MGR Online - รักษาการอธิบดีกรมราชทัณฑ์แจงไม่มีการซ้อม “อาเดม” ผู้ต้องหาวางระเบิดแยกราชประสงค์ตามที่กล่าวอ้าง เผยแค่เรียกร้องความสนใจจากสื่อมวลชน-องค์การสิทธิมนุษยชน รับขณะคุมขังเคยต่อยกำแพง-ไม่กินข้าวเรียกร้องความสนใจ ขณะที่แพทย์ตรวจยืนยันไม่พบร่องรอยทำร้าย
สืบเนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวผู้ต้องขังชาย นายอาเดม คาราดัค จากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี อยู่ในพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ไปขึ้นศาลทหาร ซึ่งระหว่างนำตัวนายอาเดม ออกจากรถยนต์ไปขึ้นศาล นายอาเดมได้ตะโกนบอกผู้สื่อข่าวว่า “ผมไม่ใช่สัตว์ ผมเป็นมนุษย์ ผมเป็นมนุษย์ สิทธิมนุษยชนอยู่ไหน” นอกจากนี้ ในขณะพิจารณาคดีของศาล นายอาเดมได้มีการร้องเรียนต่อศาลผ่านล่ามภาษาอุยกูร์ว่าระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ได้ถูกทำร้ายร่างกายถึง 2 ครั้งภายในเดือนนี้จากเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมตัว พร้อมอ้างว่ามีร่องรอยฟกช้ำตามลำตัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ควบคุมไม่ให้รับประทานอาหารฮาลาล โดยผู้พิพากษากล่าวว่าจะดำเนินการสอบสวนและพิจารณาคำขอร้องของนายอาเดมต่อไป เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (18 พ.ค.) กรมราชทัณฑ์ นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยนายนิมิต ทัพวนานต์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายบริหาร นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว
นายกอบเกียรติเปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเป็น 4 ประเด็น 1. เนื่องจากผู้ต้องขังในคดีนี้เป็นคดีวางระเบิดที่แยกราชประสงค์และเกี่ยวข้องกับความมั่นคง สร้างความเสียหายให้แก่สาธารณชน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย ความมั่นคงของรัฐและความเหมาะสมในเรื่องสถานที่ จึงได้นำตัวนายอาเดม และนายเมียไรลี ยูซูฟู ไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ซึ่งเรือนจำชั่วคราวแห่งนี้เป็นการยืมพื้นที่อาคารของหน่วยทหารมาประกาศเป็นเรือนจำชั่วคราวเท่านั้น แต่การบริหารงานและการควบคุมผู้ต้องขังจะดำเนินการภายใต้การบริหารงานของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้เคยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีแล้วเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่สาธารณชน
นายกอบเกียรติ เปิดเผยอีกว่า 2. นายอาเดมกล่าวอ้างว่าถูกซ้อม ทำร้ายร่างกายถึง 2 ครั้ง ภายในเดือนนี้ นั้น กรมราชทัณฑ์ได้มอบหมายให้ นพ.วีระกิตต์ หาญปริพรรณ์ ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เข้าไปตรวจร่างกาย เมื่อช่วงเช้าวันนี้แต่ไม่ปรากฏมีร่องรอยการถูกทำร้ายจากบุคคลอื่นดังที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด 3. เรื่องการจัดอาหารให้แก่นายอาเดม ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้จัดเตรียมอาหารดิบนำไปปรุงที่เรือนจำชั่วคราวฯ ตามหลักศาสนาอิสลามให้แก่นายอาเดม และนายยูซูฟู รับประทานอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังได้จัดอาหารเพิ่มเติมโดยซื้ออาหารสำเร็จจากร้านอาหารที่มีเครื่องหมายฮาลาลให้แก่นายอาเดมรับประทานเป็นประจำอีกด้วย
นายกอบเกียรติเผยต่อว่า และ 4. เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อนายอาเดมกลับมาถึงเรือนจำชั่วคราวฯ นั้น ได้กล่าวขอโทษต่อหัวหน้าผู้ควบคุมเรือนจำชั่วคราวฯ ในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมเข้ามากอดและกล่าวว่า “ขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อไปจะปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยของเรือนจำชั่วคราวฯ” ซึ่งพอจะอนุมานได้ว่าการแสดงออกดังกล่าวเป็นเพียงการเรียกร้องความสนใจจากสื่อมวลชนซึ่งอาจจะส่งผลไปถึงองค์การสิทธิมนุษยชนให้มาสนใจ และนอกจากนี้ทางเรือนจำชั่วคราวฯ ได้เคยรายงานว่านายอาเดมมีพฤติกรรมในการเรียกร้องความสนใจ เช่น การไม่รับประทานอาหาร และพยายามทำร้ายร่างกายตนเองโดยการต่อยกำแพงห้องขังอยู่หลายครั้ง
“ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่าการควบคุมผู้ต้องขังทั้งสองรายในคดีนี้เป็นไปตามหลักการสากลและสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นสภาพความเป็นอยู่ห้องขัง การจัดอาหาร การรักษาพยาบาลที่มีแพทย์ดูแล ตลอดจนการเปิดโอกาสให้ได้พบทนายความเพื่อปรึกษาคดีอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ส่วนการย้ายนายอาเดมไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เนื่องจากคนเยอะและเจ้าหน้าที่น้อย เกรงว่าอาจถูกทำร้ายร่างกายได้เพราะคดีที่เกิดขึ้นมีคนตายจำนวนมากส่งผลให้เกิดความโกรธแค้นก็เป็นได้” นายกอบเกียรติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีภาพมายืนยันเกี่ยวกับการให้แพทย์มาตรวจนายอาเดมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหรือไม่ นายกอบเกียรติกล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้และโทรศัพท์ก็ไม่สามารถนำเข้าเรือนจำได้ตามกฎระเบียบอยู่แล้ว แต่แพทย์ที่ทำการตรวจขอยืนยันด้วยวิชาชีพและจรรยาบรรณว่าไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายจริงตามคำกล่าวอ้าง