วัด”กำลัง”ขั้วอำนาจสีกากี อุ้ม ”นายพล”พันค้ามนุษย์!?

MGR Online - การยกเลิกประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ครั้งที่ 9/2559 เมื่อวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา. ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. แบบกระทันหัน ชนิดแจ้ง“กรรมการ ก.ตร.”ล่วงหน้าก่อนจะถึงเวลาประชุมเวลา 14.00 น. เพียง 2-3 ชั่วโมง กำลังกลายเป็นที่จับตาและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างขวางเป็นการ”วัดกำลัง”ระหว่างขั้วกุมอำนาจสีกากีกับขั้วอำนาจภายนอกที่ใกล้ชิดรัฐบาลหรือไม่ อย่างไร

ตามระเบียบวาระประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 9/2559 ไม่ได้มีวาระอะไรใหญ่โตอะไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องรายงานการดำเนินการของ อนุก.ตร.อุทธรณ์ อนุก.ตร.กฎหมาย ,รายงานการออกระเบียบ ก.ตร.ว่าด้วยเงินเพิ่มเป็นพิเศษสำหรับตำแหน่งผู้ปฎิบัติหน้าที่ด้านสอบสวน พ.ศ.2559 ,เรื่องกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ(ฉบับที่3) พ.ศ.2559 และการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนประจำปี 2557 และประจำปี 2558 กรณีพิเศษ 2 ขั้นในโควตาผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้รับเงินเดือนในระดับ ส.6 ขึ้นไป

แต่ไฮไลท์สำคัญในการประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ ที่ทำให้คนสีกากีจับตาเป็นพิเศษ มีอยู่คือในวาระอื่นๆทั่วไป จะมีการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายระดับ ผู้บังคับการ(ผบก.) ที่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่ม “นายพล” ที่ถูกคำสั่ง หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 เด้งออกจากเก้าอี้ เพื่อตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวข้องกับเรื่องการค้ามนุษย์ บ่อนการพนัน กรณีบ่อนการพนันพื้นที่จ.สงขลา ล้งกุ้งที่จ.สมุทรสาคร และนาตารีอาบอบนวด

แม้ก่อนหน้านี้ ก.ตร.ที่มี”บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่งตั้งโยกย้าย“บิ๊กช้าง”พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.9 ลูกน้องก้นกุฏิ”บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. เป็น ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. “บิ๊กโอ๋”พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา น้องเลิฟ”บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี ที่ดึงตัวมาช่วยงานในการทำบัญชีแต่งตั้ง เป็น ผบก.ภ.จ.สระบุรี และ “บิ๊กกุ้น”พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร อดีตผู้การฯทะเบียนพล ที่สนิทสนมกับ”บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล ผบก.ตำรวจท่องเที่ยว เลขาฯส่วนตัว”บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร ไปเป็น ผบก.ภ.จ.นครนายก

หลังผลสอบข้อเท็จจริง ที่คสช.ให้ศูนย์อำนายการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) ที่มี”บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ศอตช. ประสานข้อมูลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานต้นสังกัด “ตำรวจ” ที่โดนคำสั่ง”เชือด” ออกมาปรากฏว่า ไม่พบมีความผิดและให้ยุติเรื่อง

ว่ากันว่า พลันที่ผลสอบดังกล่าวออกมาไม่พบความผิด และมีการแต่งตั้ง”ตำรวจ”ที่ถูกสอบสวนไปดำรงตำแหน่ง “ผู้การฯจังหวัด” อื่น ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว ตามที่ หัวหน้า คสช.มีคำสั่งให้ย้ายออกจากพื้นที่เดิม แต่ดูเหมือนกระแสความไม่พอใจก็ยังมีอยู่ เนื่องจากย้ายไปเป็น ผบก.จังหวัด ไม่ใช่เข้ากรุและเหมือนเป็นการตบหน้า ศอตช. ที่เบื้องต้นเคยให้ข้อมูลว่าพบความบกพร่องบางส่วน

แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นทำให้ ศอตช. ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองต่อข้อครหา ต่อคำถามสังคมที่โหมกระหน่ำใส่ กระทั่งหัวหน้า คสช.ต้องใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งให้อำนาจประธาน ศอตช.แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเปรียบเทียบผลการสอบสวนพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์

จากนั้น”บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ ก็ออกมารับลูกคำสั่ง หัวหน้า คสช. ประกาศจะเริ่มต้นตรวจสอบคดีค้ามนุษย์โรฮิงจา ล้งกุ้งที่จ.สมุทรสาคร และนาตตารีอาบอบนวดเป็นเรื่องแรก หลังผลสอบจากต้นสังกัดไม่พบมีความผิด พร้อมทั้งส่งสัญญาณดังกล่าวด้วยว่า หากผลการตรวจสอบไม่พบความผิดตามที่ต้นสังกัดตรวจสอบก็จะจบไป แต่ถ้าผลการตรวจสอบของต้นสังกัดไม่สอดคล้องกับที่คณะกรรมการตรวจสอบซ้ำ ต้นสังกัดและผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วย

กระทั่งมีข่าวลือสะพัดตามมาว่าในการประชุม ก.ตร.เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ส.ค. จะมีการเสนอโยกย้าย“บิ๊กโอ๋”พล.ต.ต.กฤษกร และ“บิ๊กกุ้น”พล.ต.ต.สรไกร จากเดิมที่ ก.ตร.เคยแต่งตั้งให้ไปลงตำแหน่ง ผบก.ภ.จ.สระบุรี และผบก.ภ.จ.นครนายก ไปดำรงตำแหน่ง ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เพื่อให้การทำงานไม่ต้องสัมผัสประชาชน และลดโทนความไม่พอใจของสังคมที่มองว่าขั้วอำนาจสีกากี “อุ้ม” นายพลทั้ง 2 นาย เหมือนลิงหลอกเจ้า

ทว่าพอวงประชุม ก.ตร. ถกยกเลิกแบบฉับพลันทันด่วน ก่อนเวลาแค่ไม่ถึง 2-3 ชั่วโมง ด้วยข้ออ้างมาบอก ก.ตร.ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม รวมทั้ง”บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ติดภารกิจด่วน อุณหภูมิประเด็น “อุ้ม” ก็กลับมาร้อนแรงเพิ่มขึ้น ท่ามกลางเสียงลือกระหึ่มน่าจะมีรายการ “ลองกำลัง”กันเกิดขึ้น

เพราะแม้พล.อ.ไพบูลย์จะออกตัวว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ให้อำนาจประธาน ศอตช.แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบเปรียบเทียบผลการสอบสวนพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ซ้ำ เป็นผลจากความกังวลใจของประชาชนที่ไม่มั่นใจว่าหลังการโยกย้ายตามมาตรา 44 อาจมีการช่วยเหลือกัน รวมทั้งต้องการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่รัฐ

กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการตรวจสอบซ้ำกับผลสอบของเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับเรื่องการค้ามนุษย์ ที่เหมือนเป็นการฟื้นฝอยหาตะเข็บ ส่งผลกระทบไปถึงบางคน บางกลุ่ม ที่พยายามเคลียร์ให้เรื่องนี้จบๆกันไป เดือดขึ้นมาอีกครั้ง
ดังนั้นเมื่อพญาช้างสารงัดกัน หญ้าแพรกจะแหลกลาญแค่ไหน ต้องติดตามแบบห้ามกะพริบตา.