MGR Online - ดีเอสไอแถลงผลการสอบสวนขบวนการรถยนต์จดประกอบ จ่อเรียกเก็บภาษีที่ขาดจากรถ 8 คัน ตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 จ่อดำเนินคดีอาญาผู้เกี่ยวข้องฐานเลี่ยงภาษี แจ้งเอกสารเท็จต่อเจ้าพนักงาน ส่วนเบนซ์โบราณ “สมเด็จช่วง” รอประเมินภาษีที่ขาด จากัวร์-แพนเธอร์ “หลวงพี่น้ำฝน” รับเป็นคดีพิเศษ สอบขยายผลผู้เกี่ยวข้อง
วันนี้ (1 ส.ค.) เวลา 10.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายนิธิต ภูริคุปต์ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร และนายมเหสักข์ พันธ์สง่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าขบวนการลักลอบนำรถยนต์จดประกอบจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายฯ (รถหรู)
พ.ต.อ.ไพสิฐเปิดเผยว่า หลังจากดีเอสไอได้ตรวจสอบรถยนต์จดประกอบจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าที่มีมูลค่าสูงตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 548 คัน พร้อมดำเนินการส่งให้กรมศุลกากรเพื่อพิจารณาเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมตามมาตรา 6 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 นั้น ทางกรมศุลกากรได้แจ้งผลการประเมินราคาและค่าภาษีอากรที่ขาดของโครงรถยนต์และเครื่องยนต์ในฐานะรถยนต์ครบชุดสมบูรณ์ และเรียกเก็บค่าภาษีที่ขาดจากรถยนต์ 8 คัน ซึ่งเป็นรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งหมด ประกอบด้วย หมายเลขทะเบียน กย 4559 นนทบุรี, กท 1097 พระนครศรีอยุธยา, กย 2966 นนทบุรี, กต 7298 สระบุรี, ญฮ 3483 กรุงเทพมหานคร, กย 5870 นนทบุรี, กย 2506 นนทบุรี และ กย 3902 นนทบุรี ซึ่งภาษีที่ขาด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,067,546.58 บาท อีกทั้งดีเอสไอจะดำเนินคดีอาญาต่อผู้ที่ร่วมกันหลีกเลี่ยงภาษีอากร ตาม พ.ร.บ.กรมศุลกากร และเร่งดำเนินการในส่วนรถยนต์คันอื่นๆ ต่อไป นอกจากนี้ หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ทุกคันเจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้เนื่องจากหลังมีการจดทะเบียนแล้วจะมีเอกสารการโอนชื่อไปยังบุคคลใด
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า สำหรับรถยนต์ 8 คันดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทผู้นำเข้าทั้งเครื่องยนต์และตัวถังที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน จากการรวบรวมพยานหลักฐานของดีเอสไอที่ส่งให้กรมศุลกากร ประเมินราคาทั้งหมด 236 คันจาก 548 คัน และยังเหลืออีกบางส่วนที่ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบ โดยดีเอสไอพบว่ามีกลุ่มบริษัทเกี่ยวข้อง เช่น บริษัท สบายใจจดประกอบ จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.โพธิ์ทอง, บริษัท เอส.อาร์.เจ แมชชินเนอรี่ จำกัด, บริษัท จัสเต้ จำกัด, บริษัท เอ็ม เอ็น อะไหล่เก่า จำกัด ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการออกหมายเรียกบุคคลที่มีความผิดตามกฎหมายมาดำเนินคดีต่อไปโดยเร็ว
“ขอยกตัวอย่างลักษณะการกระทำผิด คือ เกิดจากบริษัทผู้ประกอบการนำเข้าตัวถังและเครื่องยนต์เป็นบริษัทเดียวกัน จากนั้นมีขบวนการนำรถมาจดประกอบเพื่อให้ครบขั้นตอนตามที่กฎหมายระบุไว้ จากการตรวจสอบพบว่ามีฐานที่ผลิตในต่างประเทศ มีเลขตัวถังและเครื่องยนต์มาจากโรงงาน แต่ได้ทำการแยกชิ้นส่วนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ตาม รถกลุ่มนี้เป็นรถยนต์ชุดแรกที่กรมศุลกากรได้ประเมินราคาภาษีส่งกลับมาให้ดีเอสไอ หลังจากข้อมูลไปและดีเอสไอเตรียมดำเนินการยึดรถทั้ง 8 คันเนื่องจากเป็นของกลางในคดี” พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าว
พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวอีกว่า สำหรับการเรียกเก็บภาษีอากรที่ขาดจากผู้นำเข้ารถยนต์ตามกฎหมายเข้ารัฐ ที่นอกจากผู้นำเข้าจะมีความผิดทางแพ่งแล้วยังต้องรับผิดทางอาญาฐาน “ร่วมกันหลีกเลี่ยงอากร” ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ประกอบกับ มาตรา 6 พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ซึ่งมีอัตราโทษปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรแล้ว หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ ส่วนผู้ครอบครองต้องดูว่ามีการซื้อมาในลักษณะใดและมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรอีกครั้ง
ขณะที่ พ.ต.ต.สุริยาเผยว่า ในภาพรวมรถยนต์ทั้งหมดมี 7,123 คัน แต่รถยนต์ 8 คันดังกล่าวนี้ดีเอสไอได้นำเข้าสู่คดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว พร้อมประสานการทำงานร่วมกับ 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กรมศุลกากร, สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.), กรมสรรพสามิต, กรมการขนส่งทางบก, สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และกรมสรรพากร โดยรถยนต์ชุดต่อไปนั้นคณะทำงานฯ จะดำเนินการเช่นเดียวกับรถ 8 คัน คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีมาอีกเนื่องจากเข้าข่ายในลักษณะความผิดคล้ายกันประมาณ 29 คัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีรถเบนซ์โบราณของสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลังจากทนายความออกมายืนยันว่าบริสุทธิ์ พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า การดำเนินคดีรถในส่วนของทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร นั้นได้ทำตามขั้นตอนของกระบวนการกฎหมาย แต่ทั้งนี้ดีเอสไอต้องรอการประเมินราคาจากกรมสรรพสามิตก่อนจึงจะดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้ซึ่งในที่ประชุมมีกำหนดชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนกรณีรถยนต์หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม พ.ต.ท.กรวัชร์เผยว่า ทางดีเอสไอรับคดีรถยนต์หลวงพี่น้ำฝนเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว จากนี้จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนกับผู้ที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดของคดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งดำเนินคดีต่อใคร
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรถยนต์ 8 คันที่กรมศุลกากรเตรียมเรียกเก็บภาษีทีขาดย้อนหลัง ดังนี้ 1. คดีพิเศษ 81/2559 ทะเบียน กย 4559 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด 223,305.18 บาท 2. คดีพิเศษ 86/2559 ทะเบียน กท 1097 พระนครศรีอยุธยา เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด 234,347.88 บาท 3. คดีพิเศษ 87/2559 ทะเบียน กย 2966 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด 444,060.70 บาท 4. คดีพิเศษ 79/2559 ทะเบียน กต 7298 สระบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด 743,650.00 บาท 5. คดีพิเศษ 82/2559 ทะเบียน ญฮ 3483 กรุงเทพฯ เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด 491,140.70 บาท 6. คดีพิเศษ 83/2559 ทะเบียน กย 5870 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด 223,305.18 บาท 7. คดีพิเศษ 85/2559 ทะเบียน กย 2506 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด 484,431.77 บาท และ 8. คดีพิเศษ 84/2559 ทะเบียน กย 3902 นนทบุรี เรียกเก็บค่าภาษีที่ขาด 223,305.17 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 3,067,546.58 บาท