 1,225 ล้านบาท พร้อมให้ร่วมกันคืนเงินแก่ผู้เสียหายกว่า 356 ล้านบาท
วานนี้ ( 22 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีแชร์ลูกโซ่บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด หมายเลขดำ อ.2279/2558 , อ.2836/2558, อ.1246/2559, อ.2081/2559, อ.2383/2559, อ.2915/2559 และ อ.3934/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิชรัชฏ์ แสนกล้า อายุ 42 ปี พร้อมพวกรวม 43 ราย เป็นจำเลยที่ 1-43 ในความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 3, 4, 5, 6, 7 และ 25,
ฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อาญา มาตรา 83, 341 และ 343, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงฯ ตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 19, 21, 46 และ 48 , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 และ 14 และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 พร้อมขอให้จำเลยร่วมกันคืนเงินชดใช้แก่ผู้เสียหาย 2,451 คน รวมเป็นเงิน 351,556,314 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบตรวจสอบสถานที่ตั้งของบริษัทยูฟัน ในแต่ละแห่งพบเป็นเพียงห้องเช่าและสอบถามพยานไม่พบการซื้อขายสินค้าตามที่บริษัทกล่าวอ้าง แต่ใช้การซื้อขายสินค้าออนไลน์อำพรางการกระทำที่แท้จริง คือ การขายหน่วยการลงทุนยูโทเคนที่ไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมาย แต่บริษัทอ้างเป็นสกุลเงินมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับการลงทุนหุ้นแต่ได้ผลตอบแทนเร็วกว่า และมีมูลค่าสูงกว่า และหากมีการหาสมาชิกต่อเพิ่ม จะได้ผลตอบแทนร้อยละ 7 ถึง 12 ของเงินที่สมาชิกใหม่นำมาลงทุนใหม่
ทั้งนี้ มีพฤติการณ์นำเงินหมุนเวียนจากสมาชิกเก่ามาจ่ายให้สมาชิกใหม่ แต่ที่ผู้ร่วมลงทุนบางส่วนระบุไม่รู้สึกว่า ตัวเองได้รับความเสียหาย เห็นว่าผู้เสียหายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแม่ข่าย ที่ได้รับค่าตอบแทนจากการชักชวนสมาชิกจำนวนมาก หลักฐานของจำเลยทั้ง 43 คน ไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษทุกกรรมเรียงกระทงความผิด
พิพากษา จำคุกจำเลยที่ 1,2,4,6,11,12,13 คนละ 12,265 ปี จำคุกจำเลยที่ 7 เป็นเวลา 12,267 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกคนละ 50 ปีและพิพากษาจำคุก จำเลยที่ 5, 15,16, 22, 23, 29, 31, 36, 37, 40 คนละ 12,255 ปี และจำคุกจำเลยที่ 17,19, และนายนที ธีระโรจนพงษ์ นักเคลื่อนไหวความหลากหลายทางเพศ จำเลยที่ 27 คนละ 12,257 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุก 20 ปี
พร้อมสั่งปรับบริษัท ยูเทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 42 ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นเงิน 1,225,700,000 บาท โดยให้ร่วมกันคืนเงินที่กู้ยืมและฉ้อโกงไปรวม 356,211,209 บาท แก่ผู้เสียหาย 2,451 คน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 21 คน พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย หนึ่งในจำนวนนี้คือ นายศิริโชค สิริวรรณภา อดีตสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นจำเลยที่ 41 พิพากษายกฟ้อง
พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ.10 เปิดเผยภายหลังคำพิพากษา ว่าา ศาลได้ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งพอใจและเคารพในคำตัดสินของศาลที่ลงโทษผู้กระทำความผิด ส่วนจำเลยที่ศาลยกฟ้องนั้น บางส่วนสืบเนื่องจากถูกแอบอ้างเลขบัญชี ในการโอนเงินและทำธุรกรรม โดยพร้อมชดใช้เงินให้ผู้เสียหายพร้อมดอกเบี้ย และหากมีผู้เสียหายที่ยังไม่แจ้งความสามารถเข้าแจ้งความได้
