MGR Online - กองปราบปรามรวบสาวแสบตั้งบริษัทรับจัดไฟแนนซ์และรับจำนำรถยนต์หลอกเหยื่อร่วมลงทุนอ้างผลตอบแทนดี ก่อนเชิดรถส่งขายต่อกว่า 200 คัน รวมมูลค่าเสียหายกว่า 20 ล้าน หนึ่งในผู้เสียหายเจ้าอาวาสวัดในนครปฐมโดน 9.5 ล้านบาท
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.ปกรษณ์เกียรติ พงษ์ธนนิกร สว.กก.2 บก.ป.แถลงผลจับกุม น.ส.รุ่งรัตน์ หรือนรีรัตน์ บานชื่น อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/47 หมู่ 7 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 645/2559 ลงวันที่ 8 กันยายน 2559 ในความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค ได้ที่บ้านเลขที่ 25/45 หมู่ 8 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
พล.ต.ต.สุทินกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปี 2556 ต่อเนื่องถึงเดือนกันยายน 2559 ผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวก จัดตั้งบริษัท โพสเกรส ดีเวลลอปเม้นท์ (200) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 46/112 หมู่ 8 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ทำธุรกิจเต็นท์รถยนต์มือสองและรับจำนำรถยนต์ พร้อมกับจัดไฟแนนซ์รถยนต์มือสอง หลอกลวงผู้เสียหายหลายรายให้นำเงินมาร่วมลงทุนจัดไฟแนนซ์โดยอ้างว่าจะให้เงินปันผลเป็นค่าตอบแทนร้อยละ 2 ต่อเดือน จากจำนวนเงินที่นำมาลงทุน แต่กลับไม่จ่ายเงินปันผลตามที่กล่าวอ้าง นอกจากนี้ในกรณีการรับจำนำรถนั้นก็จะอ้างว่าต้องนำรถไปตรวจสภาพแล้วกลับนำรถไปขายต่อให้ผู้อื่นโดยสวมทะเบียนใหม่ เบื้องต้นพบว่าก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 200 คัน รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
พล.ต.ต.สุทินกล่าวต่อว่า จากนั้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ กระทั่งชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.สืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีคดีไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักย่าน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงวางแผนติดตามจับกุมไว้ได้ในที่สุด จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่ามีหมายจับติดตัวอยู่อีก 5 หมาย ประกอบด้วย หมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 749/2559 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 , ที่ 228/2559 ลงวันที่ 4 เมษายน 2559 ในความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค และที่ 170/2559 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2559 ข้อหาฉ้อโกง ปลอมและใช้เอกสารปลอม, หมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ บจ.226/2559 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ และหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 943/2558 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ข้อหายักยอกทรัพย์
ด้านทนายความของเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้เข้ามาทำทีติดต่อกับลูกความและขอให้ช่วยเหลือนำเงินมาลงทุนทำธุรกิจรับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ โดยจะมีค่าตอบแทนเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 2 ของเงินลงทุนทุกเดือน ช่วงแรกๆ ยอมรับว่าทางลูกความตนได้รับผลตอบแทนจริงจึงลงทุนเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนกว่า 9.5 ล้านบาท แต่ระยะหลังผู้ต้องหากลับไม่ยอมจ่ายเงินค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ โดยอ้างว่าขาดสภาพคล่องทางการเงินเนื่องจากมีผู้นำรถมาเข้าไฟแนนซ์เป็นจำนวนมากจึงให้ทำสัญญารับสภาพหนี้ขึ้น พร้อมกับสัญญาว่าจะทยอยผ่อนคืนเงินให้ลูกความโดยชำระด้วยเช็คเงินสด แต่เมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินกลับไม่สามารถขึ้นเงินได้จึงแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
ส่วน พ.ต.อ.อรุณกล่าวว่า สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้กระทำความผิดดังกล่าวจริง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ต้องหาน่าจะเคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้งซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่ร่วมกระทำความผิด และตรวจสอบเรื่องการปลอมแปลงทะเบียนรถที่ใช้ในการกระทำความผิด โดยชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งศาลจังหวัดมีนบุรีดำเนินคดีต่อไป