xs
xsm
sm
md
lg

เผยนาทีสุดวิกฤตเมื่อสารวัตรมือปราบฉลามดำ กับ 2 ดาบตำรวจตกวงล้อม ตร.ลับพม่า ต้องยอมเจรจาปล่อย “ไอ้เก้า” แลกกับ “อีเปรี้ยว-อีแจ้-อีเอิร์น”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ** ทีมข่าวอาชญากรรม


แถมฉากจบโคตรดรามาถูกตำรวจ ตม.แม่สาย “หักเหลี่ยมโหด” ฉกผลงานเฉย ขนาดปิดประตูรั้ว ปิดอาคารต้องปีนตึกไปสอบสวน

“คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล คบคนชั่วพาตัวต้องอับจน คบคนดีให้ผลจนวันตาย”

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักและเคารพของกระพ้มนาย “บิ๊กเกรียน” แม้จะผ่านช่วงกระแส “อีเปรี้ยว โหดสังหารโคตรสะบึม” ไปแล้ว แต่เนื่องจากการ “เก็บตก” ข่าวชิ้นนี้ยังมีอะไรหลง-เหลือ ให้กระพ้มพอจับประเด็นเอามาขยายความ “ขายข่าว” กันได้บ้าง...ขอเริ่มจาก “มุมมอง” ประสานักข่าวอาชญากรรมที่ผ่านงานมาเกือบ 40 ปี และยังชอบซอกๆ แซกๆ ดูโน่นถามนี่ให้คำตอบท่านที่ยังค้างคาใจว่า...ทำไมอีเปรี้ยวจึงโหดโคตรโหด ทำไมสังคมไทยจึงผิดเพี้ยนทำท่าจะเห็นผิดเป็นชอบ...ฆาตกรใจเหี้ยมมีดีแค่ “โนตม” แต่เส้นทางชีวิต “เหลวแหลก” น่าจะมีประสบการณ์เชิงชู้สาวตั้งแต่อายุ 12-13 ขวบ เห็นได้จากลูกที่มีอายุ 8 ขวบ ส่วนแม่ 24 เรียกว่าเป็นแม่คนตั้งแต่เป็นเด็ก....ประวัติเธอไม่แน่ชัดแต่พอเลิกกับผัวคนแรก งานที่ทำคือสถานบริการต่างๆ ที่ต้องใช้ความสาว ความสวย และเรือนร่างที่สะดุดตาเน้นไปทางคาราโอเกะ สลับกับบินไปประเทศสิงคโปร์ ไต้หวัน และ ฮ่องกง

00000...กระพ้มคงไม่ต้องบอกว่าเธอไปทำอะไร ถ้าไม่ใช่อย่างเดียวกับที่มีสาวไทยจำนวนไม่น้อยนิยมไปขายที่ขายนาขายไร่กันนั่นแหละ...งานเบาเงินเยอะใครก็ชอบ....คราวนี้เมื่อมีชีวิตอยู่กับสังคมสีเทา การคบหาเพื่อนๆ แน่นอนว่า ก็คงจะมีความถี่เดียวกัน ส่วน “ผู้บ่าวขาเลาะ” ชอบหนีเมียมาคาราโอเกะ จะมีอะไรเสียอีก ถ้าไม่ใช่พวกนักพนัน ค้ายา....เหตุผลที่ “ฟันธง” 2 อาชีพนี้ ก็เพราะมีรายได้ดี เรื่องของความรักไม่ต้องพูดถึง ขอมีเงินไว้ก่อนเป็นอันใช้ได้....มีโอกาสดูคลิปโชว์สยิวของ “อีเปรี้ยว” จับทางได้ว่า หล่อนทำทุกอย่างเพื่อเงิน ยอมแก้ผ้า อวดนม ถ่างแข้งถ่างขา เด้งหน้าเด้งหลัง แล้วปิดฉากด้วยการเชิญชวนเข้าเว็บเล่นการพนัน หวย หุ้น ไก่ชน ฟุตบอล บาคาร่า...บ่องตง...นี่ยังเสียวกลัวมีอีเปรี้ยว 2-3-4-5 ตามมา เพราะเส้นทางชีวิต “บัดซบ” แบบนี้มีคนเดินโคตรเยอะ !!??

