MGR Online - ครอบครัวหนุ่มนักศึกษาถูกชายฉกรรจ์ อ้างเป็นตำรวจบุกอุ้มคาบ้านพัก จ.ฉะเชิงเทรา ร้อง ป.ป.ท. ตรวจสอบกรณีดังกล่าว และนำหลักฐานจากดีเอสไอมาประกอบสำนวน เผย ผ่านมากว่า 7 เดือน คดีไม่คืบ ซ้ำยังไม่ฟ้องผู้ก่อเหตุ
สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายณัฐพงศ์ ศรีคะโชติ หรือ อาร์ม อายุ 19 ปี ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย รวมอยู่ด้วย บุกเข้ามาอุ้มตัวหายไปภายในบ้านพักย่านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา และหลังจากนั้น ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ทำให้ครอบครัวแจ้งความร้องทุกข์กับหน่วยงานต่าง ๆ แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า
วันนี้ (22 ก.ค.) เวลา 15.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายเผชิญ นางมาลี ศรีคะโชติ บิดา มารดา น.ส.นฤพัชร ศรีคะโชติ อาสาว ของ นายณัฐพงศ์ ศรีคะโชติ นักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง เดินทางมายื่นเอกสารต่อ นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อนำพยานหลักฐานจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาประกอบสำนวนร่วมกับ คณะอนุกรรมการ ป.ป.ท.
นายเผชิญ กล่าวว่า หลังจากครอบครัวเคยยื่นเรื่องที่ กระทรวงยุติธรรม ก่อนมอบให้ ดีเอสไอ ดำเนินการ จากนั้นก็ได้ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ท. เมื่อประมาณเดือน พ.ค. 59 ที่ผ่านมา และทาง ป.ป.ท. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ทำให้วันนี้ครอบครัวได้เดินทางมาเพื่อให้คณะอนุกรรมการของ ป.ป.ท. นำหลักฐานจาก ดีเอสไอ มาประกอบสำนวนร่วมกัน ซึ่งหลักฐานบางอย่างมีความสำคัญต่อรูปคดี อาทิ ซิมโทรศัพท์ พยานบุคคล ฯลฯ อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ ประมาณ 7 เดือนที่ผ่านมา ครอบครัวได้เคยไปยื่นเรื่องร้องเรียนมาหลายหน่วยงาน แต่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก และตอนนี้ทราบว่ายังไม่ได้มีการส่งฟ้องผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด
ด้าน นายประยงค์ กล่าวว่า จากคดีนี้ ป.ป.ท. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาจากหลายหน่วยงาน เพื่อดำเนินการไต่สวนเรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรับผิดชอบในการแสวงหาข้อมูลเอกสารหลักฐานทั้งหมด เพื่อนำเข้าสู่สำนวนของคณะอนุกรรมการที่รับผิดชอบดูแล โดยตนจะเอาหนังสือของครอบครัวผู้เสียหายมอบให้คณะอนุกรรมการดำเนินการต่อไป ส่วนระยะเวลานั้นไม่สามารถกำหนดได้ชัดเจนขึ้นอยู่กับลักษณะของคดี
“พยานหลักฐานบางอย่างนั้น ดีเอสไอ มีอยู่แล้ว แต่หน้าที่ของคณะอนุกรรมการจะพิจารณาเองว่าขอเอกสารจากหน่วยงานใดบ้าง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานจากทุกแหล่งที่จะพิสูจน์ทราบการกระทำผิด หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดได้ โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้ คงไม่ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเองเพียงแต่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทางครอบครัวผู้เสียหายได้มาแจ้งกับ ป.ป.ท. ซึ่งเป็นการชี้ช่องให้คณะอนุกรรมการด้วย อย่างน้อยการรวบรวมพยานหลักฐานจะครอบคลุมมากยิ่งขึ้น” นายประยงค์ กล่าว