อุบลราชธานี - อดีตครูโรงเรียนประถมอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ใช้เอกสารปลอมเข้าพบอดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอุบล ซึ่งถูกคำสั่ง ม.44 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ อ้างช่วยเคลียร์ให้พ้นผิดกลับเข้ารับตำแหน่งได้ตามปกติ แต่ถูก ป.ป.ท.ตัวจริง ร่วมกับตำรวจบุกรวบตัวไว้ได้ พบมีคดีอื่นอีกเพียบ
วันนี้ (28 ต.ค.) พ.ต.ท.ทนง เพิ่มพูน ผู้อำนวยการกลุ่มงานปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1 สำนักงาน ป.ป.ท.เขต 3 จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอุบลราชธานี เข้าจับกุม นายเอกทัศน์ หรือนายปกรณ์ สูนานนท์ อายุ 43 ปี พักอยู่เลขที่ 5 ถ.ชลประทานท่าบ่อ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ขณะนั่งรับประทานอาหารในภัตตาคารอาหารจีนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมคุมตัวมาสอบสวนปากคำ และจากการตรวจค้นในรถกระบะอเนกประสงค์ ทะเบียน 2 กว 9801 กรุงเทพ ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม พบเสื้อกั๊กปักอักษรย่อ ป.ป.ท. และตราสัญลักษณ์ของสำนักงาน ป.ป.ท. วิทยุสื่อสาร ปืนพกสั้นบีบีกันอย่างละ 1 รายการ
นอกจากนี้ ยังพบหนังสืออ้างว่า ออกโดยสำนักงาน ป.ป.ท.กรุงเทพฯ ลงนามโดย พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รองเลขาธิการปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ลงวันที่ 25ต.ค.2559 เรื่องขอทราบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงการสอบสวน น.ส.สาวิตรี สิทธิธรรม อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอุบล ซึ่งถูกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 16/2558 ลงวันที่ 15 พ.ค.2558 ให้พักการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.สาวิตรี เป็นการชั่วคราว ระหว่างการสอบสวนเรื่องร้องเรียนทุจริตต่อหน้าที่ จึงต้องการทราบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยสำนักงาน ป.ป.ท.มอบหมายให้นายเอกทัศน์ รุจิโยธิน หรือนายปกรณ์ สูนานนท์ ในชื่อจริงพนักงาน ป.ป.ท.เป็นผู้มาติดต่อประสานงาน
โดยเช้าวันนี้ นายปกรณ์ ได้ถือหนังสือปลอมดังกล่าวมาที่สำนักงานเทศบาลตำบลอุบล แสดงต่อเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน และให้เจ้าหน้าที่ติดต่อให้ น.ส.สาวิตรี มาพูดคุยด้วย โดยบอกว่าสามารถช่วยให้พ้นผิด พร้อมทำเรื่องเสนอต่อผู้ใหญ่ใน ป.ป.ท.ให้เสนอถอดรายชื่อน.ส.สาวิตรี ออกจากคำสั่ง ม.44 และสามารถกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอุบล ได้อีกครั้ง
แต่ด้วยความสงสัยในพฤติกรรม นายเอกทัศน์ น.ส.สาวิตรี ให้คนสนิทที่รู้จักเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อประสานไปยังสำนักงาน ป.ป.ท.เขต 3 เพื่อสอบถามว่ามีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ชื่อดังกล่าวจริงหรือไม่ พร้อมชักชวนนายเอกทัศน์ ไปกินอาหารเที่ยงที่ภัตตาคารเพื่อถ่วงเวลา
เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามไปยัง พ.ต.ท.ทนง เพิ่มพูน ซึ่งอยู่ในพื้นที่แจ้งว่าไม่มี และหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือปลอม จึงบุกเข้าจับตัว นายเอกทัศน์ หรือนายปกรณ์ ไว้ได้ดังกล่าว เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า ไม่มีเจตนาเรียกรับสินบนจาก น.ส.สาวิตรี แต่อย่างใด เพียงต้องการทราบผลการสอบสวนการทำผิดต่อหน้าของ น.ส.สาวิตรี มีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด
แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ ได้แจ้งข้อหาแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ท.โดยไม่มีสิทธิ ปลอมเอกสารและใช้เอกสารราชการปลอมโดยเป็นหนังสือของสำนักงาน ป.ป.ท. มีและใช้วิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีและใช้เอกสารทางราชการเป็นทะเบียนรถยนต์ปลอม ส่วนการเรียกรับทรัพย์สินยังไม่เข้าข่าย เพราะยังไม่มีการส่งมอบเงินมีเพียงพฤติกรรมเข้าข่าย จึงแจ้งเพียง 4 ข้อหา
จากการตรวจสอบประวัติ นายปกรณ์ พบว่า อดีตเคยรับราชการเป็นครูโรงเรียนประถมในจังหวัดอุบลราชธานี แต่เมื่อ 2 ปีก่อนถูกให้ออกจากราชการ ปัจจุบันมีหมายจับในคดีหมิ่นประมาท คดีฉ้อโกง ทั้งในจังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดเลย