xs
xsm
sm
md
lg

ราชทัณฑ์แจงภาพผู้ต้องขังว่อนโซเชียลฯ ชี้พี่ชายถ่ายโพสต์ลงเฟซบุ๊กแทน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - กรมราชทัณฑ์ร่อนหนังสือชี้แจง หลังสังคมโซเชียลแชร์ภาพผู้ต้องขังถ่ายรูปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ขณะถูกควบคุมตัวขึ้นศาล ยันญาติเป็นผู้ถ่าย และมีรหัสเฟซ ขณะที่ศาลเพิ่มความเข้มงวดการเยี่ยมผู้ต้องขัง

วันนี้ (5 ส.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ออกแถลงข้อเท็จจริง “กรณีนักโทษใช้โทรศัพท์ขณะถูกควบคุมตัวขึ้นศาล” ว่า ตามที่ปรากฏในสื่อโซเชียล เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2559 ว่า มีนักโทษโพสต์รูปตัวเองในห้องขัง พร้อมแคปชัน สุดท้ายต้องอยู่คนเดียว และมีการตั้งคำถามว่า สามารถทำได้หรือไม่นั้น

กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานข้อเท็จจริงจากเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเรือนจำที่ควบคุมตัวผู้ต้องขังรายนี้ ว่า ผู้ต้องขังที่เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กที่ถูกกล่าวถึง ได้ถูกนำตัวออกไปศาล เพื่อเป็นพยานในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นคดีของผู้ต้องหาคนอื่น และในขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในบริเวณใต้ถุนศาล ได้มีพี่ชายมาขอเยี่ยมที่หน้าห้องควบคุมของศาล และได้มีการถ่ายรูปของผู้ต้องขังไว้ โดยผู้ต้องขังให้ข้อมูลว่า พี่ชายมีรหัสผ่าน และสามารถเข้าใช้เฟซบุ๊กในชื่อของตนได้ ซึ่งรูปดังกล่าวถ่ายจากภายในบริเวณห้องควบคุมใต้ถุนศาล และในข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นผู้โพสต์รูป และข้อความดังกล่าวเองแต่อย่างใด

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ กรณีการควบคุมตัวผู้ต้องขังไปขึ้นศาล โดยกรมราชทัณฑ์ได้มีข้อตกลงร่วมกับตำรวจในการควบคุมจำเลย หรือผู้ต้องขังไปศาลในส่วนภูธร เรือนจำ และทัณฑสถาน จะดำเนินการมอบตัวจำเลย หรือผู้ต้องขัง ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมผู้ต้องขังไป - กลับ ศาล เนื่องจากกรมราชทัณฑ์มีกำลังพลไม่เพียงพอ
ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ได้สั่งการให้เรือนจำเพิ่มความระมัดระวังในการตรวจค้นผู้ต้องขังที่กลับจากศาลตามระเบียบโดยเคร่งครัดแล้ว จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง

ขณะเดียวกัน นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า กรณีที่ได้มีการเผยแพร่ภาพผู้ต้องขังชายถ่ายภาพตนเองในลักษณะสวมโซ่ตรวนนั่งอยู่ในห้องควบคุมของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมแคปชัน “สุดท้ายและต้องอยู่คนเดียว” โดยได้มีการแชร์ผ่านเฟซบุ๊ก เพจ Black Hat ซึ่งมีข้อความกำกับว่า “ที่นี่ฟรี WiFi ป่ะครับ” จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงประเด็นการนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว

ในเรื่องนี้ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า ผู้ต้องขังชายดังกล่าวถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสระบุรี แต่เนื่องจากมีพฤติการณ์ลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำ ข่มขู่ และทะเลาะวิวาทกับผู้ต้องขังอื่นเป็นประจำ จึงได้ถูกควบคุมตัวมาคุมขังที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 และได้มีการเบิกผู้ต้องขังมาศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นพยานจำเลยในคดีอื่น ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา และคำสั่งขอปล่อยชั่วคราว รวม 7 ครั้ง จนกระทั่งวันที่ 4 สิงหาคม 2559 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้มีหมายเบิกตัวผู้ต้องขังชายคนดังกล่าวมาเป็นพยานจำเลยในคดีอาญาเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และได้ยืมโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาใช้ในการถ่ายภาพและเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ตามที่เป็นข่าว โดยอ้างว่าใช้ติดต่อญาติและทนายความเพื่อทำเรื่องขอประกันตัว

นอกจากนี้ กรณีทนายความขอเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาหรือจำเลยในห้องควบคุม เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลฯจะอนุญาตให้ทนายความเข้าเยี่ยมและไม่ได้ควบคุมอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นการพูดคุยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีกับไม่ได้ห้ามการใช้โทรศัพท์

นายสืบพงษ์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวต่อว่า ทันทีที่ทราบข่าว สำนักงานศาลยุติธรรมโดย นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ให้ดำเนินการตรวจสอบถึงที่มาของภาพว่าเป็นห้องควบคุมของศาลใด จนได้ข้อมูลว่าเป็นห้องควบคุมของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ ประสานงานไปยังผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อสอบถามจนได้ข้อเท็จจริงดังกล่าว และขณะนี้ทางศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้วางมาตรการในการแก้ไขปัญหาแล้ว คือ

1. จัดวางระบบการเยี่ยมผู้ต้องขังให้เป็นไปตามระเบียบและคำสั่งโดยเคร่งครัด

2. ดำเนินการส่งตัวเจ้าพนักงานตำรวจที่เกี่ยวข้องคืนและเเจ้งข้อเท็จจริงให้ต้นสังกัด
ทราบและดำเนินการต่อไป
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น