MGR Online - อธิบดีกรมราชทัณฑ์คาดปล่อยตัวผู้ต้องขังประมาณ 30,000 คน ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสแรกเสด็จขึ้นทรงราชย์ เผย “ชูวิทย์” เข้าข่าย แต่ “ผู้พันตึ๋ง” ทำผิดซ้ำเป็นนักโทษชั้นเลว ไม่เข้าเงื่อนไขปล่อยตัว
วันนี้ (12 ธ.ค.) นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงครองราชย์สืบสันตติวงศ์ 2559 ว่า คาดว่าจะมีผู้ต้องโทษที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษและได้รับการปล่อยตัวทันทีประมาณ 30,000 คนเศษ โดยแต่ละเรือนจำจะมีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อให้ผู้ต้องโทษที่ได้รับการปล่อยตัวมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ คือ ต้องเป็นผู้ต้องโทษชั้นดีขึ้นไปจึงได้รับสิทธิ์และไม่เป็นผู้ที่กระทำผิดซ้ำ ไม่ใช่ผู้ต้องโทษคดีฆ่าข่มขืนฉ้อโกงประชาชน หรือค้ายาเสพติด ในส่วนของเรือนจำต่างจังหวัดจะมีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้พิพากษา และอัยการร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติผู้ต้องขังด้วยโดยหลังตรวจสอบคุณสมบัติแล้วเรือนจำจะส่งรายชื่อผู้ต้องโทษให้ศาลจังหวัดทำหมายปล่อยและดำเนินการปล่อยตัวเป็นอิสระ สำหรับมาตรการดูแลผู้พ้นโทษ ซึ่งถือเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วนั้นจะมีหน่วยงานภาคีในพื้นที่คอยสอดส่องดูแลไม่ให้กระทำความผิดซ้ำโดยคาดว่าจะสามารถปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับการอภัยโทษล็อตแรกได้ภายใน 3 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องโทษน้อยไม่เกิน 2 ปี
นายกอบเกียรติกล่าวต่อว่า สำหรับผู้กระทำผิดคดี 112 ก็เข้าข่ายได้รับประโยชน์จาก พ.ร.ฎ.อภัยโทษครั้งนี้ด้วยโดยจัดเป็นผู้ต้องขังคดีทั่วไปที่มีสิทธิ์ได้รับการลดโทษตามลำดับชั้น สำหรับกลุ่มที่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์อภัยโทษปล่อยตัวรอบนี้ เช่น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และผู้ต้องขังคดีรื้อบาร์เบียร์ที่ต้องโทษจำคุกคนละ 2 ปี ส่วนนายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง ผู้ต้องโทษคดีฆาตกรรมนายปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ที่ได้รับการลดวันต้องโทษและพักการโทษไปก่อนหน้านี้แต่กระทำความผิดซ้ำจนถูกนำตัวเข้าคุมขังตามกำหนดโทษที่ได้รับการพักไว้ในเรือนจำกลางบางขวาง โดยผู้พันตึ๋งรอบนี้ไม่เข้าข่ายได้รับการอภัยโทษเพราะถูกลดชั้นปรับเป็นนักโทษชั้นเลว