อ่วม! เจ้าของรถคลิปดังหญิงสาวนั่งท้ายเก๋ง ตร.จ่อแจ้งข้อหา ผิด พ.ร.บ.จราจร เตรียมเชิญตัวให้ปากคำ

MGR Online - ผู้ประกาศข่าวสาวช่อง 9 เจ้าของคลิปหญิงสาวนั่งท้ายรถเก๋งรุดให้ปากคำ ตำรวจจ่อแจ้งข้อหาเจ้าของรถและหญิงในคลิปดัง ผิด พ.ร.บ. จราจรทางบก ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น โทษจำคุกเกิน 3 เดือน ปรับ 1 หมื่น ส่วนคนนั่งท้ายรถเก๋งโดน ข้อหา ห้ามเกาะ ห้อยโหน หรือนั่งบนรถยนต์ขณะรถกำลังเคลื่อนที่ปรับ 500 บาท



จากกรณีมีผู้พบเห็นหญิงสาวสวมชุดขาว - ดำ นั่งท้ายรถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัสติส สีแดง หมายเลขทะเบียน 3 ก 2748 กทม. บนถนนพระราม 9 (ขาเข้า) เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 พ.ย. เวลาประมาณ 18.15 น. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการบันทึกภาพไว้ และแชร์ให้กับเพื่อนๆ หลังจากนั้น ได้มีการแชร์ลงโซเชียล โดยตั้งชื่อคลิปว่า “เป็นคนหรือผี” โดยมีผู้มาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และแชร์ต่อๆ กัน

จนกระทั่งเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V4.” ได้โพสต์คลิปวิดีโอหญิงสาวผมยาวนิรนาม นั่งท้ายรถแท็กซี่เช่นกัน โดยแสดงความคิดเห็นว่า “เค้าเล่นอะไรกันหรา งอนผัวทะเลาะกะผัวหรือประชดผัว???? รู้ไหม๊มันอันตราย ตกรถตายห่ามาใครจะรับผิดชอบ!!! รึกำลังโปรโมตหนัง ใครรู้บอกกูที #ทั้ง งอง ทั้ง กลัว !!!" ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ สน.หัวหมาก

วันนี้ (15 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.หัวหมาก น.ส.อรวรรณ เผือกไธสง อายุ 30 ปี ผู้สื่อข่าวสังคม สังกัด อสมท เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.หัวหมาก เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเกิดเหตุดังกล่าวรวมถึงช่วงเวลา และลักษณะการนั่งบนท้ายรถของหญิงคนดังกล่าวว่ามีปฏิกิริยาอย่างไร

 
น.ส.อรวรรณ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. เวลาประมาณ 19.00 น. หลังจากที่ตนเดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซีย โดยมีรถยนต์ของ อสมท ไปรอรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อถึงถนนพระราม 9 (ขาเข้า) นายทรงกฤต ไพศาลธรรม อายุ 45 ปี ผู้ช่วยช่างภาพ นายปวริศ กาศกุล อายุ 30 ปี ช่างภาพ และตน ที่นั่งมาในรถคันเดียวกันสังเกตเห็นรถยนต์ทางขวามือ มีหญิงสาวผมยาว สวมเสื้อลายขาว - ดำ กางเกงขาสั้น นั่งอยู่บริเวณท้ายรถ ซึ่งคาดว่ารถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วประมาณ 60 กม./ 1 ชม.

ต่อมา นายปวริศ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพ แล้วคุยกันว่า เป็นคนหรือผี ซึ่งตนก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก เพราะคลิปในโทรศัพท์ของนายปวริศ ไม่มีภาพหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่ท้าย ตนจึงหันไปมองที่หญิงสาว กลับพบว่า หญิงสาวที่นั่งหลังรถกำลังจ้องตาตนอยู่ ด้วยอาการนิ่ง ตนจึงตัดสินใจบอกให้นายทรงกฤต ขับรถแซงขึ้นไป เพื่อตีคู่กับรถคันดังกล่าว เพื่อที่จะดูให้ชัดเจน แต่รถคันก่อเหตุขับเร็วมาก นอกจากนี้ ตนมั่นใจว่า ถ้าได้เจอหญิงสาวที่นั่งท้ายรถอีกครั้ง และได้มองตากัน ตนจำได้แน่ๆ ว่าเป็นหญิงที่นั่งบนท้ายรถคันเกิดเหตุหรือไม่

 
ด้าน พ.ต.ท.นพพร กล่าวว่า จากการตรวจสอบสี ยี่ห้อ รุ่น และทะเบียน ของรถคันดังกล่าวนั้นพบว่า มีรถในลักษณะนี้ประมาณ 20 คัน แต่มีรถที่ตรงตามลักษณะคันเกิดเหตุเพียง 1 คัน

พ.ต.ท.นพพร กล่าวต่อว่า หากตรวจสอบแล้วทราบว่า ผู้ขับขี่เป็นใคร ก็จะเชิญตัวมาสอบปากคำและแจ้งข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (8) คือ ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และในส่วนของหญิงนิรนามที่นั่งบนท้ายรถนั้น หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นใครก็จะเชิญตัวมาสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อหาในความผิดตาม พ.ร.บ. จราจร มาตรา 124 วรรค 2 คือ ห้ามเกาะ ห้อยโหน หรือนั่งบนรถยนต์ขณะรถกำลังเคลื่อนที่ในทางเดินรถ มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท