MGR Online - รมว.ยุติธรรม เตรียมใช้ ม.44 ลดระดับยาบ้าเป็นยาเสพติดประเภท 2 แต่ยังคงโทษประหารชีวิตผู้ค้ารายใหญ่เหมือนเดิม
วันนี้ (29 ส.ค.) เวลา 09.30 น. โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพฯ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “บูรณาการควบคุม (เมท) แอมเฟตามีนอย่างสร้างสรรค์ และนวัตกรรมยุติธรรมตามร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด” ใน 5 มิติ ได้แก่ 1. ด้านองค์ความรู้ยาเสพติด : ทักษะสังคมเพื่อลดอันตราย 2. ด้านสังคม 3. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข 4. ด้านเศรษฐกิจ และ 5. ด้านกฎหมายและการบังคับใช้ โดยมี นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ศูนย์บริการสาธารณสุข ฯลฯ เข้าร่วม
พล.อ.ไพบูลย์เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังศึกษาการปรับยาบ้าให้มาอยู่ในยาเสพติดประเภท 2 เนื่องจากยาเสพติดประเภท 1 ของกระทรวงสาธารณสุขนั้นไม่สามารถใช้ได้เพราะเป็นยาเสพติดที่รุนแรง และอาจใช้มาตรา 44 หากมีความจำเป็น แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขด้วย หากไม่พร้อมก็ไม่ต้อง ส่วนกรณีนักโทษเกี่ยวกับยาเสพติดในเรือนจำทั่วประเทศอาจไม่เข้าข่ายในการพิจารณาแต่สามารถเข้าสู่กระบวนการพักโทษได้เพราะมีช่องทางอยู่แล้ว
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า สำหรับการปรับโฉม ป.ป.ส.ต้องอย่าลืมว่าเมื่อ 30-40 ปีที่ผ่านมา สหประชาชาติเคยประกาศสงครามยาเสพติดมาแล้วแต่ไม่ได้ผล จนกระทั่งปัจจุบันแนวคิดดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้และต้องมีการปรับระบบทำงาน 3 ด้าน 1. ป้องกัน 2. ปราบปราม 3. บำบัดฟื้นฟู โดยตนเชื่อว่า 3 ระบบนี้ต้องไปควบคู่กันซึ่งมีหลาย 10 ประเทศได้นำนโยบายนี้ไปใช้จนประสบความสำเร็จ ดังนั้น ป.ป.ส.ต้องเป็นหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการทั้งภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาประเทศไทยมีหลายโครงการแล้วแต่อาจไม่มีการบูรณาการหรือติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่องจนยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร
“ปริมาณยาเสพติดที่ออกมาจากแหล่งผลิตถือว่ายังมีจำนวนมาก ผมเคยพูดเรื่องสามเหลี่ยมทองคำกับนานาประเทศว่าจะต้องกำจัดแหล่งผลิตอย่างจริงจังไม่ให้ป้อนเข้าสู่ประเทศไทยได้ อีกทั้งความต้องการของยาบ้ามองว่าอาจเป็นสินค้าเศรษฐกิจหรือไม่ เพราะสร้างผลกำไรอันมหาศาล และถ้าทำให้ตัวยาถูกลงจะลดผู้ขายได้ หรือไม่ก็เป็นหัวข้อที่ควรนำมาพูดคุยกัน แต่หากเมื่อมันถูกแล้วคนซื้อก็จะซื้อเพิ่มขึ้น อันนี้ต้องทำความเข้าใจสร้างความรับรู้ให้ประชาชนด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลดหย่อนโทษให้ผู้ค้า และยืนยันว่ายังคงต้องโทษประหารชีวิตซึ่งยังจำเป็นสำหรับประเทศไทย” รมว.ยุติธรรมกล่าว
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยาเสพติดประเภท 5 ได้แก่ พวกกัญชง กัญชา ใบกระท่อม กำลังคุยกันอยู่ว่าถ้ามีคนปลูกเป็นยาสามัญประจำบ้านก็ไม่น่ามีปัญหา แต่หากแปรสภาพเป็นยาเสพติดถือว่าผิดกฎหมาย ทำให้ต้องดูรายละเอียดกัน เนื่องจากชาวบ้านถือว่าเป็นยารักษา หากจะมาบอกทุกอย่างคือยาเสพติดหมดก็จะกลายเป็นปัญหาเพราะปัจจุบันการแพทย์พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถช่วยรักษาโรคได้ โดยรัฐต้องเป็นผู้แยกกฎหมายให้ชัดเจน
ด้าน นพ.โสภณกล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขมองว่าผู้เสพยาเสพติดเป็นผู้ป่วย หากมีผู้เข้าเกณฑ์ก็สามารถส่งตัวมารักษา หรือใช้มาตราอื่นๆ ตามแนวทางที่เสนอไป ทั้งนี้ หากเป็นยาเสพติดประเภท 1 ไม่สามารถสั่งใช้ได้ แต่ประเภท 2 แพทย์หรือหมอสามารถนำไปใช้ในการรักษาได้ โดยในต่างประเทศมีการศึกษาและนำไปใช้บำบัดรักษาผู้ป่วยมาแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการพูดคุยกับหลายหน่วยงานเพื่อได้ข้อสรุปในการรักษาให้ได้ผลสำเร็จต่อไป