สัญญาณการแต่งตั้ง “นายพล” วาระประจำปี 2559 เพิ่งเริ่มต้นเพียงไม่กี่วัน หลังจาก “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี ประกาศลำดับอาวุโสตำรวจ ระดับ รองผู้บังคับการ(รองผบก.) ถึง จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) และ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) จำนวน 794 นาย ก็มีเหตุระเบิดหลายจุด หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ เกิดขึ้นให้ “กรมปทุมวัน” เกิดความระส่ำระสาย
แม้เหตุวินาศกรรมที่เกิดขึ้นจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง “การแต่งตั้ง” ตามข้อมูลจากฝ่ายต่างๆที่เทน้ำหนักไปในเรื่องการเมืองภายในประเทศ แต่เหตุระเบิดส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีผลส่งมาถึงการปรับทัพจัดทิศ “สีกากี” ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกิดเหตุขึ้น ถือเป็นความท้าทายและพิสูจน์ฝีมือของผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ หากจะขยับมารับเก้าอี้ใหญ่ หรือจะต้องมีการโยกย้ายเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
ยิ่งในรายพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7(ผบช.ภ.7) ซึ่งมีจุดเกิดขึ้นในอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 ของพล.ต.อ.จักรทิพย์ มีกระแสลือมาตลอดว่าจะขยับเข้ามาเป็น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) แทนพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ตามเงื่อนไขที่ว่ากันว่ามีการพูดคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงฝีมือและผลงานในการติดตามจับกุมคนร้ายวางระเบิดหัวหินมาดำเนินคดี เพื่อเป็นใบเบิกทางการันตีความสามารถหากจะเข้ามากุมบังเหียนเมืองหลวง ไม่ใช่เพียงแค่เป็นเพื่อนสนิท ผบ.ตร.
เช่นเดียวกับพล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) ซึ่งมีหลายจังหวัดในความรับผิดชอบเกิดเหตุระเบิด เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ก็จะเป็นอีก “นายพล” ต้องพิสูจน์ผลงานให้ประจักษ์ และเป็นที่ยอมรับว่าคู่ควรจะนั่งเก้าอี้ “ผบช.ภ.8) หรือไม่
นอกจากนี้ ยังมี “นายพล” สีกากี อีกหลายรายที่ยังต้องพิสูจน์ผลงานเช่นกัน โดยเฉพาะเหล่าผู้บัญชาการ(ผบช.) และ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.) ที่แว่วๆว่าในการแต่งตั้งรอบนี้จะมีการโยกย้ายกันล็อตใหญ่ ชนิดใครอยู่นิ่งไม่วิ่งมีเหนื่อย ในการแต่งตั้ง “นายพล” วาระประจำปี 2559 ครั้งนี้ จะยึดตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2559 ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา ซึ่งตามกฎ ก.ตร.ดังกล่าว ในข้อ 28 การคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ตำแหน่งตั้งแต่ระดับจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) และรอง ผบ.ตร.ลงมาถึงระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ให้พิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโสจำนวนร้อยละ 33 ของจำนวนตำแหน่งว่างในแต่ละระดับตำแหน่งในภาพรวมของ ตร.
ดังนั้น แน่นอนว่าการประกาศลำดับอาวุโสที่ออกมากลุ่มรายชื่อตำรวจที่อาวุโส เข้าข่าย 33% จะได้รับการแต่งตั้งสูงขึ้น รวมทั้งในระดับ รองผบ.ตร. ก็จะต้องใช้ตามกฎเกณฑ์ ก.ตร. ที่จะตัดยุบตำแหน่ง “ รองผบ.ตร.”หลักเหลือเพียง5 ตำแหน่ง ผู้ที่จะอยู่ในไลน์ รองผบ.ตร.หลัก ก็จะถูกเรียกกันตามลำดับอาวุโสเช่นกัน ซึ่งการได้อยู่ในไลน์ รองผบ.ตร.หลักนี้ก็จะมีโอกาสขึ้น ผบ.ตร. ตามกฎหมาย ก.ตร.ฉบับแก้ไขใหม่ หากเกิดอุบัติเหตุต่อ “บิ๊กแป๊ะ” บนเก้าอี้ ผบ.ตร.”
