เอเอฟพี - รัฐบาลอินโดนีเซียจะส่งตัวนักโทษ 16 รายเข้าสู่ “แดนประหาร” ทันทีที่เดือนรอมฎอนผ่านพ้นไป หลังจากที่การประหารชีวิตนักโทษถูกระงับไว้นานกว่า 1 ปี
โมฮัมหมัด รุม โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีวันนี้ (14 มิ.ย.) ว่า นักโทษกลุ่มนี้ซึ่งมีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วยจะถูกประหารชีวิต “ทันที” หลังผ่านพ้นเดือนรอมฎอน แต่ทางการยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่ชัดเจน
เดือนรอมฎอนซึ่งเป็นเดือนศักดิ์สิทธิ์ และช่วงเวลาแห่งการถือศีลอดประจำปีสำหรับชาวมุสลิมทั่วโลกจะปิดฉากลงด้วยการเฉลิมฉลองในวันตรุษอีดิ้ลฟิตรี ซึ่งในกรณีของอินโดนีเซียจะตรงกับวันที่ 6 หรือ 7 ก.ค.
รุม ไม่ได้ระบุรายชื่อนักโทษที่จะต้องเผชิญคมกระสุนของเพชฌฆาตในคราวนี้ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลอิเหนาได้ประกาศทำสงครามกับยาเสพติด และเมื่อปี 2015 ก็ได้ประหารชีวิตผู้ต้องหาคดียาเสพติดไปถึง 14 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ
อินโดนีเซียไม่ได้ประหารชีวิตนักโทษมาตั้งแต่เดือน เม.ย.ปีที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลต้องการเอาเวลาไปเน้นแก้ไขภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเสียก่อน
“เราทำก่อนหน้านี้ไม่ได้ เพราะรัฐบาลต้องทุ่มเทเวลาเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่การประหารชีวิตจะดำเนินต่อไปเมื่อผ่านพ้นวันตรุษอีดิ้ลฟิตรีปีนี้” รุมกล่าว
เขาบอกว่า นักโทษกลุ่มนี้คงจะถูกส่งไปยังลานประหารที่เกาะนูซากัมบังงัน นอกชายฝั่งเกาะชวา
ยังมีนักโทษต่างชาติอีกหลายคนที่ถูกศาลอินโดนีเซียตัดสินประหารชีวิต ในจำนวนนี้ได้แก่ เซอร์เกย์ อัตลาวี ชาวฝรั่งเศส และ แมรี เจน เวโลโซ ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งรอดจากการประหารรอบที่แล้วอย่างหวุดหวิด
ลินด์เซย์ แซนดิฟอร์ด หญิงชราชาวอังกฤษ ก็ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตในข้อหาลักลอบนำโคเคนจำนวนมากเข้าไปยังเกาะบาหลี
ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย ได้ประกาศสงครามกับยาเสพติดหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำแดนอิเหนาเมื่อปี 2014 โดยระบุว่าประเทศกำลังเผชิญ “สถานการณ์ขั้นฉุกเฉิน” เนื่องจากมีการใช้ยาเสพติดมากขึ้นเรื่อยๆ และด้วยเหตุนี้นักโทษคดียาเสพติดจึงสมควรถูกลงโทษสถานหนัก
อินโดนีเซียได้ประหารชีวิตนักโทษ 2 ชุดเมื่อปีที่แล้ว โดยชุดที่ 2 ซึ่งมีขึ้นในเดือน เม.ย. กระทบต่อความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างรุนแรง เนื่องจากมีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วยหลายคน ได้แก่ ชาวออสเตรเลีย 2 คน, ชาวบราซิล 1 คน และชาวไนจีเรีย 4 คน
รัฐบาลออสเตรเลียได้เรียกทูตกลับจากกรุงจาการ์ตาเป็นการชั่วคราว เพื่อประท้วงการประหารชีวิตพลเมืองออสซี่ 2 ราย ได้แก่ แอนดรูว์ ชาน และ มยูรัน สุกุมารัน โดยคนทั้งสองเป็นหัวหน้ากลุ่ม “บาหลีไนน์” ที่พยายามนำเฮโรอีนออกจากเกาะบาหลีเมื่อปี 2005