วานนี้ ( 22 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีแชร์ลูกโซ่บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด หมายเลขดำ อ.2279/2558 , อ.2836/2558, อ.1246/2559, อ.2081/2559, อ.2383/2559, อ.2915/2559 และ อ.3934/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิชรัชฏ์ แสนกล้า อายุ 42 ปี พร้อมพวกรวม 43 ราย เป็นจำเลยที่ 1-43 ในความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 3, 4, 5, 6, 7 และ 25,
ฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อาญา มาตรา 83, 341 และ 343, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงฯ ตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 มาตรา 19, 21, 46 และ 48 , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 และ 14 และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 พร้อมขอให้จำเลยร่วมกันคืนเงินชดใช้แก่ผู้เสียหาย 2,451 คน รวมเป็นเงิน 351,556,314 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบตรวจสอบสถานที่ตั้งของบริษัทยูฟัน ในแต่ละแห่งพบเป็นเพียงห้องเช่าและสอบถามพยานไม่พบการซื้อขายสินค้าตามที่บริษัทกล่าวอ้าง แต่ใช้การซื้อขายสินค้าออนไลน์อำพรางการกระทำที่แท้จริง คือ การขายหน่วยการลงทุนยูโทเคนที่ไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมาย แต่บริษัทอ้างเป็นสกุลเงินมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับการลงทุนหุ้นแต่ได้ผลตอบแทนเร็วกว่า และมีมูลค่าสูงกว่า และหากมีการหาสมาชิกต่อเพิ่ม จะได้ผลตอบแทนร้อยละ 7 ถึง 12 ของเงินที่สมาชิกใหม่นำมาลงทุนใหม่
ทั้งนี้ มีพฤติการณ์นำเงินหมุนเวียนจากสมาชิกเก่ามาจ่ายให้สมาชิกใหม่ แต่ที่ผู้ร่วมลงทุนบางส่วนระบุไม่รู้สึกว่า ตัวเองได้รับความเสียหาย เห็นว่าผู้เสียหายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแม่ข่าย ที่ได้รับค่าตอบแทนจากการชักชวนสมาชิกจำนวนมาก หลักฐานของจำเลยทั้ง 43 คน ไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษทุกกรรมเรียงกระทงความผิด
พิพากษา จำคุกจำเลยที่ 1,2,4,6,11,12,13 คนละ 12,265 ปี จำคุกจำเลยที่ 7 เป็นเวลา 12,267 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกคนละ 50 ปีและพิพากษาจำคุก จำเลยที่ 5, 15,16, 22, 23, 29, 31, 36, 37, 40 คนละ 12,255 ปี และจำคุกจำเลยที่ 17,19, และนายนที ธีระโรจนพงษ์ นักเคลื่อนไหวความหลากหลายทางเพศ จำเลยที่ 27 คนละ 12,257 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุก 20 ปี
พร้อมสั่งปรับบริษัท ยูเทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 42 ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นเงิน 1,225,700,000 บาท โดยให้ร่วมกันคืนเงินที่กู้ยืมและฉ้อโกงไปรวม 356,211,209 บาท แก่ผู้เสียหาย 2,451 คน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 21 คน พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย หนึ่งในจำนวนนี้คือ นายศิริโชค สิริวรรณภา อดีตสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นจำเลยที่ 41 พิพากษายกฟ้อง
พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ.10 เปิดเผยภายหลังคำพิพากษา ว่าา ศาลได้ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งพอใจและเคารพในคำตัดสินของศาลที่ลงโทษผู้กระทำความผิด ส่วนจำเลยที่ศาลยกฟ้องนั้น บางส่วนสืบเนื่องจากถูกแอบอ้างเลขบัญชี ในการโอนเงินและทำธุรกรรม โดยพร้อมชดใช้เงินให้ผู้เสียหายพร้อมดอกเบี้ย และหากมีผู้เสียหายที่ยังไม่แจ้งความสามารถเข้าแจ้งความได้