เผยเป็น “ขุมทรัพย์ - กินเงียบ” ตำรวจใหญ่นิยมขนเงินมาปล่อยกู้ “กินดอก” ลูกน้อง...อึ้ง!!?? “นวย ทนได้” เหนาะๆ 50 ล้าน 3 บัญชี พร้อมลูก - เมีย/ “ศานิตย์” งานเข้า - หนัก เจอกระแสสังคมบีบฐานเป็นที่ปรึกษาบริษัท “น้ำเมา”- เสียดายงบ 3 พันล้าน สสส. รณรงค์ “เมาไม่ขับ” เหลว เพราะเล่ห์นายทุน “หว่านเงิน” ซื้อตัวคนมีอำนาจเป็นพวก
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รัก....สัปดาห์ท่องเที่ยวฤดูหนาวแม้แต่ภูทับเบิก ยังมีแม่คะนิ้ง...ไทยเที่ยวไทย กินของไทย และเรากำลังจะมีประชาธิปไตยแบบไทยๆ มาร่วมไชโยโห่หิ้ววววต้อนรับกันหน่อย....ไม่ให้เสียเวลาขอแสดงความยินดี 11 ตำรวจ (ไทย) ผู้ได้รับฉายาประจำปี 2559 จากสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ปีก่อนสมาคมฯแห่งนี้ให้เป็น “ผบ.เสียทรง” สร้างความขุ่นเคืองหัวใจไม่ใช่น้อย... เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก...รอบนี้กลับตาลปัตร 360 องศาเป็น “สุภาพบุรุษโล่เงิน” เหตุผลสวดยวด ต้องยกให้ 2 โป้ง.... 1. เดินเครื่องเต็มสูบในการปฏิรูปตำรวจ 2. บริการประชาชนยอดเยี่ยม 3. คดีอาชญากรรมลดลง 4. องค์กรมีความสามัคคี 5. ช่วยเหลือชาวนาเกี่ยวข้าว และให้ทุกโรงพักช่วยขายข้าวสาร....โอ้โห...โอ้โฮ...อย่างนี้ต้องอยู่ให้ครบ 5 ปีเลยนะขอรับ...ก้อว่ากันไป “สองคนยลตามช่อง” สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมฯ “ฟันธง” กันแบบนี้ ส่วนชาวบ้านและตำรวจอีกเกือบ 2 แสนคน จะเห็นต่างอย่างไรกระพ้มนาย “บิ๊กเกรียน” ไม่ขัด - ไม่ข้อง แต่ขออนุญาตมอง “สวนทาง” หวังว่าคงเข้าใจ...ขอทำหน้าที่กระจกอีกบาน “ส่องภาพ” ที่ต่างออกไป...อันเหตุผลที่ว่าเดินเครื่องปฏิรูปตำรวจเต็มที่นั้น...ขอโทษ “ฉบับอีจ่อย” หรือ “นวย - ทนได้” ถ้า 2 ฉบับนี้เขาเรียกว่า “ปฏิลวง - ถ่วงเวลา” ขอรับกระผมเพราะ “หัวใจ” คือ แยกงานสอบสวน - หน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจป่าไม้ รถไฟ ท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และอีกสารพัด...ต้องมีการถ่วงดุลอำนาจ...กองพิสูจน์หลักฐาน - นิติเวชฯ ระบบกล่าวหา จับเอง - สอบเอง - หาพยานหลักฐานเอง มันเหมาะมันดีกับสังคมไทยที่กำลังเปลี่ยนไปไหมล่ะ....บริการประชาชนยอดเยี่ยม - คดีอาชญากรรมลดลง (จริงมั้ย)...ไม่ลองถามชาวบ้านดูก่อนหรือ....ส่วนองค์กรมีความสามัคคี...อุ๊ยต๊ายตายยยย...อกอีแป้นแตก !!??...สามัคคีชุมนุมกันหลักพัน อีกเกือบ 2 แสน “แตกดังโพล๊ะ”...ส่วนเรื่องเกี่ยวข้าว - ขายข้าว จะว่าไงก็เอาเหอะ..เอาที่บายใจกันละกัน...เต็มที่เลยพวก !!??