สำหรับลำดับอาวุโสระดับรอง ผบ.ตร. และตำแหน่งเทียบเท่า 8 นาย เรียงตามลำดับ อาทิ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 1 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 2 ขณะที่ตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) มี พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) อาวุโสอันดับ 1 เนื่องจากได้นับอายุราชการทวีคูณในช่วงปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลำดับ 2 พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา (สบ 10) และอันดับ 3 พล.ต.อ. สุเทพ เดชรักษา ที่ปรึกษา (สบ 10)
ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. และเทียบเท่า 10 นาย เรียงตามลำดับ พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ รองจเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ พล.ต.ท.เดชา ชวยบุญชุม และ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้ช่วย ผบ.ตร.
ระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) 36 นาย เรียงตามลำดับ อาทิ พล.ต.ท.ศักดา เตชะเกรียงไกร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ท.ดุสิต สังขะเมฆะ นรป. (สบ 8) พล.ต.ท.พรหมธร ภาคอัต ผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา พล.ต.ท. วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.9 ปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผบช.สำนักงานงบประมาณและการเงิน พล.ต.ท.รุ่งฤทธิ์ ซุ่นทรัพย์ ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ พล.ต.ท. ต่อศักดิ์ สอาดพรรค ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจสอบภายใน พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผบช.สำนักงานกำลังพล พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8
อย่างไรก็ดี ไฮไลน์สำคัญในการแต่งตั้งคงอยู่ที่การโยกสลับตำแหน่ง ที่ดูเหมือนปีนี้น่าจะมีจำนวนมาก เช่นเดียวกับการแต่งตั้งระดับ “นายพัน” วาระประจำปี 2558 ก่อนหน้านี้ ที่เกิดความวุ่นวาย เพราะแนวโน้มการ “ล้วงลูก” เกิดขึ้นกันเป็นมาตลอด แม้แต่ในระดับ รองสารวัตร(รองสว.) ถึง ชั้นประทวน วาระประจำปี 2558ที่กำลังเริ่มทยอยคลอดคำสั่งออกมา ก็ยังมีรายการ “ล้วงลูก” จนเกิดความวุ่นวาย เกิดความระส่ำระสาย ในแวดวงสีกากีทั่วทุกพื้นที่
โดยเฉพาะในหน่วยงานสำคัญทั้ง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ว่ากันว่ามีนโยบายจากกลุ่มที่ทำบัญชีสั่งตรงลงมายังเจ้าหน้าที่กำลังพลแต่ละ บช. ที่จัดไปช่วยประสานการทำบัญชีให้ถูกต้องไม่ซ้ำรอยการแต่งตั้ง “นายพัน” ที่เคยคลอดบัญชีรายชื่อแต่งตั้ง “ผี” แต่งตั้ง “คนตาย” ไปดำรงตำแหน่ง จนวุ่นวายไปหมด
ให้หยิบตำรวจระดับ “รองสว.”ในหน่วยงานสำคัญๆ เช่น สถานีตำรวจทางหลวง ด่านตม. หรือโรงพักเกรดเอ ออกมาอย่างละ 1 นาย เพื่อเปิดเก้าอี้ให้”เด้กเส้น”ไปดำรงตำแหน่ง โดยที่ไม่ได้ถามความเห็นชอบของผู้บัญชาการแต่ละหน่วย หรือตำรวจเจ้าตัวเต็มใจโยกย้ายหรือไม่
ตอนนี้ “สีกากี”ระดับ รองสว.และชั้นประทวน เลยกำลังระส่ำกับนโยบายหยิบออกแบบไม่สนใจใคร ไม่คำนึงถึงองค์กรจะเสียหาย และดูเหมือนวิธีการนี้กำลังจะลามมาถึงการแต่งตั้งระดับ “นายพล” วาระประจำปี 2559ที่กำลังจะมีขึ้น
ไม่รู้ว่าอาการระส่ำ ขวัญผวา ขาดซึ่งกำลังใจของตำรวจทั่วประเทศที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รับรู้รับทราบหรือไม่ และจะมีการระงับยับยั้งแก้ไขช่วยเหลือ”ลูกน้อง”อย่างไร อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ลูกน้องฝากบอกมา!!