MGR Online - ดีเอสไอแถลงผลการสอบสวนคดีไฟไหม้รถหรู 6 คันบนรถเทรลเลอร์ที่โคราช ระบุเบนซ์เอส 500 ถูกขโมยจากประเทศมาเลเซีย แล้วทำเอกสารนำเข้าปลอมแยกชิ้นส่วนจดประกอบ แจ้งข้อหา 6 ผู้เกี่ยวข้องทำผิด พ.ร.บ.ศุลกากรฯ
วันนี้ (15 ก.ค.) เวลา 11.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายนิธิต ภูริคุปต์ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคตะวันออก ร่วมแถลงผลการสอบสวนคดีพิเศษที่ 122/2556 การนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่นเอส 500 จากประเทศมาเลเซีย เข้ามาจดประกอบในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า สืบเนื่องจากดีเอสไอดำเนินการขยายผลคดีรถยนต์หรู 6 คันถูกไฟไหม้ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2556 โดย 1 ใน 6 คันนั้นมีรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่นเอส 500 หมายเลขตัวรถ WDD2211712A088582 หมายเลขเครื่องยนต์ 27396130075861 ซึ่งทางสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้ส่งหนังสือแจ้งว่ามีการจดทะเบียนและแจ้งหายที่ประเทศมาเลเซีย โดยมี บริษัท เอสเคที มอเตอร์ จำกัด เลขที่ 125 หมู่ที่ 1 ต.บางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะเป็นสถานที่จดประกอบรถยนต์นำเข้าและสำแดงภาษีเท็จ และพบรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวภายในสถานประกอบการ จึงดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์เปิดเผยว่า หลังจากตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวถูกขโมยมาจากประเทศมาเลเซีย โดยขั้นตอนการนำเข้ารถคันนี้เริ่มจากนายบาลัน ไนดู กันเนียห์ ( BALAN NAIDU KANNIAH) ชาวมาเลเซีย ได้นำรถยนต์ผ่านเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2555 แล้วมีการบันทึกข้อมูลว่าได้นำกลับออกไปจากราชอาณาจักรทางด่านศุลกากรวังประจัน จ.สตูล เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2555 โดยแสดงเอกสารเท็จ และในข้อมูลพบว่านายบาลันเดินทางออกไปจากราชอาณาจักรแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2555 โดยทางเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
พ.ต.ท.กรวัชร์เปิดเผยอีกว่า จากการตรวจสอบเอกสารใบขนสินค้าขาเข้าและเอกสารแนบใบขน (INVOICE) บันทึกว่ามีการนำเข้าเครื่องยนต์รถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ หมายเลขเครื่องยนต์ 27396130075861 โดยบริษัท อาร์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิสเซส จำกัด (ปัจจุบันปิดกิจการแล้ว) มี นายวัธนา บุญญพนิช เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน ส่วนหมายเลขตัวรถ WDD2211712A088582 โดย บริษัท เจเอ็มดับบลิว มอเตอร์ส จำกัด มีนายมานะ สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน จากนั้นมีนายศิริเดช วันฤกษ์ เป็นผู้รับซื้อเครื่องยนต์และโครงรถยนต์จากบริษัทผู้นำเข้าทั้ง 2 บริษัท ซึ่งจากการสอบปากคำนายศิริเดชให้การว่าถูกปลอมลายมือชื่อและไม่ทราบเรื่องการนำเข้าซื้อขายรถยนต์คันนี้
“อีกทั้งยังพบอีกว่ามีขบวนการทำเอกสารปลอมขึ้นและมีบริษัท เอสเคที มอเตอร์ จำกัด เกี่ยวข้อง โดยทำการแยกชิ้นส่วนเพื่อทำเป็นรถจดประกอบทั้งๆ ที่นำรถเข้ามาในราชอาณาจักรทั้งคัน พร้อมทั้งมีตัวแทนผู้ซื้อปลอมขึ้นมาเพื่อไปยื่นต่อกรมสรรพสามิตเพื่อเสียภาษี แต่กรมสรรพสามิตไม่ยอมรับ ทำให้บริษัทดังกล่าวไปฟ้องศาลปกครองให้รับเสียภาษีสรรสามิต อย่างไรก็ตาม การนำรถเข้ามาทั้งคันจะเสียภาษีตามซีซี สูงสุดถึง 380 เปอร์เซ็นต์ แต่หากแยกชิ้นส่วนมาจดประกอบจะเสียภาษีไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าไปแล้ว 6 ราย ตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ฐานร่วมกันนำหรือพาของที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรไทย หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ในการนำของที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรไทย หรือเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ ในการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร