MGR Online - พ่อแม่นักศึกษาวัย 19 ปี ร้องกองปราบปรามรับคดีลูกชายถูกชายฉกรรจ์ 4 คนอ้างตัวเป็นตำรวจ ปส.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา อุ้มจากบ้านพัก เผยเคยร้องทั้งกระทรวงยุติธรรม-สตช.-ดีเอสไอ แต่ไม่คืบ ผ่านมา 4 เดือนยังเงียบ วอน ตร.ส่วนกลางเข้ามาช่วยเหลือ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.พ. น.ส.นฤพัชร ศรีคะโชติ อายุ 37 ปี พร้อมด้วยนายเผชิญ ศรีคะโชติ อายุ 42 ปี บิดาและมารดาของนายณัฐพงศ์ ศรีคะโชติ หรืออาร์ม อายุ 19 ปี ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คนอ้างตัวเป็นตำรวจ ปส.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา บุกเข้ามาอุ้มตัวหายไปภายในบ้านพักย่านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. เพื่อให้รื้อคดีสอบสวนคดีดังกล่าว
นายเผชิญกล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีชาย 4 คนอ้างตัวเป็นตำรวจ ปส.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เข้าตรวจค้นบ้นพักบ้านเลขที่ 77/7 ม.1 ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนที่จะถามหานายณัฐพงศ์ เมื่อพบก็ได้ล็อกตัวต่อหน้าตนและย่า ระหว่างชุลมุนย่าได้ร้องถามว่าจะเอาไปไหน ชายดังกล่าวตอบว่าเป็นตำรวจ เดี๋ยวค่อยคุยกัน แล้วใส่กุญแจมือลูกชายตน จากนั้นได้นำตัวลูกชายขึ้นรถโตโยต้า สีบรอนซ์เงินออกไป หลังเกิดเหตุตนและครอบครัวได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา แต่ร้อยเวรไม่รับแจ้ง บอกว่าต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมงก่อน ตนและครอบครัวจึงไปแจ้งความอีกครั้งที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ในวันรุ่งขึ้นและได้มีการบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
นายเผชิญกล่าวต่อว่า จากนั้นศาลได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้แล้ว 3 ราย คือ ร.ต.ท.รังษิต จรหวัง อายุ 59 ปี, ด.ต.อัตชัย คล้ายวงษ์ อายุ 49 ปี, นายนันทวัฒน์ เชียงแก้ว และนายโชคทวี แผ่นสุวรรณ ซึ่งนายตำรวจทั้งสองสังกัดชุดปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ช่วยงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จ.ฉะเชิงเทรา ได้เข้ามอบตัวสู้คดีพร้อมให้การภาคเสธ อย่างไรก็ดี ที่เดินทางมาร้องทุกข์ที่กองปราบปรามนั้นต้องการเรียกร้องให้ทางกองปราบปรามรับโอนสำนวนคดี โดยก่อนหน้านี้ตนได้ไปร้องเรียนหน่วยงานทางกระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดีเอสไอ แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
ด้าน น.ส.นฤพัชรกล่าวว่า ที่มาร้องเรียนครั้งนี้เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาทางครอบครัวพยายามนำหลักฐานที่พบว่าเชื่อมโยงกับผู้ต้องสงสัย มีคนเห็นเหตุการณ์มากกว่า 4 คน แต่ทางพนักงานสอบสวนไม่เรียกผู้ที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำ และเรื่องผ่านมากว่า 4 เดือนแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้า ส่วนหลักฐานต่างๆ ทางคดีนั้นทางครอบครัวก็ต้องเป็นคนไปรวบรวมเองทุกอย่าง โดยเฉพาะหลักฐานการใช้สัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้ต้องหาที่จับได้มีการประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้แนบหลักฐานดังกล่าวเข้าไปในสำนวน ไม่ทราบเพราะอะไร
อย่างไรก็ตาม หลังจากไปร้องเรียนตามที่ต่างๆ มีรถต้องสงสัยมาวนเวียนบริเวณหน้าบ้านทำให้ครอบครัวเกิดความหวาดกลัว และตั้งแต่ขอให้คุ้มครองพยานก็มีตำรวจในท้องที่เข้ามาดูแลพยานเพียง 1-2 ครั้ง จากนั้นก็ไม่มาอีกเลย ส่วนตัวแล้วทางครอบครัวอยากให้เป็นตำรวจส่วนกลางเข้ามาดูแลมากกว่าตำรวจท้องที่ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะกลุ่มผู้ต้องหาก็เป็นตำรวจ จ.ฉะเชิงเทราเช่นเดียวกัน
เบื้องต้นทาง บก.ป.ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป