**มติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ที่มี"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน เมื่อวันที่ 27ก.ค.ที่ผ่านมา แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ระดับ “นายพล” นอกฤดู
โดยเฉพาะเป็น“นายพล”ที่ถูกคำสั่ง หัวหน้าคสช. ใช้มาตรา 44 เด้งออกจากเก้าอี้ เพื่อตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวข้องกับเรื่องการค้ามนุษย์และบ่อนการพนัน ดูจะมีเบื้องหลังฉาก "โชว์กำลัง"แอบแฝง ให้หลายคนรู้ว่า กลุ่มที่กุมอำนาจไม่ได้แผ่วหรืออ่อนแรงอย่างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แถมส่งสัญญาณให้เห็นถึงทิศทางการจัดทัพปรับทิศ"กรมปทุมวัน" ในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2559 ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วย
ต้องยอมรับคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 33/2559 ใช้อำนาจ มาตรา 44 ย้ายข้าราชการ 23 นาย ออกจากตำแหน่ง และให้ตรวจสอบข้อร้องเรียนหรือข้อกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นในพื้นที่ หรือมีการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ ซึ่งในจำนวนนั้นมีตำรวจถึง 17 นาย และในจำนวน 17 นาย เป็นระดับ “นายพล”4 นาย สร้างความฮือฮาอย่างมาก เพราะมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ไม่ใช่แค่คำสั่งโยกย้ายเข้ากรุเหมือนที่ผ่านมา
ที่สำคัญ 3 ใน 4 นายพล ที่โดนเชือด ดูจะมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคนี้ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็น“บิ๊กช้าง”พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.9 ลูกน้องก้นกุฏิ "บิ๊กป็อด" พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. “บิ๊กโอ๋”กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา น้องเลิฟ"บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี ที่ดึงตัวมาช่วยงานในการทำบัญชีแต่งตั้ง “บิ๊กกุ้น” พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร อดีตผู้การฯทะเบียนพล ที่สนิทสนมกับ"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล ผบก.ตำรวจท่องเที่ยว เลขาฯส่วนตัว"บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร
** ทำให้เข้าใจกันว่า เกิดแรงกระเพื่อมไปถึงแบ็คที่อยู่เบื้องหลัง หมดกำลังรั้งแล้วหรือไร ???
ที่เคยสั่งสมบารมี จนเป็นที่เกรงขามในแวดวงสีกากี ถูกตั้งคำถาม และถูกหยิบโยงเชื่อมไปถึงการทำบัญชีแต่งตั้งตำรวจระดับ“นายพัน”ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีอาการมั่วออกมา จนการแต่งตั้งปั่นป่วน ต้องยืดยื้อยาวนาน จนสร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ถูกสื่อจี้ ถูกสื่อซัก จนอารมณ์บูดหลายรอบ
แต่พอผลสอบข้อเท็จจริง ที่ คสช.ให้ศูนย์อำนายการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มี”บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ศอตช. ประสานข้อมูลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานต้นสังกัด “ตำรวจ”ที่โดนคำสั่ง"เชือด" ออกมาปรากฏว่า ไม่พบมีความผิด และให้ยุติเรื่อง แถมพอเรื่องได้ข้อสรุป ได้ข้อยุติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เสนอแต่งตั้งโยกย้าย “นายพล”ทั้ง 3 นายทันที แบบไม่รอให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนคดี พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 และอีก 13 นายพัน ที่เหลือเสร็จสิ้น ย่อมสะท้อนถึงความไม่ธรรมดาของทั้ง 3 นายพล
และไม่ธรรมดาเพิ่มขึ้น ที่แม้ พล.ต.ท.วีรพงษ์ ขยับจาก ผบช.ภ.9 จะถูกขยับมาเป็น ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. แทนตำแหน่งของ"บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ที่โยกไปเป็น ผบช.น. ตัวจริงเสียงจริง หลังจากรอมานานกว่า 9 เดือน แต่ในส่วนของ“มือทำบัญชี”ที่เหล่าสีกากีต่างรับรู้ ทั้ง“บิ๊กโอ๋”พล.ต.ต.กฤษกร และ"บิ๊กกุ้น" พล.ต.ต.สรไกร ถึงจะโดนโยกจาก ผบก.ภ.จว.สงขลา และ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร จังหวัดระดับเกรดเอ ในระดับ ผู้การฯ ก็ยังได้นั่งเก้าอี้ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และ ผบก.ภ.จว.นครนายก จังหวัดระดับ บีบวก ไม่ใช่โดนเด้งเข้ากรุไปอยู่ประจำ หรือ จเรตำรวจ