00000.....“บิ๊กเกรียน” คนข่าวแก่ๆ “เข้าใจ” คนใหญ่ - คนโตอย่าง “บิ๊กแป๊ะ” ทุกเรื่อง - ทุกการเคลื่อนไหวใช่ว่า ผบ.ตร. จะเสกซ้ายหัน - ขวาหัน ได้ดังใจ...ยิ่งในยุค “ทหาร” ครองเมืองความเด็ดขาด - รวดเร็ว สไตล์สีเขียวขี้ม้าจำเป็นต้องตอบสนองเพื่อความอยู่รอด...อาจจะเรียกว่า “ไม่เป็นตัวของตัวเอง” คงไม่ผิดนัก...แต่....สุดท้าย “ภาวะผู้นำ” หนีไม่พ้นต้องมาตกที่ท่าน....จุดเด่นนายตำรวจท่านนี้ คือ เป็นคน “เข้าใจโลก” สำคัญมากๆ คือ “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” ใครที่เป็นน้อง เป็นนาย เป็นเพื่อนล้วนแต่ประทับใจ..เห็นหน้าดุๆ พูดจาโผงผางไม่เข้าหูอย่างนั้น แต่มีจิตเมตตาสูง....ข้อดีมีเยอะแต่จุดอ่อนก็มีแยะโดยเฉพาะ “ม็อตโต้” ที่ว่าใครมา 100 ให้กลับ 100 ใครมาน้อยว่าไปตามน้อย....อันนี้ “บิ๊กเกรียน” ไม่เห็นด้วยเพราะหากคนที่ให้ “บิ๊กแป๊ะ” 100 เป็นพวก “เฮงซวย” ท่านมิต้องติดค้างความรู้สึกอะไรกับคนประเภทนี้ดอกหรือ...แต่ก็เอาเถอะแน่ไม่แน่..เจ๋งไม่เจ๋งนี่ขึ้นปีที่ 2 แล้วไม่เห็นมีใครทำอะไรได้...“ข่าวลือ - ข่าวลวง” เป็นของคู่กัน...เดี๋ยวก็ว่าเก้าอี้ประมุขสีกากีจะเป็นของ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง....เดี๋ยวก็ว่าจะเป็นของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน....เห็นแต่ชื่อคนอื่นกลับไม่มี “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง “คนหมายมั่น - ปั้นมือ” แลบออกมาแม้แต่ครั้งเดียว...“ศึกขย่ม - เก้าอี้ ผบ.ตร.” เบื้องหน้า - เบื้องหลัง เป็นอย่างไร มีใครเกี่ยวข้องด้วยคนรู้ดีที่สุด ก็คือ “บิ๊กแป๊ะ”....เอาเป็นว่าเก้าอี้ ผบ.ตร. ยังแข็งแรงดี บรรดา “จิ้งจกหลวง - ตุ๊กแกวัง” รู้จักมือประสาน 10 ทิศน้อยไป
00000.....รับไปเต็มๆ “ส่งท้ายปีเก่า - ต้อนรับปีใหม่” พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร เจ้าพ่อนครบาล เจอคำถามมากมาย เมื่อ ป.ป.ช. เปิดลายแทงขุมทรัพย์ 1. การรับเงินเดือนจำนวน 5 หมื่นบาท จากบริษัท ไทยเบฟ เป็นเรื่องที่สมควรและขัดต่อจริยธรรมหรือไม่ 2. เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแพร่ ที่ระบุชัดว่า รายได้มาจากการซื้อ - ขายที่ดิน เป็นเงินที่แจ้งต่อสำนักงานที่ดิน จ.แพร่ 9 แสนบาท แต่ขายจริง 4.5 ล้านบาท...อันนี้ก็มาอีหรอบเดียวกันอีก...โปรดกรุณาอย่าไปบอกว่าใครๆ เขาก็ทำกัน...จริงอยู่เรื่องการซื้อขายที่ดินภาษีต้องเสียตามราคาประเมินอยู่แล้ว แต่การออกมายอมรับกันโต้งๆ ทั้งที่ท่านอยู่ในฐานะเจ้าพนักงาน อยู่ในฐานะผู้รักษากฎหมาย....อีกหน่อยก็คงมีการปล่อยให้ใครหน้าไหนก็ได้ขึ้นไปแจ้งความเท็จกันบนโรงพักโดยไม่มีความผิด 3. เงินสด 3.2 ล้าน ที่เก็บสำรองไว้มีเหตุผลเพื่อใช้ดูแลผู้ใหญ่....ข้อสุดท้าย กระพ้มคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ป่านนี้สิ่งที่ท่านบอกไว้มันคงฝังเข้าไปในความรู้สึกของประชาชนคนไทยที่ได้เสพข่าวแล้ว....และหลังจากมีประเด็นออกไปมี “ผู้ใหญ่” เรียก “แป๊ะ นครบาล” ไปปรับทัศนคติ หรือยัง....ทั้ง 3 ข้อ 3 ประเด็น ต้องถือว่า “แป๊ะ นครบาล” ได้ทำพิธี “ฮาราคีรี” ตัวเองไปเรียบร้อย
00000.....ตามติดๆ ดอกที่สองเมื่อ คำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา (Alcohol Watch) ออกมาติงให้ได้อาย ว่า พฤติการณ์ของบริษัทเครื่องดื่มน้ำเมาคล้ายการ “ตกเขียว” ซื้อข้าราชการระดับสูงผู้มีอำนาจหน้าที่ไว้ในมือ แม้จะไม่ใช่การทุจริตแต่เป็นเรื่องจริยธรรม และความเหมาะสม.....อ้าว !!??....“งานเข้า” ซะแล้วล่ะซิ.....ขนาดเกิดกระแสเรียกร้องให้ท่าน น.1 เลือกเอาระหว่างที่ปรึกษาบริษัทน้ำเมา กับการเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล....พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เป็น “เด็กใคร” ผู้คนทราบกันทั้งบาง....“สายตรง - ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ.....มีคำถามตรงไปตรงมาว่าสถานบริการขายเหล้า “เคล้าบารากู่” ทั่วกรุงเทพมหานคร ทั้งซอยทองหล่อ เลียบด่วน ห้วยขวาง ราชพฤกษ์ ฝั่งธนฯ และอื่นๆ เคยมีตำรวจ (นครบาล) ไปจับอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักทีไหม...ส่วนใหญ่ที่เห็นๆ กันไม่เคยมี จะมีก็ฝ่ายปกครอง - ฝ่ายทหาร ตำรวจอย่างเก่งเขาให้ร่วมลงชื่อด้วยก็ดีใจตายห่านแล้ว...เนี่ย มันเป็นซะแบบนี้.....แล้วการตั้งด่านตรวจ “ขี้เมา” ตอนดึกๆ กระผมนาย “บิ๊กเกรียน” ขอเสนอให้ตั้งด่านกันหน้าสถานบริการนั้นๆ เลย หรือจะปิดหัว - ท้ายถนนเลยก็ได้....อย่ากลัวว่าจะถูกหาว่ารังแกคนทำมาค้าขาย...อย่ากลัวว่าใครจะเดือดร้อน เพราะถ้าคุณเมา ก็กลับแท็กซี่ไปซิ....หรือถ้าไม่อยากถูกจับ - เป่าตรวจแอลกอฮอล์ ก็อย่าไปกินเหล้า - กินเบียร์....สถานบริการที่มีอยู่ดาษดื่น...สถานบริการรอบๆ สถานศึกษา..ปล่อยไว้ทำซากอะไร...จับได้จับ...ปิดได้ปิดเพราะเผือกมาเปิดใกล้โรงเรียน ใกล้มหาวิทยาลัยทำไม...กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา...ที่เสี่ยงมาเปิดใกล้รั้วมหาวิทยาลัย ก็เพราะต้องการสูบเงินเด็ก... เห็นเด็ก เห็นเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมาย....ธุรกิจขายน้ำเมาผิดศีล 5 จะจะ แต่ที่หนักกว่าคือหนทางสู่อเวจี...พ่อ - แม่ ส่งลูกไปเล่าเรียน หาเงินแทบตาย เด็กบางคนเอาไปยัดใส่ขวดเหล้า...เด็กสาวเสียตัว...เด็กชายมีเรื่องต่อยตี - เกิดอุบัติเหตุ...บางคนเดินเข้าสู่วงจรยาเสพติด - ขายบริการ...ถามจริง ผับ - บาร์ ให้อะไรกับสังคมนอกจากความเสื่อมทราม......ใครก็ตามที่มีผลประโยชน์ทั้งทางตรงกับทางอ้อมบริษัท “น้ำเมา” รู้ตัวไหมว่ากำลังทำบาป - สร้างกรรมให้กับลูก - หลาน
00000.....คงไม่แค่ “แป๊ะ นครบาล” ที่รับเงินเดือนของบริษัทน้ำเมา....กราบเรียน “นายกฯ ลุงตู่” เรื่องแบบนี้มีความถูกต้องเหมาะสมแค่ไหน ว่างๆ ลองสำรวจบรรดาที่ปรึกษาทั้งหลายกันมั่ง....สังคม “ตื่นตัว” แต่เล่ห์พ่อค้า - นายทุน ใช้ “เงินหว่าน” ซื้อคนมีอำนาจอย่างแยบยล “สสส.” หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ใช้ “งบบาป” ปีละ 3 พันล้าน แต่ไฉน “ตายเพิ่ม” ทุกปี....นโยบาย “เมาไม่ขับ” ไม่ได้ผลเพราะ.....การบังคับใช้กฎหมายเป็น “มวยล้ม - ต้มคนดู” ทั้งจับ - เป่า ถามจริงมีสถิติผลการจับกุมหรือไม่....“บิ๊กเกรียน” ได้ยินมาแล้วไม่สบายใจ...ยิ่งกฎหมายเข้มข้น...ยิ่งกฎหมายให้อำนาจตำรวจมากเท่าไหร่ ก็นับได้ว่านั่นคือสนับสนุนให้ “เขา” มีโอกาสทำมาหากินกันมากขึ้น....ตำรวจไทย ซะอย่างคดีลักทรัพย์ต้องแบมือขอค่าน้ำมันผู้เสียหายไปตามผู้ร้าย....คดีรถชน...โน่น...ก็ต้องแบมือขอเงินเป็นค่าป่วยการ....ไม่เถียง “คนดี” มีมากกว่า “คนเลว” แต่ที่ผ่านมาทำไมถึงมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ “แป๊ะ นครบาล” เจ้าของฉายา “น.1 บึ่งทุกที่” คงหมายถึงความขยัน.... ออกตรวจตรา....ว่าไปแล้วตำรวจทั้งประเทศไม่ต้องช่วยเกี่ยวข้าว...ไม่ต้องช่วยขายข้าว...ไม่ต้อง - ไม่ต้อง - และไม่ต้อง “สร้างภาพ” อะไรแม้แต่น้อย...ขออย่างเดียวให้ “สุจริต - ยุติธรรม” สังคมก็เป็นสุข...ง่ายๆ อย่างนี้ไม่รู้เป็นอะไร...ตำรวจ (ไทย) ส่วนใหญ่ทำไม่ได้ !!??
