MGR Online - น้องชายอดีต จนท.ที่ดิน จ.พังงา พร้อมยอมรับผลการชันสูตรครั้งที่ 2 หากพี่ชายตายเพราะผูกคอตายจริง ขณะที่ จนท.พยาบาล รพ.มงกุฎวัฒนะเข้าให้ปากคำ พนง.สส.สน.ทุ่งสองห้องเพิ่มอีก 3 ราย
วันนี้ (5 ก.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พยาบาล รพ.มงกุฎวัฒนะ 3 คน ได้เดินทางมาให้ปากคำที่ สน.ทุ่งสองห้อง โดยมีพนักงานอัยการ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าร่วมสอบปากคำ
ต่อมาเวลา 13.30 น. นายนายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายของนายธวัชชัย อนุกูล อายุ 66 ปี อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน จ.พังงา ที่เสียชีวิต กล่าวว่าภายหลังการสอบปากคำกว่า 2 ชั่วโมงได้ให้ปากคำเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพี่ชายทั้งเรื่องการไปพบขณะอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่โรงพยาบาล และการไปรับหนังสือจากนิติเวช ตนติดใจในผลการชันสูตรศพเพราะเห็นว่าผิดธรรมชาติ จะเป็นมาอย่างไรก็แล้วแต่ตนไม่อาจทราบได้ ทำให้ต้องมีการผ่าชันสูตรอีกครั้งโดยนิติวิทยาศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรม ก็จะต้องรอผลตรงนี้อีกครั้ง ตนข้องใจในการตายครั้งนี้ไม่ว่ามีสาเหตุจากอะไร ตนมองว่าเจ้าของสถานที่ หน่วยงานจะต้องพิจารณาดูด้วยว่าเกิดเหตุขึ้นได้อย่างไรในสถานที่ของท่าน หน่วยงานที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนคนไทยอีกหน่วยงานหนึ่ง แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากผลการชันสูตรครั้งที่ 2 จากกระทรวงยุติธรรมออกมาเป็นการฆ่าตัวตายจริงจะยอมรับผลหรือไม่ นายชัยณรงค์กล่าวว่า ยอมรับ เพราะเป็นผลทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็ต้องนำผลทั้ง 2 ครั้งมาประกอบกันแล้วให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินเรื่องไป ตนเข้าไปร่วมไม่ได้เพราะไม่มีความรู้ในทางนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนี้ตนจะเดินทางไปที่ทนายก่อน จากนั้นดีเอสไอจะให้ตนไปดูสถานที่และภาพวงจรปิดซึ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่ตนไม่ดูเพราะรับแจ้งว่าดูได้เฉพาะทางเดินเท่านั้น จึงเห็นว่ามีเฉพาะทางเดินก็ไม่รู้จะไปดูอะไร ตนเชื่อว่าไม่ต้องร้องขอในการเข้าร่วมตรวจพิสูจน์ครั้งที่ 2 แต่ไม่แน่ใจว่าจะใจแข็งพอหรือไม่ที่จะสังเกตการณ์ผ่าพิสูจน์ ซึ่งตนได้ร้องขอให้นิติเวช รพ.ตำรวจ และ รพ.จุฬาลงกรณ์ ให้เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย นอกเหนือจากที่ดีเอสไอแจ้งว่าจะมีแพทย์จาก รพ.รามาธิบดี และ รพ.ศิริราช
นายชัยณรงค์กล่าวอีกว่า การสอบปากคำในครั้งนี้ได้มอบใบแจ้งตาย พร้อมลงชื่อกำกับไว้มอบให้พนักงานสอบสวน ไม่มีการสอบสวนเรื่องอุปกรณ์ที่ทำให้พี่ชายตนเสียชีวิต หากถามตนก็คงตอบไม่ได้ ทั้งนี้ตนไม่ได้ถามความคืบหน้าในคดี ขอให้ทางพนักงานสอบสวนได้ทำงานก่อนเพราะจะต้องสอบปากคำอีกหลายปาก
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าเชื่อในสาเหตุของการเสียชีวิตหรือไม่ นายชัยณรงค์กล่าวว่า เชื่อเพียง 5% ปกติแล้วนายธวัชชัยเป็นคนร่าเริง ไม่เครียด วันที่ตนไปพบก็ไม่ได้เครียดอะไร หลังจากที่ห่างกันมาเกือบ 30 ปี จนถึงตอนนี้ตนต้องขอรอฟังผลการชันสูตรทั้ง 2 ครั้งก่อนว่าจะมั่นใจได้หรือไม่ หากผลออกมาแล้วก็ต้องดูว่ารับได้เพียงใดและรับไม่ได้อย่างไร
นอกจากนี้เวลา 10.00 น. วันที่ 7 ก.ย. นายชัยณรงค์จะเดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกรณีบริษัท สัมพันธ์ประกันภัย ซึ่งล้มละลายมาแล้วหลายปี ทางกรมบังคับคดีทำงานล่าช้ามาก จึงจำเป็นต้องรวมตัวไปเรียกร้องต่อกระทรวงยุติธรรมเร่งรัดกรมบังคับคดีส่งยอดไปให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายชัยณรงค์เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมี พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ ผบ.สำนักปฏิบัติการพิเศษ (ปพ.) ดีเอสไอ เป็นผู้มารับเรื่อง ก่อนพาไปยังบริเวณชั้น 2 ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ เข้าพบนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือเรื่องคดีให้เกิดความโปร่งใส
นายชัยณรงค์เปิดเผยว่า ทางดีเอสไอได้ประสานให้ตนช่วยมาทำเอกสารอย่างเป็นทางการเรื่องขอให้มีการผ่าชันสูตรศพอีกครั้ง ซึ่งตามระเบียบต้องให้ทางญาติเป็นคนขอพิสูจน์ใหม่ พร้อมขออนุญาตขึ้นไปดูบริเวณชั้น 6 อาคารดีเอสไอด้วย ส่วนการตั้งคณะกรรมการกลางตนรับได้แต่ขอให้เพิ่มเจ้าหน้าที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ อีก 1 ท่านร่วมพิสูจน์ด้วย
ด้านนายธวัชชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมากเพราะก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อองค์กร ซึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งต้องให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายและต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยขณะนี้ได้ให้ระงับการฌาปนกิจศพนายธวัชชัยออกไปก่อน และเมื่อเข้าสู่กระบวนการผ่าชันสูตรศพครั้งที่ 2 กระทรวงยุติธรรมไม่สามารถดำเนินการได้ต้องขออนุญาตครอบครัวหรือญาติผู้เสียชีวิตก่อน ทำให้วันนี้นายณรงค์ชัยจึงเดินทางมาทำเอกสารให้ถูกต้องอย่างเป็นทางการที่ศูนย์ร่วมบริการ กระทรวงยุติธรรม เพื่อดำเนินการผ่าพิสูจน์ต่อไป
“กระทรวงยุติธรรมเตรียมตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อผ่าชันสูตรตรวจสอบความโปร่งใส ซึ่งทางญาติไม่ได้ประสงค์มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่เพราะต้องการให้หมดสิ้นกระแสความสงสัยจึงต้องดำเนินการ ส่วนที่นายชัยณรงค์ร้องขอเข้าไปดูภายในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาที่บริเวณชั้น 6 ของดีเอสไอซึ่งเป็นจุดเกิดนั้น ไม่สามารถเข้าดูได้เนื่องจากได้มีการปิดกั้นบริเวณไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบจนกว่าจะมีการเก็บหลักฐานแล้วเสร็จ นอกจากนี้ หากญาติจะขอดูเทปบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณชั้น 6 สามารถทำได้แค่เพียง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติ ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือ แต่ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่รวบรวมก่อนเพราะทราบว่าเทปกล้องมีกว่า 7,000 ไฟล์” รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าว