xs
xsm
sm
md
lg

ศาลแพ่งสั่ง “ศุภชัย” อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯชดใช้เงินเกือบ 4 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ศาลแพ่งพิพากษา ให้ ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น กับพวกชดใช้เงินเกือบ 4 พันล้านบาท

วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดี ด.1674/2557 ที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นโจทก์ฟ้อง นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น เป็นจำเลยที่ 1, น.ส.ศรัญยา มานหมัด อดีตรองผู้จัดการสหกรณ์ฯ เป็นจำเลยที่ 2, นายลภัส โสมคำ อดีตเลขานุการ สหกรณ์ฯ จำเลยที่ 3 และ นายกฤษดา มีบุญมาก อดีตหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ สหกรณ์ฯ จำเลยที่ 4 กับพวก รวม 18 คน

กรณีสืบเนื่องจาก เมื่อระหว่าง พ.ศ. 2552 - พ.ศ.2555 จำเลยที่ 1 - 4 ร่วมกันกระทำละเมิดต่อสหกรณ์ฯ โดยร่วมกันสั่งจ่ายเช็คถอนเงินของสหกรณ์ฯโจทก์เป็นเงิน 10,481,166,966.01 บาท และร่วมกันเอาเงินฝากของลูกค้าที่นำมาฝากกับสหกรณ์ฯโจทก์ เป็นเงิน 1.9 พันล้านบาท และยังร่วมกันปล่อยสินเชื่อให้แก่สมาชิก โดยทราบว่า สมาชิกดังกล่าวไม่มีการถือหุ้นตามข้อบังคับ และไม่มีหลักประกันในการกู้ยืมเป็นเงินอีก 1.1 หมื่นล้านบาท กับร่วมกันปล่อยปละละเลย ให้ นายศุภชัย จำเลยที่ 1 กู้เงินสหกรณ์ฯโจทก์ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งประธานในรูปแบบเงินยืมทดรอง ซึ่งไม่มีระเบียบรองรับเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจำเลยที่ 5 -18 รับรู้ถึงการกระทำของจำเลยที่ 1 - 4 และรับเงินหรือผลประโยชน์มาจากจำเลยที่ 1 - 4 โดยรู้ว่ามีที่มาไม่สุจริต โดยสหกรณ์ฯโจทก์ ยื่นฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 - 18 ต้องร่วมกันชำระเงิน 3,811,605,926.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ

ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 9 - 10, จำเลยที่ 14 - 16 รวม 5 คน ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความร่วมกันคืนเงินแก่ สหกรณ์ฯโจทก์จำนวน 321,400,000 บาท

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์สหกรณ์ฯ โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า นายศุภชัย, น.ส.ศรัญยา, นายลภัส, นายกฤษดา จำเลยที่ 1 - 4 ร่วมกันทุจริต โดย นายศุภชัย จำเลยที่ 1 ฉวยโอกาสขณะเป็นประธาน คณะกรรมการดำเนินการ น.ส.ศรัญยา อดีตรองผู้จัดการสหกรณ์ฯ, นายลภัส อดีตเลขานุการสหกรณ์ฯ และนายกฤษฎา หัวหน้าฝ่ายสินเชื่อสหกรณ์ฯ จำเลยที่ 2 - 4 ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาเงินของสหกรณ์ฯโจทก์ ร่วมกันสั่งจ่ายเช็คถอนเงินสหกรณ์ฯโจทก์, ร่วมกันเบียดบัง เอาเงินฝากที่ลูกค้านำมาฝากกับสหกรณ์, ร่วมกันรู้เห็นเป็นใจปล่อยสินเชื่อให้สมาชิกสมทบทั้งที่รู้ว่าไม่มีการถือหุ้นตามข้อบังคับ และไม่มีหลักประกันการกู้ยืม อีกทั้งยังร่วมกันให้ นายศุภชัย จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งประธานสหกรณ์ฯหลายครั้งโดยไม่มีระเบียบรองรับ

ดังนั้น จำเลยที่ 1 - 4 ต้องร่วมกันรับผิดคืนเงินให้สหกรณ์ฯโจทก์ จึงพิพากษาให้ นายศุภชัย, น.ส.ศรัญยา, นายลภัส, นายกฤษดา จำเลยที่ 1 - 4 ชำระเงินจำนวน 3,811,605,926.18 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องที่ 1 พ.ค. 2557 จนกว่าจะชำระเสร็จ

ส่วนจำเลยที่ 5 - 8, จำเลยที่ 11 - 13 รวม 7 คน ซึ่งเป็นกลุ่มคนสนิทได้รับเงินและทรัพย์สินมาจากจำเลยที่ 1 - 4 โดยรู้ว่าได้มาโดยไม่สุจริต จึงต้องร่วมรับผิดตามจำนวนทรัพย์สินที่จำเลยแต่ละคนได้มาจากจำเลยที่ 1 - 4

จึงพิพากษาให้จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดในเงินจำนวน 2,795,379 บาท, จำเลยที่ 6 ร่วมรับผิดในเงินจำนวน 2,461,875 บาท, จำเลยที่ 7 ร่วมรับผิดในเงินจำนวน 46,853,550 บาท และตามราคาประเมินที่ดิน, จำเลยที่ 8 ร่วมรับผิดเงินจำนวน 1,456,486.33 บาท, จำเลยที่ 11 ร่วมรับผิดเงินจำนวน 960 ล้านบาท ซึ่งจำเลยทั้งหมดจะต้องรับผิดตามจำนวนเงินดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น นับตั้งแต่วันฟ้องที่ 1 พฤษภาคม 57 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ

ส่วนจำเลยที่ 9, 10, 14, 15, 16 ให้รับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ตกลงกัน คือ คืนเงินจำนวน 321,400,000 บาท ให้กับสหกรณ์ฯโจทก์

สำหรับจำเลยที่ 17 - 18 พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่ามีส่วนรับรู้ถึงการกระทำ และรับเงินจากจำเลยที่ 1 - 4 จำเลยที่ 17 - 18 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์พิพากษาให้ยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีแพ่งที่อ่านคำพิพากษาในวันนี้นั้น จำเลยในคดีไม่จำเป็นต้องเดินทางมาศาล ซึ่งรวมถึงนายศุภชัยที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยในชั้นนี้ถือเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาได้

ขณะที่ในส่วนของนายศุภชัย ยังมีคดีที่อัยการฟ้องขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน อีก 2 สำนวน คือ 1. คดีหมายเลขดำ ฟ.173/2559 ที่อัยการยื่นเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายศุภชัย กับพวก ตกเป็นของแผ่นดิน จากที่มีการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน รวมทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 85,769,438.25 บาท ซึ่งศาลแพ่งนัดไต่สวนในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ เวลา 09.00 น. และคดีหมายเลขดำ ฟ.208/2559 ที่อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 พ.ย. นี้ ที่ผ่านมา ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายศุภชัย กับพวก ตกเป็นของแผ่นดิน จากที่มีการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน รวมทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 1,585,000,000 บาท โดยศาลแพ่งนัดไต่สวนในวันที่ 20 ก.พ. 60 เวลา 09.00 น.
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น