 
00000.....เมื่อกร้านชีวิตมากๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้...ผัวคนใหม่ดันเป็นพวกค้ายา ถูกตำรวจจับเข้าคุก ส่วนกิ๊กหรือข่าวที่บอกว่าชายคนสนิทที่ออกมาการันตีนู่นนี่นั่น ไม่พ้นคนขี้คุกขี้ตะราง แต่สื่อโทรทัศน์บางช่องก็เอามา “ปั้น” มาสัมภาษณ์เป็นคุ้งเป็นแคว....หลังร่วมกับอีแจ้ อีเอิร์น ฆ่า “แอ๋ม” ไปแล้วมีตัวละครสำคัญอีก 1 ตัวโผล่ออกมา แต่ตอนนี้หายเข้ากลีบเมฆไปอย่างน่าตาเฉย...หวังว่าท่านทั้งหลายยังคงจำ “ไอ้เก้า” หรือ ธวัชชัย อ้อมชมพู กันได้..หมอนี่ตามประวัติบ้านเดิมอยู่เลขที่ 16/10 หมู่ 1 ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นคนนำทางแก๊งอีเปรี้ยว หนีเข้าเมืองท่าขี้เหล็ก ฝั่งพม่า....“น้องเก้า”...เอ้ยยย...“ไอ้เก้า” มีประวัติพัวพันกับยาเสพติดอยู่พอสมควร กล่าวคือ เคยถูกจับคดียาเสพติดที่ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี และ จ.ศรีสะเกษ แต่หลบหนีระหว่างประกันตัวศาล...พูดง่ายๆ ว่า มีหมายจับทั้งหมด แบ่งเป็นชาย 1 หญิง 3 ...หากลำดับเหตุการณ์คาดว่า แก๊งอีเปรี้ยวลงมือสังหารเหยื่อประมาณวันที่ 23 พ.ค. จากนั้นจึงหลบหนีมายังกรุงเทพฯ ซึ่งกระพ้มมีข้อมูลน่าเชื่อถือว่า ไม่แค่มาตั้งหลักแต่กำลังเตรียมบินไปยังประเทศไต้หวัน ถิ่นเก่าที่อีเปรี้ยว เคยไปให้อาตี๋ อาเฮีย อาแป๊ะ “ซะบะละห้า” มาก่อน แต่ปรากฏว่าติดขัดที่อีแจ้ ไม่มีหนังสือเดินทาง..จะปลอมก็ไม่กล้า จะไปยื่นขออนุญาตก็กลัวถูกจับที่สุดแล้วจึงโทรศัพท์ติดต่อกับ “ไอ้เก้า” คู่ค้ายาเสพติดของว้าแดง ในฐานะซี้แหงที่ส่งยาให้กันเป็นประจำซึ่งไอ้เก้า ตอบตกลง และทั้งหมดจึงเปลี่ยนแผนมุ่งสู่ด่านแม่สาย จ.เชียงราย ทันที

 
00000.....ข้อมูลตรงนี้แหล่งข่าวของ “บิ๊กเกรียน” ย้ำนักย้ำหนาว่า ไม่ใช่ประสงค์จะหลบหนีประการเดียว แต่ทั้ง 3 ยังวางแผนไว้ว่าจะหมกตัวทำมาหารัปทานในบ่อนกาสิโน ของว้าแดง เผลอๆ อาจจะ “ซะบะละห้า” กับทหารว้า หรือเซียนพนันนับเงินกันไม่หวาดไม่ไหว เพราะ “หญิงไทย” เป็นที่ต้องการของที่นั่น ส่วนน้องๆ จากท่าขี้เหล็ก เข้ามาเป็นหมดนวด-หมอนาบ แข่งกับน้องหนูเจ้าถิ่นในกรุงเทพฯนั้น มันก็คล้ายกับความรู้สึกของคนทำอาชีพขายเรือนร่างต่างก็มียาง (อาย) ไม่มีใครอยากทำอะไรแบบนี้ในสังคมที่มีคนรู้จัก... ยิ่งกว่านั้นยังมีเรื่องของวัฒนะธรรม-ความเชื่อตลาด “กามา” ในท่าขี้เหล็ก จึงเพ่นพ่านไปด้วยสาวไทย (ใจถึง).....กลับมาที่วิบากกรรมของอีเปรี้ยว และสมัครพรรคพวก....แต่แผนที่วางไว้กลับไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด เพราะสื่อยุคไร้พรมแดน สื่อยุคดิจิตอลเร็วปรู๊ดปร๊าด ทำให้ประชากรฝั่งท่าขี้เหล็ก รู้ข่าว เห็นหน้าค่าตาของอีเปรี้ยว อีแจ้ อีเอิร์น และ ไอ้เก้า เสพกันอยู่ทุกวัน 3 เวลาหลังอาหารไม่แพ้คนไทย.... แทนที่จะเสวยสุขอยู่ตามซ่องไฮโซตามแผนเดิม ก็เลยต้องหลบๆ ซ่อนๆ ในบ้านเรือนที่ว้าแดงกำหนดให้.....คราวนี้มาติดตามช่วงไคลแม็กซ์เมื่อแก๊งอีเปรี้ยวกลายเป็นเสือลำบาก โดยมีตำรวจฝ่ายสืบสวนจากภาค 4 เจ้าของท้องที่เกิดเหตุ และ ภาค 5 ในฐานะพื้นที่หลบหนีและให้การสนับสนุนออกไล่ล่ากันอย่างกระชั้นชิด แต่ปรากฏว่า เกิดเหตุระทึกในระหว่างที่ตำรวจไทยใจเด็ด 3 คน อันประกอบด้วย พ.ต.ท.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ สว.สส.บก.ภ.4 แห่งศูนย์ฉลามดำ ด.ต.กมล เทพชมพู และ ด.ต.ปรีชา คำก้อน สายสืบ สภ.แม่สาย เข้าไปเจรจากับตัวแทนฝ่ายพม่า เพื่อขอความร่วมมือ กลับถูก “ล็อกตัว” ในฐานะผู้บุกรุก และจารกรรมข้อมูล....อ้าว!!?? ซวยล่ะซิ....ตำรวจ-ทหารฝ่ายความมั่นคงพม่า ยึดโทรศัพท์มือถือตำรวจทั้ง 3 คน และลบข้อมูล-ภาพถ่ายทั้งหมด ซึ่งในระหว่างควบคุมตัวนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด แต่ พ.ต.ท.ไพรวัลย์ พยามชี้แจงพร้อมขอร้องให้ช่วยติดต่อกับผู้บังคับบัญชาฝั่งไทย เพื่อยืนยันภารกิจ แต่ไม่เป็นผล

