ฮึ่มฮึ่มฟ้า คำรามไห้ อาลัยองค์ เปรี้ยงเปรี้ยงทรง ดำรงฟื้น คืนได้ไหม
ซู่ซู่ดั่ง น้ำตา พสกไทย ที่หลั่งไหล รินล้น ท้นธารา
ครืนครืนเสียง คลื่นโถม กระทบฝั่ง กังวานดัง ไปยัง ถึงฝั่งฟ้า
โครมโครมลั่น สนั่นก้อง พสุธา ทั่วโลกา สั่นไหว ใจมลาย
แม้วันนี้ นภามืด จันทราหม่น รัตติพ้น สุริยน จะฉาดฉาย
ธ ทรงธรรม พระผู้สร้าง วางฐานไทย ราษฎร์เทิดไท้ น้อมบูชา องค์ภูบาล
ปวงประชา จักก้าวตาม ทางของพ่อ ร่วมถักทอ สานรัก สมัครสมาน
มุ่งทำดี ถวายพ่อ ขอปณิธาน ธ ชื่นบาน สถิตพิมาน สราญเทอญฯ
ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า ป.ธรรมศลีญ์
“ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้น เพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัว โดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกันจะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้นแต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ”
ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2533 มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและในการปฏิบัติหน้าที่การงาน ซึ่งนอกเหนือจากการตั้งใจทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของตนให้ดีและลุล่วงแล้ว ยังจำเป็นต้องรู้และช่วยเหลือในการงานของผู้อื่นตามสมควรด้วย ทั้งนี้เพื่อให้งานในภาพรวมสำเร็จสมบูรณ์ตามความประสงค์ และข้าพระพุทธเจ้าขอทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้คดีปกครองเพื่อประโยชน์แก่สาธารณชน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ก่อนที่จะเข้าสู่การพูดคุยความรู้คดีปกครอง ซึ่งคดีนี้เหตุเกิดจากใบขับขี่...นั้น “ป. ธรรมศลีป์” ( ปอ-ทำ-สะ-ลี) ขอแนะนำตัวกับท่านผู้อ่านที่ติดตามคอลัมน์ “ครบเครื่องคดีปกครอง” กันเป็นประจำ ซึ่งจะมาบอกเล่าเรื่องราวข้อพิพาทและสาระน่ารู้เกี่ยวกับ“คดีปกครอง” ด้วยรูปแบบสบายๆ “อ่านเพลิดเพลิน เข้าใจง่าย ได้ความรู้สไตล์ ป. ธรรมศลีญ์"
สำหรับคดีนี้ ดังที่เกริ่นไว้แต่แรกว่ามีใบขับขี่เป็นต้นเหตุ โดยผู้ฟ้องคดีชายหนุ่มวัยกำยำซึ่งสมัครสอบแข่งขันเป็นนักเรียนพลตำรวจ และสอบผ่านทุกขั้นตอนโดยได้เข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจแล้ว แต่ในระหว่างที่ฝึกอบรมอยู่นั้นได้ถูกผู้บังคับบัญชาดำเนินคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม คือใช้ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลปลอมยื่นเป็นหลักฐานในการสมัครสอบเป็นนักเรียนพลตำรวจ ผู้ฟ้องคดีจึงได้ขอลาออกจากราชการ โดยต่อมาศาลจังหวัดพิพากษายกฟ้องโดยคดีถึงที่สุด เนื่องจากไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้จัดทำใบขับขี่ปลอม
ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับราชการตำรวจ และผู้ฟ้องคดีได้มาสมัครสอบ ซึ่งคราวนี้ได้สอบผ่านข้อเขียนและผ่านการทดสอบในขั้นตอนต่างๆ แล้วเหมือนเช่นเดิม และต่อมาก็ได้มีประกาศตัดสิทธิผู้ฟ้องคดีเนื่องจากตรวจสอบพบว่าขาดคุณสมบัติการเข้ารับราชการตำรวจ เพราะเคยถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
คณะอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัครสอบฯ เห็นว่าผู้ฟ้องคดีได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์มาโดยไม่ชอบ (ใช้เงินแลกการได้มาซึ่งใบขับขี่โดยไม่ได้เข้ารับการทดสอบตามขั้นตอน แต่มิได้เป็นผู้ปลอมใบขับขี่ขึ้นเอง) ถือว่าเป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี ทำให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไปและมีลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นด้วยจึงยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการกองบัญชาการการศึกษาต่อศาลปกครอง
มาดูกันว่า...ผู้ฟ้องคดีจะพลาดจากการเป็นข้าราชการตำรวจอีกครั้ง หรือไม่ !?
โดยผู้ฟ้องคดีอ้างต่อศาลว่า ได้มีบุคคลซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งฯมาเสนอจัดทำใบขับขี่ให้โดยที่ผู้ฟ้องคดีไม่ต้องเข้าทดสอบแต่จ่ายเงินให้เป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งขั้นตอนการทดสอบก่อนออกใบอนุญาตขับรถยนต์เป็นเรื่องภายในองค์กรที่จะต้องให้ผู้มาติดต่อขอใบอนุญาตฯ ปฏิบัติตามและการไม่ให้มีการทดสอบดังกล่าวก็อาจเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่ใช้ดุลพินิจในการออกใบอนุญาตขับรถยนต์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับผู้ฟ้องคดี
คดีนี้ ศาลปกครองวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ประกอบกฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547 มีข้อกำหนดว่าผู้ที่จะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจต้องไม่เป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี ซึ่งกฎหมายมิได้กำหนดว่าการกระทำในลักษณะใดที่ถือว่าเป็นการประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี ในการพิจารณาจึงต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงเป็นการเฉพาะรายไป โดยสอดคล้องกับกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ตลอดจนบรรทัดฐานของสังคม
โดยตามระเบียบกรมการขนส่งทางบกฯ กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถต้องผ่านการอบรมต่างๆ และยังต้องผ่านการทดสอบตามที่กำหนดในระเบียบ เช่น การทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย การทดสอบข้อเขียน และการทดสอบขับรถ ซึ่งในขณะที่ผู้ฟ้องคดีไปทำใบอนุญาตขับรถยนต์ เป็นผู้บรรลุนิติภาวะและสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแล้ว นับว่ามีประสบการณ์ในชีวิตพอสมควร ผู้ฟ้องคดีจึงย่อมคาดหมายได้ว่าในการขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์จะต้องผ่านการอบรมและผ่านการทดสอบต่างๆ ด้วย ซึ่งข้าราชการตำรวจถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีลักษณะงานพิเศษ มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้รักษากฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาขั้นต้น งานของข้าราชการตำรวจจึงมีความจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีประวัติซึ่งแสดงถึงการเป็นผู้ประพฤติและปฏิบัติตนอยู่ภายใต้กฎหมายและบรรทัดฐานของสังคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เคารพศรัทธาแก่ประชาชนว่าจะสามารถพิทักษ์กฎหมายและผดุงความยุติธรรมไว้ได้
เมื่อผู้ฟ้องคดีได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์มาโดยที่มิได้ผ่านขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี อันเป็นลักษณะต้องห้ามในการรับราชการตำรวจ การที่ถูกตัดสิทธิการเข้ารับราชการตำรวจเนื่องจากขาดคุณสมบัติ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว (อ.1318/2559)
เรื่องนี้....เป็นอุทาหรณ์ว่า.... การที่จะเป็นข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์รักษากฎหมายนั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีพื้นฐานทางจิตใจในการยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะถ้าผู้ที่จะทำหน้าที่รักษาและใช้กฎหมาย ยังฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ย่อมจะทำหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้อื่นและสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้ยาก แนวทางที่ดีที่สุด...คือต้องดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทและปฏิบัติตนตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เพราะย่อมเป็นผลดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังคำกล่าวที่ว่า “ถ้าวันนี้ทำถูกต้อง พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไร”
ฉบับหน้า...จะมีเรื่องเล่าน่าสนใจอะไร มาฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนใจกันอีก โปรดติดตาม นะคะ ท้ายนี้...ขอฝากให้ทุกท่านที่ประสงค์จะสอบ “ใบขับขี่” ได้เข้าทดสอบตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างครบถ้วน เพื่อให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เพราะการขับรถนอกจากเราจะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเองและครอบครัวแล้ว ยังต้องรับผิดชอบต่อสังคมและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ อีกด้วย
การได้ใบขับขี่มาโดยถูกต้องตามความรู้ความสามารถที่แท้จริง จึงเป็นสิ่งจำเป็น ! นะคะ
ป. ธรรมศลีป์
ซู่ซู่ดั่ง น้ำตา พสกไทย ที่หลั่งไหล รินล้น ท้นธารา
ครืนครืนเสียง คลื่นโถม กระทบฝั่ง กังวานดัง ไปยัง ถึงฝั่งฟ้า
โครมโครมลั่น สนั่นก้อง พสุธา ทั่วโลกา สั่นไหว ใจมลาย
แม้วันนี้ นภามืด จันทราหม่น รัตติพ้น สุริยน จะฉาดฉาย
ธ ทรงธรรม พระผู้สร้าง วางฐานไทย ราษฎร์เทิดไท้ น้อมบูชา องค์ภูบาล
ปวงประชา จักก้าวตาม ทางของพ่อ ร่วมถักทอ สานรัก สมัครสมาน
มุ่งทำดี ถวายพ่อ ขอปณิธาน ธ ชื่นบาน สถิตพิมาน สราญเทอญฯ
ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า ป.ธรรมศลีญ์
“ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้น เพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัว โดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกันจะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้นแต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ”
ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2533 มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและในการปฏิบัติหน้าที่การงาน ซึ่งนอกเหนือจากการตั้งใจทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของตนให้ดีและลุล่วงแล้ว ยังจำเป็นต้องรู้และช่วยเหลือในการงานของผู้อื่นตามสมควรด้วย ทั้งนี้เพื่อให้งานในภาพรวมสำเร็จสมบูรณ์ตามความประสงค์ และข้าพระพุทธเจ้าขอทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้คดีปกครองเพื่อประโยชน์แก่สาธารณชน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ก่อนที่จะเข้าสู่การพูดคุยความรู้คดีปกครอง ซึ่งคดีนี้เหตุเกิดจากใบขับขี่...นั้น “ป. ธรรมศลีป์” ( ปอ-ทำ-สะ-ลี) ขอแนะนำตัวกับท่านผู้อ่านที่ติดตามคอลัมน์ “ครบเครื่องคดีปกครอง” กันเป็นประจำ ซึ่งจะมาบอกเล่าเรื่องราวข้อพิพาทและสาระน่ารู้เกี่ยวกับ“คดีปกครอง” ด้วยรูปแบบสบายๆ “อ่านเพลิดเพลิน เข้าใจง่าย ได้ความรู้สไตล์ ป. ธรรมศลีญ์"
สำหรับคดีนี้ ดังที่เกริ่นไว้แต่แรกว่ามีใบขับขี่เป็นต้นเหตุ โดยผู้ฟ้องคดีชายหนุ่มวัยกำยำซึ่งสมัครสอบแข่งขันเป็นนักเรียนพลตำรวจ และสอบผ่านทุกขั้นตอนโดยได้เข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจแล้ว แต่ในระหว่างที่ฝึกอบรมอยู่นั้นได้ถูกผู้บังคับบัญชาดำเนินคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม คือใช้ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลปลอมยื่นเป็นหลักฐานในการสมัครสอบเป็นนักเรียนพลตำรวจ ผู้ฟ้องคดีจึงได้ขอลาออกจากราชการ โดยต่อมาศาลจังหวัดพิพากษายกฟ้องโดยคดีถึงที่สุด เนื่องจากไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้จัดทำใบขับขี่ปลอม
ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับราชการตำรวจ และผู้ฟ้องคดีได้มาสมัครสอบ ซึ่งคราวนี้ได้สอบผ่านข้อเขียนและผ่านการทดสอบในขั้นตอนต่างๆ แล้วเหมือนเช่นเดิม และต่อมาก็ได้มีประกาศตัดสิทธิผู้ฟ้องคดีเนื่องจากตรวจสอบพบว่าขาดคุณสมบัติการเข้ารับราชการตำรวจ เพราะเคยถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม
คณะอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัครสอบฯ เห็นว่าผู้ฟ้องคดีได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์มาโดยไม่ชอบ (ใช้เงินแลกการได้มาซึ่งใบขับขี่โดยไม่ได้เข้ารับการทดสอบตามขั้นตอน แต่มิได้เป็นผู้ปลอมใบขับขี่ขึ้นเอง) ถือว่าเป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี ทำให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติทั่วไปและมีลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นด้วยจึงยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการกองบัญชาการการศึกษาต่อศาลปกครอง
มาดูกันว่า...ผู้ฟ้องคดีจะพลาดจากการเป็นข้าราชการตำรวจอีกครั้ง หรือไม่ !?
โดยผู้ฟ้องคดีอ้างต่อศาลว่า ได้มีบุคคลซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งฯมาเสนอจัดทำใบขับขี่ให้โดยที่ผู้ฟ้องคดีไม่ต้องเข้าทดสอบแต่จ่ายเงินให้เป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งขั้นตอนการทดสอบก่อนออกใบอนุญาตขับรถยนต์เป็นเรื่องภายในองค์กรที่จะต้องให้ผู้มาติดต่อขอใบอนุญาตฯ ปฏิบัติตามและการไม่ให้มีการทดสอบดังกล่าวก็อาจเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่ใช้ดุลพินิจในการออกใบอนุญาตขับรถยนต์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับผู้ฟ้องคดี
คดีนี้ ศาลปกครองวินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ประกอบกฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547 มีข้อกำหนดว่าผู้ที่จะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจต้องไม่เป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี ซึ่งกฎหมายมิได้กำหนดว่าการกระทำในลักษณะใดที่ถือว่าเป็นการประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี ในการพิจารณาจึงต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงเป็นการเฉพาะรายไป โดยสอดคล้องกับกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ตลอดจนบรรทัดฐานของสังคม
โดยตามระเบียบกรมการขนส่งทางบกฯ กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถต้องผ่านการอบรมต่างๆ และยังต้องผ่านการทดสอบตามที่กำหนดในระเบียบ เช่น การทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย การทดสอบข้อเขียน และการทดสอบขับรถ ซึ่งในขณะที่ผู้ฟ้องคดีไปทำใบอนุญาตขับรถยนต์ เป็นผู้บรรลุนิติภาวะและสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแล้ว นับว่ามีประสบการณ์ในชีวิตพอสมควร ผู้ฟ้องคดีจึงย่อมคาดหมายได้ว่าในการขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์จะต้องผ่านการอบรมและผ่านการทดสอบต่างๆ ด้วย ซึ่งข้าราชการตำรวจถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีลักษณะงานพิเศษ มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้รักษากฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาขั้นต้น งานของข้าราชการตำรวจจึงมีความจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีประวัติซึ่งแสดงถึงการเป็นผู้ประพฤติและปฏิบัติตนอยู่ภายใต้กฎหมายและบรรทัดฐานของสังคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เคารพศรัทธาแก่ประชาชนว่าจะสามารถพิทักษ์กฎหมายและผดุงความยุติธรรมไว้ได้
เมื่อผู้ฟ้องคดีได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์มาโดยที่มิได้ผ่านขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี อันเป็นลักษณะต้องห้ามในการรับราชการตำรวจ การที่ถูกตัดสิทธิการเข้ารับราชการตำรวจเนื่องจากขาดคุณสมบัติ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว (อ.1318/2559)
เรื่องนี้....เป็นอุทาหรณ์ว่า.... การที่จะเป็นข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์รักษากฎหมายนั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีพื้นฐานทางจิตใจในการยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะถ้าผู้ที่จะทำหน้าที่รักษาและใช้กฎหมาย ยังฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ย่อมจะทำหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้อื่นและสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้ยาก แนวทางที่ดีที่สุด...คือต้องดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทและปฏิบัติตนตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เพราะย่อมเป็นผลดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังคำกล่าวที่ว่า “ถ้าวันนี้ทำถูกต้อง พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไร”
ฉบับหน้า...จะมีเรื่องเล่าน่าสนใจอะไร มาฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนใจกันอีก โปรดติดตาม นะคะ ท้ายนี้...ขอฝากให้ทุกท่านที่ประสงค์จะสอบ “ใบขับขี่” ได้เข้าทดสอบตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างครบถ้วน เพื่อให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เพราะการขับรถนอกจากเราจะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเองและครอบครัวแล้ว ยังต้องรับผิดชอบต่อสังคมและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ อีกด้วย
การได้ใบขับขี่มาโดยถูกต้องตามความรู้ความสามารถที่แท้จริง จึงเป็นสิ่งจำเป็น ! นะคะ
ป. ธรรมศลีป์