xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” ร้อนตัว! อ้อนทหาร ยึดนาฬิการูป “แม้ว” ในบ้านมือบึ้ม อย่าเหมารวมเป็นตัวบงการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - “ยิ่งลักษณ์” ขึ้นศาลฎีกาฯ ไต่สวนคดีไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดยมีสาวกเสื้อแดงมาให้กำลังคับคั่ง อ้อนทหารจับผู้ต้องหาคดีบึ้ม รพ.พระมงกุฎฯ และยึดนาฬิการูป “แม้ว” ได้ที่บ้านอย่าเชื่อมโยงว่าผู้เป็นบงการ เพราะพี่ชายไม่สนับสนุนความรุนแรง



วันนี้ (16 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าว พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ไต่สวนพยานจำเลยในคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อายุ 49 ปี อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

ในวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาศาลโดยมีประชาชนที่มารอให้กำลังใจเช่นเดียวกับทุกครั้ง ทั้งนี้ ประชาชนที่มายังได้ร่วมกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะอายุครบ 50 ปี ในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ด้วย

สำหรับการไต่สวนในวันนี้มีพยานปากเดียว คือ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะเบิกความในประเด็นการจัดโซนนิ่งพื้นที่ปลูกข้าว และการกำหนดหลักเกณฑ์เพาะปลูกเพื่อเข้าร่วมในโครงการรับจำนำข้าว

น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์กรณีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พบนาฬิการูปนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ภายในบ้านของผู้ถูกจับกุมว่า นายทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ต้องมีคนรู้จักรักชอบเป็นธรรมดา แต่ท่านก็ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง ขอความกรุณาอย่าเพิ่งเชื่อมโยง รอให้เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนและพิสูจน์หลักฐานให้สิ้นสุดก่อน เชื่อว่าท่านเองไม่เคยสนับสนุนการใช้ความรุนแรง และทางพรรคเพื่อไทยก็ได้ประณามผู้กระทำการดังกล่าวไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะตอบ 4 คำถามของนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนไม่อยากชี้นำ เชื่อว่าประชาชนคงเข้าไปใช้สิทธิในการตอบคำถาม อยากให้ความเห็นกว้างๆ ว่า 4 คำถามนี้ เหมือนจะชี้นำบ้าง แต่ก็อยากให้พี่น้องประชาชนให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ เพื่อให้เราได้หาทางออกร่วมกัน อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เจตนารมณ์ของผู้ร่างบอกว่าเป็นฉบับปราบโกง เชื่อว่าถ้ากลไกของรัฐธรรมนูญทำงานได้สมบูรณ์ เราก็จะมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล

เมื่อถามย้ำว่าจะไปแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ให้เป็นเรื่องของประชาชนดีกว่า เพราะเกรงจะเป็นการชี้นำ และคงไม่ตอบในแฟนเพจยิ่งลักษณ์ เนื่องจากเห็นว่าเขาก็ไม่อยากให้เพจพูดเรื่องการเมืองอยู่แล้ว ส่วนการที่มีคนกดไลก์แฟนเพจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึง 6 ล้านแล้วนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องขอบคุณแฟนเพจรวมถึงพี่น้องประชาชนที่เข้ามาติดตาม เราเปิดเพจมาประมาณ 7 ปี เป็นความรักความผูกพันที่มีต่อแฟนเพจและประชาชนชาวไทย ลองเปิดดูก็จะเห็นว่าทุกคนเข้ามาพูดคุยกันด้วยความรักความผูกพัน เมื่อถามถึงกรณีที่มีการจับกุมขบวนการรับจ้างกดไลก์แล้วนำมาเชื่อมโยงกับแฟนเพจนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “อย่ามองแฟนเพจยิ่งลักษณ์เลย เดี๋ยวใครได้ยินก็จะเสียใจแย่”

ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีที่ สนช.ผ่านร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองแล้ว ควรเปิดพื้นที่ให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมแล้วหรือยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การให้ทุกคนมีส่วนร่วมถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรจะเปิดพื้นที่กว้างให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ส่วนการปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้นั้นขึ้นอยู่กับ คสช.ที่จะเป็นผู้พิจารณา ในส่วนของพรรคการเมืองก็คงมีความต้องการ อยากให้ฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองโดยตรงดีกว่า