00000.....เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง สารวัตรมือดีแห่งแดนอีสาน แม้จะเหงื่อกาฬเริ่มแตก แต่ยังอุ่นใจที่แอบซ่อนโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงอีกเครื่องหนึ่ง จึงออกอุบายขอเข้าห้องน้ำ ฝ่ายพม่าอนุญาตแต่ส่งคนคอยประกอบเฝ้าหน้าห้อง....การติดต่อไม่ได้ผล เนื่องจากไม่มีสัญญาณ...ทั้งโทร.ตรงและส่งข้อความทางไลน์ ล้มเหลวทั้งหมด จึงจำยอมต้องกลับมานั่งรอให้ฝ่ายพม่าลิขิตชีวิต.....2 ชั่วโมงต่อมามีโทรศัพท์จาก “อาหลง” ผู้กว้างขวางที่ทำมาหากินกับกองทัพว้าแดง ติดต่อมายังนายทหารพม่าซึ่งเข้าใจว่ามียศสูงสุด และเป็นระดับหัวหน้า....การเจรจาต่อรองเกิดขึ้นโดย “อาหลง” ยืนยันจะส่งมอบตัวอีเปรี้ยว อีแจ้ และ อีเอิร์น ให้กับทางการไทย แต่มีข้อแม้ห้ามแตะต้อง “ไอ้เก้า” อย่างเด็ดขาด เพราะถือว่า “ไอ้เก้า” เป็นบุคคลสำคัญของว้าแดง...สำคัญที่เคยเป็นคู่ค้าส่งยาเสพติดเข้ามาขายในประเทศไทย เมื่อถึงคราวมีปัญหาก็ต้องดูแลเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน....3 ทุ่ม วันที่ 3 มิ.ย. จึงมีข่าวการติดต่อมอบตัวของอีเปรี้ยว กับเพื่อนๆ แต่ไม่ปรากฏร่างของ “ไอ้เก้า”และยังไม่มีเจ้าหน้าที่ไทยแม้แต่คนเดียวที่จะพูดถึง....แต่เรื่องมันๆ เค็มๆ ยังไม่จบเพียงเท่านี้...พระเดชพระคุณทั่นโปรดติดตาม !!??