00000.....พูดถึงสหกรณ์ซ่อนทรัพย์ตำรวจ....เอ๊ย....สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ ที่ปรากฏ “ขุมทรัพย์” เจ้าพ่อนครบาลมาหมาดๆ กระพ้มจึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีสหกรณ์ตำรวจนครบาล ที่เคยเขียนถึง....ความหมายของสหกรณ์ออมทรัพย์ฯน่าจะออกแนวเอาเงินมาฝาก เพื่อออกดอกออกผลของตำรวจทุกคน แต่ความเป็นจริง คือ เป็นแหล่งทำมาหากินของนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา....หาเงินจากการขายที่ดินแม่บ้าง...จากอาเฮีย อาเจ้ บ้างแล้วมาฝากเพื่อ “กินดอก”.....สหกรณ์ตำรวจภูธร หรือจะสู่ตำรวจ “นครบาล” เห็นรายชื่อแล้วอาจอุทาน “พระเจ้าช่วยกล้วยทอด” 3 บัญชีรวดพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมโน นายตำรวจ “คนดี” ของท่านนายกฯลุงตู่ ทั้งตัวเอง บุตร ภรรยามากถึง 50 ล้าน....เสียดายไม่ทราบว่ายังมีท่านสมาชิกระดับ “นายพล” อีกกี่คนที่ทำมาหารับทาน “กินดอก” กับลูกน้อง “บิ๊กเกรียน” จะได้นำรายชื่อมาลงเพื่อเป็นเกียรติ....เชื่อว่า ยังน่าจะมี “เซอร์ไพรส์” มากกว่าคุณพี่ “นวย ทนได้” เพราะเมื่อปี 2552 หรือ 7 - 8 ปีมานั้น เมื่อคราวที่ “บิ๊กย้อย” พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา เป็น ผบช.น. มีบันทึกข้อความจากสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจนครบาล จำกัด เรื่องกำหนดวงเงินเพิ่ม ส่งไปยังนายตำรวจระดับ ผบก. ทุก บก. ผกก. ดส. และ ศฝร. ใจความสรุปได้ว่ากำหนดวงเงินฝากออมทรัพย์พิเศษเพิ่มไม่เกินบัญชีละ 5 ล้านบาท แต่มีข้อแม้ว่ายอดรวมพิเศษสมาชิกทุกรายต้องไม่เกิน 100 ล้านบาท.....แฮ่ๆๆ พวกไพร่พล - นายสิบ - จ่า - ดาบ ก็กู้กันไป.... ยุคนั้นไม่มีทหารมาปราบบ่อน ไล่จับตู้ม้า...เศรษฐกิจดีทำมาค้าขายสะดวก “เงินสะพัด” หลับๆ ตื่นๆ เงินแสนเงินล้าน ส.บ.ม. “สบายมั่ก”....บรรดา “นายพล” ก้อออกเงินกู้กันเพลิน...สหกรณ์ซ่อนทรัพย์...เอ๊ยผิดอีกและ....สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจฯซะอย่าง สบายไปแปดอย่าง....ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ภาษีไม่เสีย แถมรายได้แน่นอนเงินเดือนออกปุ๊บถูกหัก ณ ที่จ่ายปั๊บ..สรุปว่าวงการสีกากี “ลูกน้อง เลี้ยงจ้าวนาย” ไป 7 ชั่วโคตร !!??