xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กแป๊ะ” ชี้มีผู้ร่วมขบวนการบึ้ม 7 จว.ใต้กว่า 20 คน ล้วนเป็นคนรุ่นคนใหม่ได้รับการฝึกฝนมา(มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
MGR Online - ผบ.ตร.ระบุความคืบหน้าเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ มีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 20 คน โดยใช้แนวร่วมก่อความไม่สงบมีภูมิลำเนาในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ เป็นคนรุ่นใหม่ที่ผ่านการฝึกฝนก่อนที่จะมาก่อเหตุ และแฝงกายในภาพลักษณ์นักท่องเที่ยว สั่งเช็กเส้นทางเงิน ด้าน “ศรีวราห์” เตรียมบินขอหมายศาลทหาร จับ “ศักรินทร์” อีกครั้งพรุ่งนี้



วันนี้ (22 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าการสืบสวนนับตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมเป็นต้นมามีความคืบหน้าไปมากจนทราบขั้นตอน วิธีการ และจุดรวมตัวของผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้วซึ่งต้องทำด้วยความรอบคอบ ทั้งการเดินทางมาและเดินทางกลับหลังจากเสร็จภารกิจ ทราบแล้วว่าแผนประทุษกรรมของคนร้ายเป็นอย่างไร น่าเชื่อว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการ 20 คนขึ้นไป โดยวิธีการผิดแปลกไปจากธรรมเนียมประเพณีของคนมุสลิม ครั้งนี้การก่อเหตุพยามปกปิดใบหน้า ใส่กางเกงขาสั้นเพื่ออำพรางตัวเอง โดยปกติแล้วการแต่งกายต้องเป็นไปตามวัฒนธรรมของตัวเอง แต่ครั้งนี้พยายามทำตัวทำคล้ายนักท่องเที่ยวเพื่อก่อเหตุ ขณะนี้ออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุเพียง 1 ราย คือ นายอาหะมะ เลงหะ ชาว จ.นราธิวาส จากกรณีวางระเบิดที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต

ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนประเด็นการก่อเหตุยังไม่ตัดทิ้ง ทั้งเรื่องการลงเสียงประชามติ การสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ การขยายพื้นที่ของแนวร่วมก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะจริงหรือไม่จริงก็ยังไม่ตัด หรืออาจจะมาทำงานแบบรับจ้างเฉพาะกิจก็อาจจะเป็นไปได้ เบื้องต้นในทางสืบสวนหน้าที่รู้ตัวแล้วว่ามีคนร้ายมากกว่า 20 คน ส่วนหนึ่งมีหมายจับ มีประวัติก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

“แต่ตั้งข้อสังเกตว่าการก่อเหตุครั้งนี้เป็นคนลงมือจากคนรุ่นใหม่ หลายคนไม่เคยมีประวัติมาก่อน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด เพราะยังไม่มีการประกาศตัวอย่างชัดเจน แต่คนรุ่นเก่าก็อาจจะมีส่วนร่วมในการสนับสนุน เพราะดูจากแผนประทุษกรรมแล้วแทบจะเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งทางการสืบสวนค่อนข้างลำบาก แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานอยู่ทั้ง 20 กว่าคน เชื่อว่าทั้งหมดผ่านการฝึกฝนก่อนที่จะมาก่อเหตุ ถ้าได้ตัวคนหนึ่งใน 20 คนนี้ก็อาจจะรู้ตัวผู้บงการ พวกนี้เป็นระดับปฏิบัติการอยู่แล้วและมีการแบ่งงานกันทำชัดเจน มีการเดินทางมารับภารกิจจังหวัดใครจังหวัดมัน ส่วนจะมีการควบคุมตัวใครตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือมาตรา 44 หรือไม่ เป็นเรื่องของการสืบสวน ผมขอไม่พูด” ผบ.ตร.กล่าว และว่า ในส่วนของ 20 คนนี้ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอไม่เปิดเผยว่าเป็นคนสองสัญชาติหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามอยู่ในพื้นที่ จ.ยะลา นราธิวาส และปัตตานี

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาตนก็วิเคราะห์ว่าเหตุใดจึงมีแนวร่วมหน้าใหม่เข้าร่วมการก่อเหตุครั้งนี้ ถึงได้รู้ว่ามีการใช้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มเหล่านี้ผ่านการฝึกฝน บางคนจบมาจากโรงเรียนปอเนาะ สำหรับการติดตามตัวคนร้ายนั้นก็มีการประสานกับทางการมาเลเซียอย่างต่อเนื่องซึ่งก็ไม่เฉพาะคดีนี้เท่านั้น ที่ผ่านมามีการประสานกันทุกเรื่อง อย่างไรก็ตาม การออกหมายจับขึ้นอยู่กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี่

เมื่อถามว่า พบพิรุธการโอนเงิน 4.5 ล้านบาท เข้าบัญชีผู้ต้องสงสัย ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เรื่องนี้่อยู่ในการสืบสวนเส้นทางการเงินซึ่งกำลังดำเนินการ ส่วนจะออกหมายจับถึงระดับสั่งการหรือไม่นั้น ตนเองก็อยากให้สาวถึงระดับบงการ ขณะนี้ทีมสืบสวนพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มเหล่านี้ยังอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายภาคใต้ รวมถึงนายอาหะมะที่ออกหมายจับไปแล้ว เพียงแต่เจ้าหน้าที่ยังตามหาไม่พบ ส่วนใหญ่พบแต่ญาติพี่น้อง ได้รับความร่วมมือบ้าง ไม่ได้รับความร่วมมือบ้าง เจ้าหน้าที่ไม่ละความพยายามอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าที่เราทำได้ประโยชน์หลายอย่าง และพยายามให้ได้ตัวคนทำผิดมาลงโทษ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการสืบสวนคนร้ายกลุ่มนี้เป็นแนวร่วมกลุ่มบีอาร์เอ็น หรือพูโลเก่า-ใหม่ หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า กลุ่มเหล่านี้พยายามสร้างเงื่อนไขในการเจรจาต่อรองกับรัฐบาลมาโดยตลอด ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้วยังไม่บรรลุข้อตกลงก็อาจจะมีการแสดงศักยภาพหวังผลหลายอย่างในเวลาเดียวกันซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออก

เมื่อถามว่ากรณีกลุ่ม นปป.17 คนที่ศาลทหารออกหมายจับมีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิดหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าไม่เกี่ยวกัน

“ถ้าถามผมส่วนตัว เหตุระเบิดอาจจะไม่เกี่ยวเท่าไหร่ แต่วัตถุประสงค์เป้าหมายในเรื่องการเมืองจะแตกตัว จากไหนก็แล้วแต่ ผมเชื่อว่ากลุ่ม 15 คนเขารู้ว่าเป้าหมายจะทำอะไร อย่างเช่น เรียกตัวเองว่ากลุ่ม นปป. เป็นการขัดขวางการทำงานของรัฐบาลต่างๆ นานา ซึ่งไม่เอาเผด็จการ แต่วิธีการอาจจะไม่ได้มาวางระเบิด แต่มีแนวคิดและเป้าหมายเดียวกัน” ผบ.ตร.กล่าว และว่าแนวทางการสืบสวนเป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันแต่แยกกันทำงาน อาจลักษณะแบบนั้นรับโจทย์มาคนละอย่าง แต่เป้าหมายเดียวกัน นี่คือความเห็นส่วนตัว ถ้าผิดก็ตำหนิตนคนเดียว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กลุ่มที่ก่อเหตุมองไปที่กลุ่มวาดะห์หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ถ้าเป็นแนวทางในการสืบสวนก็มองไปที่ซุ้มใหญ่หรือกลุ่มใหญ่ก่อน ภาคใต้มีตั้งหลายกลุ่ม ยอมรับว่ากลุ่มวาดะห์อยู่ในฐานข้อมูล ยกตัวอย่างถ้าตนเป็น ส.ส.ก็ต้องรู้จักความเคลื่อนไหวของลูกบ้านอยู่แล้ว ในด้านการเมืองท้องถิ่น การเมืองระดับชาติก็ต้องทราบความเคลื่อนไหวอยู่แล้วว่าใครอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง อย่ามาปกป้องพวกเดียวกัน อย่ามาปกป้องกลุ่มเดียวกัน

ถามว่า ในสายตาของต่างประเทศมองว่าปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังขยายพื้นที่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เขามีความพยายามที่จะประกาศตัว บางครั้งตนไม่สามารถพูดให้ฟังได้ ส่วนการขยายพื้นที่มองได้หลายอย่าง การทำครั้งนี้วิเคราะห์ว่าได้ประโยชน์หลายอย่าง ที่ผ่านมาก็เคยมีลักษณะเช่นนี้ แต่ในส่วนนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องเฉพาะกิจ อาจจะเป็นการทดลองชุดทำงานชุดใหม่ ลองพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ กรมการปกครองก็ดูแลพื้นที่อยู่แล้ว เขาก็คงอยู่ในพื้นที่ของเขา เขามีการเรียนรู้มาจากต่างประเทศ เขามีการเรียนรู้ในการทำงานของเจ้าที่รัฐ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวานนี้ ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ติดตามผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง มีความสัมพันธ์หรือเชื่อมโยงกับคดีนี้อย่างไร พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า มีความเชื่อมโยง เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่ติดตามอยู่ ก็ไปที่บ้านพบพ่อกับแม่ และมีการขยายผลไปถึงโรงเรียนปอเนาะ

ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม สำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ ในฐานะคณะพนักงานสอบสวน กล่าวถึงกรณีนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ ผู้ต้องหาที่มีการถอนหมายจับและล่าสุดได้รับการปล่อยตัวไป ว่าเดิมทีพนักงานสอบสวน บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ตรวจพบหลักฐานเบื้องต้นมีความชัดเจน จึงทำเรื่องขออนุมัติศาลจังหวัดออกหมายจับนายศักรินทร์ในข้อหาวางเพลิง ต่อมาหลังจากที่มีการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบวัตถุพยานที่เป็นตัวจุดเพลิงให้ลุกไหม้เป็นวัตถุระเบิด ทำให้ฐานความผิดเปลี่ยนไป อำนาจในการพิจารณาคดีของศาล จากศาลจังหวัดซึ่งเป็นศาลพลเรือนมาเป็นศาลทหาร พนักงานสอบสวนก็ขอถอนหมายจับ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงมามอบให้กับตำรวจ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและปล่อยตัวในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาจึงปล่อยตัวไปและมีกระบวนการดูอยู่

พล.ต.ต.ชยพลกล่าวว่า ล่าสุด พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และพรุ่งนี้ (23 ส.ค.) จะเดินทางไป จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับอีกครั้งหนึ่ง ส่วนพยานหลักฐานที่จะนำไปมอบให้ศาลนั้นยังเป็นชุดเดิมแต่มีหลักฐานเพิ่มบางส่วน ส่วนจะเกี่ยวข้องอย่างไรนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อยู่ในสำนวน เบื้องต้นมีการอนุมัติหมายจับในวันพรุ่งนี้เพียง 1 รายเท่านั้นคือนายศักรินทร์ หากศาลมีความเห็นอย่างไรจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น