 
00000.....ระหว่างการเตรียมพร้อมนำ 3 ผู้ต้องหาข้ามจากฝั่งพม่า มายังแม่สายเขตประเทศไทย กระแสข่าวจับอีเปรี้ยว เข้าหูนักข่าวที่ไปเกาะติดสถานการณ์ มีการแชร์ภาพถ่ายหน้าด่านสะพานมิตรภาพพม่า-ไทย ที่ฝั่งท่าขี้เหล็ก เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน...ทุกสื่อหูตาแหก รวมทั้งกระพ้มช่วยกันปั่นช่วยกันเร่งยิ๊กๆๆๆ....หลายสำนักข่าวได้รับการยืนยัน แต่ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ และหนักกว่านั้นคือไม่เห็นตัวผู้ต้องหา...ไม่เพียงกองทัพนักข่าวที่หงุดหงิดแต่ 3 ตำรวจเดนตาย คือ สารวัตรไพรวัลย์ ดาบกมล และดาบปรีชา ต่างมารู้ตัวว่า “เสียท่า” ตำรวจ ตม.แม่สาย หลังจากที่ ตม. มารับตัวผู้ต้องหาไปและรีบนำเข้าตึกโดยปิดประตูรั้ว ปิดทางเข้า-ออก ทุกด้าน........ท่าไม่ดีเสียแล้ว...เห็นว่ากำลัง “ถูกปล้น-ผลงาน” อย่างต่อหน้าต่อตาสารวัตรไพรวัลย์ จึงรีบกดโทรศัพท์แจ้งไปยังผู้บังคับบัญชา “ภาค 4” ก่อนที่ระดับบิ๊กๆ ประสานให้ 3 ตำรวจ เข้าไปสอบสวนผู้ต้องหาได้ด้วยเหตุผลในฐานะตำรวจท้องที่-เจ้าของคดี และเป็นชุดที่เข้าไปกดดัน....แต่อุปสรรคไม่หมดเพียงเท่านั้น ฝ่าย รปภ.ตม. ทำแค่เปิดประตูรั้วแต่ไม่ให้เข้าตัวอาคาร พ.ต.ท.ไพรวัลย์ ตัดสินใจเป็นไงเป็นกันปีนตึกบุกเข้าไปยังห้องควบคุมทันที ....ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ก็คือ อาการลั้ลลา ครื้นเครง เป็นกันเองระหว่างแก๊งอีเปรี้ยวกับตำรวจหญิงและชายของ ตม. ก่อนจะลงเอยด้วยคำสั่งของผู้ใหญ่ใน สตช. ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจนกว่าจะนำตัวมาแถลงยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบันทึกการจับกุมยาวเหยียดดังที่ท่านพ่อแม่พี่น้องได้เห็น....เฮ้อออออ..ขอถอนหายใจแป๊บบบ

00000.....นี่คือเบื้องหลังหนุกๆ ที่กระพ้มตั้งใจเขียน “เอาฮา” มากกว่า “เอาโฮ” แม้แต่พฤติการณ์ของ “อีเปรี้ยว” หรือเส้นทางสายกามาก็มิได้เจตนาเหยียดสตรีเพศแม่...แต่ความจริงก็คือความจริง...กระพ้มนำมาตีแผ่เพื่อให้เห็นภาพ...เห็นข้อเท็จจริงทุกด้าน...ส่วนที่แตกประเด็นมีเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ทำไม่เหมาะสม จนต้องย้ายกันนั้นขออนุญาตไม่ออกความเห็น เพียงอยากกระตุกสังคมไทยสักนิดว่า ...ถูกในผิด หรือผิดในถูก...สุดท้ายก็ควรใจกว้างต้องยกผลงานให้กับตำรวจเขา ถึงไม่ได้จับเองแต่มีพม่าเอามาประเคนก็ตาม..ถ้าตำรวจเราไม่กดดัน...ไม่จี้ติดป่านนี้ ทั้งอีเปรี้ยว อีแจ้ อีเอิร์น “ซะบะละห้า” ซำบายจิ่มจิ๋มไปแล้วก็ได้...อีกเรื่องคือ การเอาเครื่องบินของกองบินตำรวจไปรับ...จะว่าเวอร์ก็เวอร์..จะว่าไม่เวอร์ก็ฟังได้ เพราะคดีนี้ท่านพ่อแม่พี่น้องให้ความสนใจ...สำมะคัญทำไมคุณพี่ “ณัฐธร เพราะสุนทร” เจ้าพ่อ ตม. ต้องลงไปกำกับดูแล “รับ” อีเปรี้ยวด้วยตัวเอง....เหตุผลเพราะ 1. ท่านเป็นคนบ้างาน...ไม่เชื่อ “บิ๊กเกรียน” ลองย้อนกลับไปดูซิ 1 สัปดาห์มีข่าวได้ทุกวัน 2. การใช้เครื่องบินฟอกเกอร์ จะต้องมีนายตำรวจระดับ “นายพล” เท่านั้นที่สามารถขออนุญาตใช้ได้ แต่คนที่ขอคือ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพียงแต่รอ “ตั้งหลัก” แถลงข่าวในห้องกระจกก็เลยไหว้วานให้คุณพี่ณัฐธร เหาะไปแทน...เริ่ดสะแมนแตนไหมล่ะ
กำลังโหลดความคิดเห็น