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลใช้มาตรา 44 เพื่อดำเนินการเรื่องรถไฟความเร็วสูง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียด แต่อยากให้เร่งรัดพัฒนาพัฒนาในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพราะเป็นสิ่งจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น การใช้มาตรา 44 เป็นการเร่งด่วนเป็นสิ่งที่ดี แต่อยากให้มีกระบวนการตรวจสอบที่โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ซึ่งศาลได้ปฏิเสธคำร้องขอความเป็นธรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากไม่อยู่ในอำนาจของศาลที่จะสั่งการองค์กรอิสระได้

 อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 10.00 น. ก่อนที่นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าวและองค์คณะ จะไต่สวนพยาน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความได้ขออนุญาตศาลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงด้วยวาจา หลังจากยื่นเอกสารร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลกรณีพยานจำนำข้าว ทั้งที่เป็นนักการเมืองและข้าราชการบางราย ถูกอนุ ป.ป.ช.ตั้งข้อกล่าวหา

โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แถลงต่อศาลว่า ที่ผ่านมาไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก ป.ป.ช.และอัยการโจทก์ ซึ่ง น.ส.สุภา  ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงคลัง พยานโจทก์ที่เคยนำมาไต่สวน ก็เป็นกรรมการ ป.ป.ช.และอนุกรรมการไต่สวน โดยภายหลังพยานฝ่ายจำเลยที่นำมาไต่สวนอย่าง นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.คลัง เมื่อเสร็จสิ้นการให้การแล้วพยานถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริต รวมทั้งนายอดุลย์ ยุววิทยาพานิชย์ ที่ปรึกษารองประธานกรรมการองค์การคลังสินค้าด้านกฎหมาย พยานอีกคนที่จำเลยเตรียมจะนำมาไต่สวนก็เช่นกัน ซึ่งกรรมการ ป.ป.ช.ที่อยู่ในอนุกรรมการไต่สวนคือ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ที่เป็นพยานของฝ่ายอัยการ ซึ่งลักษณะคล้ายการข่มขู่พยานดังนั้นจึงขอความเป็นธรรมต่อศาลว่า หากเกิดกรณีเช่นนี้จะทำให้ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยานให้กับตน และเกิดความกังวลว่า หลังจากนี้จะถูกรื้อคดีเพื่อมาเร่งรัดเอาผิด 

นายชีพ จุลมนต์ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ชี้แจงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ก่อนการไต่สวนองค์คณะได้รับหนังสือร้องขอความเป็นของจำเลยแล้ว และได้หารือตรวจดูข้อกฎหมายแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีข้อกฎหมายให้ศาลนี้มีอำนาจสั่งการดำเนินการขององค์กรอื่น ซึ่งการตรากฎหมายก็เป็นเรื่องที่นักการเมืองและสังคมดำเนินการมาโดยการจัดตั้งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดีศาลจะได้มีคำสั่งเรื่องนี้ในรายงานกระบวนพิจารณาอีกครั้ง

ต่อมา ทนายความได้นำนายยุคล ลิ้มแหลมทอง อายุ 67 ปี อดีต รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พยานให้ศาลไต่สวน โดยยื่นเป็นเอกสารประกอบ 28 หน้า ซึ่งทนายความจำเลย ได้ถามถึงการวางมาตรการเพิ่มผลผลิตชาวนาที่รัฐบาลได้ดำเนินการร่วมโครงการจำนำข้าว

โดยนายยุคล กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้พิจารณาทำโซนนิ่งหรือการสำรวจจัดพื้นที่ทีเหมาะสมในการเพาะปลูกแต่ละพื้นที่เพื่อจะให้เกษตรกรได้ผลผลิตสูงสุด ประกอบการการทำ สมาร์ทฟาร์เมอร์ (smart farmer) เพิ่มองค์ความรู้ให้เกษตรกรในการพัฒนาผลผลิต เช่น เรื่องปุ๋ย เทคโนโลยี โดยการสำรวจพื้นที่เกษตรในประเทศไทย มี 150 ล้านไร่ ในจำนวนนั้นเกษตรกรได้ทำนา 70 ล้านไร่   แต่เมื่อได้มีการสำรวจพื้นที่ที่ดินก็มีการจัดระดับความเหมาะสมในการเพาะปลุก 43 ล้านไร่ ส่วนทีเหลือกว่า 20 ล้านไร่นั้นอยู่ในระดับเหมาะสมน้อยถึงไม่เหมาะสมซึ่งมีการจัดข้อมูลไว้ว่าว่าควรจัดสรรที่ดินในการเพาะปลูกพืชเกษตรอย่างอื่นเช่นการปลูกอ้อย , ยางพารา , ข้าวโพด, มันสำปะหลัง เพื่อจะเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่นั้นๆได้ปลุกพืชอย่างเหมาะสมตามสภาพแวดล้อมและมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยการตรวจสอบและจัดข้อมูลวางแผนนี้กระทรวงเกษตรฯได้พยายามดำเนินการมานานแล้วปีเศษ แต่การที่จได้ผลดียังต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน

นอกจากนี้นายยุคล ยังตอบการซักค้านของอัยการโจทก์ ในเรื่องการประมาณการผลผลิตว่า จะมีหน่วยงานระดับกรมในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ที่เก็บข้อมูล เเละมีเกณฑ์เฉลี่ยไว้ล่วงหน้าว่าเเต่ละปีจะมีผลผลิตเท่าใด เเต่ในการปฏิบัติจริงผลผลิตจะตรงกับที่ประมาณการไว้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ , สิ่งเเวดล้อม , แมลง เเละปัจจัยอย่างอื่น ส่วนเรื่องที่มีการสวมสิทธิในโครงการนั้นจะเป็นไปได้ยากเนื่องจากการออกใบรับรองเกษตรกรจะต้องมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่ต้องผ่านการรับรองประชาคม ส่วนที่จะมีผู้อ้างสวมสิทธิที่ไม่ใช่เกษตรกรปลูกข้าวเองนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะมีคณะกรรมการกลั่นกรอง 

ส่วนที่อัยการโจทก์ถามว่ามีการจับกุมเกี่ยวกับเรื่องการสวมสิทธิเเปลว่าต้องยอมรับว่ามีการทุจริตนั้น เรื่องนี้ต้องบอกว่าเนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่มีคนเกี่ยวข้องเป็นล้านคนย่อมมีโอกาสผิดพลาดได้เเต่ในส่วนที่มีความผิดพลาดที่เกี่ยวกับเกษตรกรนั้นไม่มีบันทึกว่าเป็นความผิด เเต่เป็นการบันทึกว่าพบสิ่งผิดปกติเท่านั้น ซึ่งการดำเนินคดีเรื่องการสวมสิทธิเป็นเรื่องนอกเหนือจากกระทรวงเกษตรฯ ดูเเล เเต่ถ้าเรื่องนี้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดทางรัฐก็มีการดำเนินคดีทุกราย แต่ระหว่างที่ตนปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่เคยเห็นมีรายงานเรื่องการสวมสิทธิเข้ามา ซึ่งการรายงานเรื่องสวมสิทธิในพื้นที่จะเป็นการรายงานระดับจังหวัดที่ต้องรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดโดยจังหวัดจะมีการตั้งคณะกรรมการ ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานแล้ว จะต้องรายงานต่อไปยัง รมว.พาณิชย์ ส่วนตนในฐานะที่เป็นคณะกรรมการเรื่องข้าวในคำสั่งระบุให้รายงานเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่ามีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการสวมสิทธิข้าวนั้น เเม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้มีการสั่งการโดยตรง เเต่ก็มีสั่งการในที่ประชุม ครม.ซึ่งทุกคนก็จะได้รับทราบเเละมีการตรวจสอบทั้งระบบไว้อยู่เเล้ว สำหรับกรณีที่มีคณะกรรมการโดย ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ตรวจสอบถึงเรื่องข้าวคุณภาพเสื่อมนั้นต้องอธิบายว่าเรื่องการเก็บรักษาข้าวเป็นเรื่องอ่อนไหว มีปัจจัยตัวเเปรหลายอย่างที่ต้องเก็บรักษาข้าวตามกระบวนการไม่ให้ข้าวเสื่อมสภาพต้องพิจารณาว่าการตรวจสอบที่ ม.ล.ปนัดดาเป็นประธานได้คำนึงในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่

ภายหลังนายยุคล เบิกความเสร็จสิ้น ศาลกำหนดนัดไต่สวนพยานจำเลยปากต่อไปในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.ส่วนที่ทนายความ จะนำนางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. เข้าไต่สวนเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าว เป็นนโยบายพรรคการเมือง ที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ย่อมมีผลผูกพันในการดำเนินโครงการตามนโยบายนั้น ศาลเห็นว่าเป็นเพียงความเห็นในข้อกฎหมาย ศาลจึงให้ทนายความทำความเห็นของพยานส้งเป็นเอกสารยื่นต่อองค์คณะฯ พิจารณาภายในวันที่ 7 ก.ค.นี้






กำลังโหลดความคิดเห็น