**ทำให้เห็นว่า"กำลัง" ที่หนุน"นายพล"ทั้ง 3 นาย ไม่ธรรมดา ขนาด ศอตช. ที่"บิ๊กต๊อก"กุมบังเหียน เสนอข้อมูลให้หัวหน้าคสช. จนเซ็นคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบได้ ก็ย่อมต้องไม่ใช่"ข้อมูล"ไก่ก่า หรือ มั่วนิ่ม ไม่มีข้อมูลอะไรแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคนระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จะยอมเช็นคำสั่งตามความเห็นที่เสนอหรือ แต่ยังสามารถนำพาลูกน้องผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ก็ถือว่ายอมเยี่ยมกระเทียมดอง
ยิ่งสามารถแต่งตั้งโยกย้าย “นอกฤดู” ได้ ทั้งๆ ที่เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงวาระแต่งตั้ง“นายพล”วาระประจำปี 2559 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป เพื่อดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 33/2559 ระบุช่วงท้ายคำสั่งว่า “ในกรณีที่ไม่พบว่ามีการกระทำความผิด หรือไม่ถึงขั้นต้องดำเนินการทางวินัย ให้เยียวยาแก่ผู้ถูกตรวจสอบโดยให้ไปดำรงตำแหน่งในระดับเดิม ตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิมก่อนเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวต่อไป"
ก็เหมือนเป็นการเคลียร์ทุกปมที่พัวพัน3 นายพล เสร็จสิ้นเรียบตามคำสั่งหัวหน้า คสช. เรียบร้อยหมดแล้ว เมื่อถึงวาระแต่งตั้ง“นายพล”ประจำปี 2559 ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า “บิ๊กช้าง”-“บิ๊กโอ๋”-“บิ๊กกุ้น”ก็สามารถขยับโยกย้ายได้อย่างอิสระไม่ผูกมัดคำสั่ง
**โดยเฉพาะหาก พล.ต.ท.วีระพงษ์ ได้รับการเสนอชื่อขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.กฤษกร ขึ้น รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สรไกร ขึ้น รอง ผบช.ภ.2 ก็ไม่ผิดกฎ กติกาใดๆ เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้ “ตำรวจ”ทั่วประเทศ ต่างรับรู้ รับทราบว่าการแต่งตั้งตำรวจ วาระประจำปี 2559 ยังคงอยู่ในขั้วเดิม ยังอยู่ในพวกเดิม ไม่เปลี่ยนเลน ไม่เปลี่ยนลู่ .
โดยเฉพาะเป็น“นายพล”ที่ถูกคำสั่ง หัวหน้าคสช. ใช้มาตรา 44 เด้งออกจากเก้าอี้ เพื่อตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวข้องกับเรื่องการค้ามนุษย์และบ่อนการพนัน ดูจะมีเบื้องหลังฉาก "โชว์กำลัง"แอบแฝง ให้หลายคนรู้ว่า กลุ่มที่กุมอำนาจไม่ได้แผ่วหรืออ่อนแรงอย่างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แถมส่งสัญญาณให้เห็นถึงทิศทางการจัดทัพปรับทิศ"กรมปทุมวัน" ในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2559 ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วย
ต้องยอมรับคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 33/2559 ใช้อำนาจ มาตรา 44 ย้ายข้าราชการ 23 นาย ออกจากตำแหน่ง และให้ตรวจสอบข้อร้องเรียนหรือข้อกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นในพื้นที่ หรือมีการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ ซึ่งในจำนวนนั้นมีตำรวจถึง 17 นาย และในจำนวน 17 นาย เป็นระดับ “นายพล”4 นาย สร้างความฮือฮาอย่างมาก เพราะมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ไม่ใช่แค่คำสั่งโยกย้ายเข้ากรุเหมือนที่ผ่านมา
ที่สำคัญ 3 ใน 4 นายพล ที่โดนเชือด ดูจะมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยุคนี้ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็น“บิ๊กช้าง”พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.9 ลูกน้องก้นกุฏิ "บิ๊กป็อด" พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. “บิ๊กโอ๋”กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา น้องเลิฟ"บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี ที่ดึงตัวมาช่วยงานในการทำบัญชีแต่งตั้ง “บิ๊กกุ้น” พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร อดีตผู้การฯทะเบียนพล ที่สนิทสนมกับ"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล ผบก.ตำรวจท่องเที่ยว เลขาฯส่วนตัว"บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร
** ทำให้เข้าใจกันว่า เกิดแรงกระเพื่อมไปถึงแบ็คที่อยู่เบื้องหลัง หมดกำลังรั้งแล้วหรือไร ???
ที่เคยสั่งสมบารมี จนเป็นที่เกรงขามในแวดวงสีกากี ถูกตั้งคำถาม และถูกหยิบโยงเชื่อมไปถึงการทำบัญชีแต่งตั้งตำรวจระดับ“นายพัน”ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีอาการมั่วออกมา จนการแต่งตั้งปั่นป่วน ต้องยืดยื้อยาวนาน จนสร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ถูกสื่อจี้ ถูกสื่อซัก จนอารมณ์บูดหลายรอบ
แต่พอผลสอบข้อเท็จจริง ที่ คสช.ให้ศูนย์อำนายการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มี”บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ศอตช. ประสานข้อมูลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานต้นสังกัด “ตำรวจ”ที่โดนคำสั่ง"เชือด" ออกมาปรากฏว่า ไม่พบมีความผิด และให้ยุติเรื่อง แถมพอเรื่องได้ข้อสรุป ได้ข้อยุติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เสนอแต่งตั้งโยกย้าย “นายพล”ทั้ง 3 นายทันที แบบไม่รอให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนคดี พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 และอีก 13 นายพัน ที่เหลือเสร็จสิ้น ย่อมสะท้อนถึงความไม่ธรรมดาของทั้ง 3 นายพล
และไม่ธรรมดาเพิ่มขึ้น ที่แม้ พล.ต.ท.วีรพงษ์ ขยับจาก ผบช.ภ.9 จะถูกขยับมาเป็น ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. แทนตำแหน่งของ"บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ที่โยกไปเป็น ผบช.น. ตัวจริงเสียงจริง หลังจากรอมานานกว่า 9 เดือน แต่ในส่วนของ“มือทำบัญชี”ที่เหล่าสีกากีต่างรับรู้ ทั้ง“บิ๊กโอ๋”พล.ต.ต.กฤษกร และ"บิ๊กกุ้น" พล.ต.ต.สรไกร ถึงจะโดนโยกจาก ผบก.ภ.จว.สงขลา และ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร จังหวัดระดับเกรดเอ ในระดับ ผู้การฯ ก็ยังได้นั่งเก้าอี้ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และ ผบก.ภ.จว.นครนายก จังหวัดระดับ บีบวก ไม่ใช่โดนเด้งเข้ากรุไปอยู่ประจำ หรือ จเรตำรวจ
**ทำให้เห็นว่า"กำลัง" ที่หนุน"นายพล"ทั้ง 3 นาย ไม่ธรรมดา ขนาด ศอตช. ที่"บิ๊กต๊อก"กุมบังเหียน เสนอข้อมูลให้หัวหน้าคสช. จนเซ็นคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบได้ ก็ย่อมต้องไม่ใช่"ข้อมูล"ไก่ก่า หรือ มั่วนิ่ม ไม่มีข้อมูลอะไรแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคนระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จะยอมเช็นคำสั่งตามความเห็นที่เสนอหรือ แต่ยังสามารถนำพาลูกน้องผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ก็ถือว่ายอมเยี่ยมกระเทียมดอง
ยิ่งสามารถแต่งตั้งโยกย้าย “นอกฤดู” ได้ ทั้งๆ ที่เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงวาระแต่งตั้ง“นายพล”วาระประจำปี 2559 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป เพื่อดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 33/2559 ระบุช่วงท้ายคำสั่งว่า “ในกรณีที่ไม่พบว่ามีการกระทำความผิด หรือไม่ถึงขั้นต้องดำเนินการทางวินัย ให้เยียวยาแก่ผู้ถูกตรวจสอบโดยให้ไปดำรงตำแหน่งในระดับเดิม ตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิมก่อนเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวต่อไป"
ก็เหมือนเป็นการเคลียร์ทุกปมที่พัวพัน3 นายพล เสร็จสิ้นเรียบตามคำสั่งหัวหน้า คสช. เรียบร้อยหมดแล้ว เมื่อถึงวาระแต่งตั้ง“นายพล”ประจำปี 2559 ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า “บิ๊กช้าง”-“บิ๊กโอ๋”-“บิ๊กกุ้น”ก็สามารถขยับโยกย้ายได้อย่างอิสระไม่ผูกมัดคำสั่ง
**โดยเฉพาะหาก พล.ต.ท.วีระพงษ์ ได้รับการเสนอชื่อขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.กฤษกร ขึ้น รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สรไกร ขึ้น รอง ผบช.ภ.2 ก็ไม่ผิดกฎ กติกาใดๆ เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้ “ตำรวจ”ทั่วประเทศ ต่างรับรู้ รับทราบว่าการแต่งตั้งตำรวจ วาระประจำปี 2559 ยังคงอยู่ในขั้วเดิม ยังอยู่ในพวกเดิม ไม่เปลี่ยนเลน ไม่เปลี่ยนลู่ .