MGR Online - “หลวงปู่พระพุทธอิสระ” ยื่นหนังสือร้องดีเอสไอ เอาผิด “พระเมธีธรรมาจารย์” หรือเจ้าคุณประสาร ข้อหาอั้งยี่ หรือซ่องโจร หลังเผยแพร่ข้อความปลุกระดมประชาชนและพระสงฆ์ต่อต้านหลังเจ้าหน้าที่แถลงรถหรูโบราณสมเด็จช่วงผิดกฎหมาย
วันนี้ (27 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลวงปู่พุทธะอิสระเดินทางมายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงษ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีต่อพระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนทสาโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ ยุวราชสฤษฏิ์ราชวรมหาวิหาร ในฐานะเลขาธิการศูนย์พิทักษ์ พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ข้อหาอั้งยี่ หรือซ่องโจร โดยมีนายณัฐวุธ นิติวรยุทธ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง
หลวงปู่พุทธะอิสระ เผยว่า พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร ได้เผยแพร่ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ของตัวเองที่ชื่อ “พระเมธีธรรมาจารย์ - เจ้าคุณประสาร” และเผยแพร่ผ่านสื่อช่องทางต่างๆ ปลุกระดมประชาชนและพระสงฆ์ กรณีดีเอสไอแถลงข่าวว่ารถเบนซ์โบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผิดกฎหมาย จึงมาร้องดีเอสไอให้ดำเนินคดีต่อเจ้าคุณประสาร ในข้อหาฐานเผยแพร่ข่าวสารอันมีลักษณะยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง กระด้างกระเดื่อง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักรซึ่งข่าวสารอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ด้วยวิธีการชักชวนพระสงฆ์ และฆราวาสเข้าเป็นสมาชิก ด้วยสมคบคิดกันเพื่อจุดมุ่งหมายโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (ฐานอั้งยี่ หรือซ่องโจร)
หลวงปู่พุทธะอิสระเผยต่อว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกดดันและท้าทายอำนาจ คสช. อาจมีโทษรุนแรงถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต พร้อมทั้งขอเตือนพระสงฆ์และสามเณรอย่าตกเป็นเครื่องมือของบุคคลที่เคลื่อนไหวกดดันเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เพราะแม้คณะสงฆ์จะเป็นสถาบันหนึ่งแต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ การที่เจ้าคุณประสารอ้างว่ามีบุคคลที่กำลังจะทำลายพระพุทธศาสนา แท้จริงอาจเป็นตัวเจ้าคุณประสารเองที่เกาะกินธรรมวินัย ทำร้ายพระพุทธเจ้า พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่มีพระพุทธศาสนามากว่า 2,000 ปี ไม่มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชมาก่อน ขณะเดียวกัน สมเด็จช่วงควรตอบคำถามสังคมด้วยว่าพระสงฆ์สมควรที่จะสะสมทรัพย์สมบัติหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 ก.ค.ที่.ผ่านมาตนได้เดินทางไปมอบตัวต่ออัยการหลังถูกกล่าวหาในข้อหากบฏเพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่พระภิกษุรูปอื่นที่กำลังมีคดีความด้วยว่าถึงเป็นพระสงฆ์ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
“อาตมามองว่าพวกที่ออกมาเคลื่อนไหวเป็นแค่พระบางกลุ่มเท่านั้น และอยากเตือนพระกลุ่มดังกล่าวที่หลงเชื่อในการชักชวนให้ออกมาเคลื่อนไหวนั้น ให้คิดว่าจะมีกฎหมายและกฎมหาเถรสมาคมไว้ทำไม ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายใช่หรือไม่ การใช้กฎหมู่มาบังคับไม่น่าจะใช่เรื่องที่ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมาย อีกทั้งกลุ่มคนที่เจ้าคุณประสารออกมาปกป้องนั้นผิดจริงหรือไม่ ถ้าไม่ผิดก็ต้องออกพิสูจน์ตัวเองต่อศาล และอาตมายังเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของเจ้าคุณประสารนั้นมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองขั้วอำนาจเก่าแน่นอน” หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าว
