MGR Online - ดีเอสไอแถลงยึดรถยนต์หรูเลี่ยงภาษีเพิ่มเติม 49 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท ยืนยันดำเนินคดีถึงกลุ่มเครือข่ายระดับใหญ่นำรถเข้าทั้งคัน-ใช้เอกสารอันเป็นเท็จ
วันนี้ (17 ส.ค.) เวลา 09.30 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ร่วมแถลงข่าวการขยายผลกรณีขบวนการลักลอบนำรถยนต์จดประกอบจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายฯ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ผลตรวจยึดรถยนต์เลี่ยงภาษีซึ่งมีจำนวน 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกมีจำนวนทั้งหมด 37 คัน สืบเนื่องจากกรณีการเข้าตรวจค้นบริษัท เอส เค ที มอเตอร์ จำกัด เลขที่ 125 หมู่ที่ 1 ต.บางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี พบว่าเป็นสถานที่จดประกอบรถยนต์นำเข้าและสำแดงภาษีเท็จ ซึ่งเป็นการนำเข้าตัวถังและเครื่องยนต์ ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อ Bentley 2 คัน, รถยนต์ยี่ห้อ Benz 14 คัน, รถยนต์ยี่ห้อ BMW 5 คัน, รถยนต์ยี่ห้อ Toyota 7 คัน, รถยนต์ยี่ห้อ Nissan 6 คัน, รถยนต์ยี่ห้อ Porsche 1 คัน, รถยนต์ยี่ห้อ Dodge 1 คัน และรถยนต์ยี่ห้อ Lexus 1 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 มาตรา 27 ทวิ
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มสองมีจำนวน 12 คัน การสืบสวนสอบสวนพบกลุ่มขบวนการลักลอบนำรถยนต์หรูทั้งคันที่มีมูลค่าสูง (ซูเปอร์คาร์) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยวิธีการหลีกเลี่ยงภาษีและมีการปลอมแปลงเอกสารใบนำเข้าเพื่อยื่นจดทะเบียนนั้น คณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ทำการตรวจยึดมาตรวจสอบ ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อ Bentley 1 คัน, รถยนต์ยี่ห้อ Ferrari 2 คัน, รถยนต์ยี่ห้อ Rolls-Roy 1 คัน และรถยนต์ Porsche 8 คัน มูลค่ารถยนต์ที่ตรวจยึดประมาณ 70 ล้านบาท โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐประมาณ 280 ล้านบาท เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 มาตรา 27 ทวิ ซึ่งความผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับ 4 เท่าของราคารวมค่าอากร และความผิดในการใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
ด้าน พ.ต.ต.สุริยาเผยว่า ดีเอสไอเตรียมดำเนินการต่อกลุ่มเครือข่ายระดับใหญ่ที่นำรถยนต์เข้ามาทั้งคันและมีการใช้เอกสารอันเป็นเท็จ ซึ่งทางการสอบสวนได้สอบปากคำพยานผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดและพบว่าเอกสารมีการปลอมเกิดขึ้นก่อนไปยื่นจดทะเบียน ดังนั้น รถยนต์กลุ่มจำนวน 12 คัน ที่ทำการยึดมาเพิ่มเติมก็จะรับไว้เป็นคดีพิเศษทั้งหมด พร้อมดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้นำเข้า ผู้จดทะเบียน และผู้ใช้เอกสารปลอม อย่างไรก็ตาม ผู้ครอบครองที่มีความสงสัยและมีเจตนาบริสุทธิ์สามารถนำมาตรวจสอบได้ที่ดีเอสไอ โดยสามารถสอบถามที่หมายเลขโทรศัพท์ 1202
ขณะที่ พ.ต.ท.กรวัชร์เปิดเผยว่า สำหรับรถยนต์จำนวน 37 คัน พบว่ากระบวนการนำเข้าผิดกฎหมายและมีรถยนต์ราคาแพงจำนวนหลายคันซึ่งรถกลุ่มนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาดีเอสไอได้ดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้กระทำผิด และอีกส่วนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ดีเอสไอยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องและรถยนต์คันที่เหลือจะทยอยตรวจสอบเพิ่มเติม