ทำไมคุณนายไก่ - วันทนีย์ จึงแสบ - นรกสั่ง ถึงขนาดนี้!!??...เชื่อว่า หลายคนยังคาใจ หรือหล่อนจะโรคจิต แต่เมื่อมองถึงความสลับซับซ้อน การ “ผูกเรื่อง” และใช้แง่มุมทางกฎหมายมัดเหยื่อ ขณะเดียวกัน ก็ใช้ความช่ำชองให้ตัวเองหลุดความผิดออกมาได้ ย่อมนับว่าคุณหญิงบ่าวตั้งผู้นี้ ยังมีสติสัมปชัญญะอย่างครบถ้วน และน่าจะเข้าขั้นเก่งกล้าสามารถ “เหนือชั้น” กว่า 18 มงกุฎ ที่เคยโด่งดังในอดีตกันเลยทีเดียว
แทบไม่น่าเชื่อว่า จากคดีเล็ก ๆ มีเด็กรับใช้ถูกนายจ้างจับฐานลักทรัพย์ จะลุกลามบานปลายกลายเป็นคดีมหากาพย์ “ครบเครื่องเรื่องอาชญากรรม” ไปได้...
จุดเริ่มอาจจะมาจาก “ผลกรรม” ที่ คุณนายไก่ - วันทนีย์ หยกวิระยะกุล ได้สะสมไว้กว่า 3 ทศวรรษ และด้วยความ “ย่ามใจ” ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ข่มเหงรังแกผู้ที่ด้อยกว่า ความผิดสังเกตที่นักข่าวหัวเห็ดมองเห็นแม้ถูกนำมาตีแผ่ คราวซวยจึงบังเกิดกับคุณหญิงบ่าวตั้งอย่างช่วยไม่ได้
ปฏิบัติการสืบค้นหาข้อมูลในทุกด้าน ว่ากันอย่างปอกเปลือก โดยมีกำลังสำคัญจากนักสืบโซเชียลมีเดีย ร่วมกับสื่อทุกแขนง รวมทั้งทนายแผ่นดิน นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นักกฎหมายจิตอาสาคนดัง ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งการตื่นตัวของตำรวจกองปราบปรามภายใต้การนำของ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อทุกสิ่งมาบรรจบกันอย่างเหมาะเจาะ “เวรกรรม” ที่คุณนายไก่ - วันทนีย์ เคยก่อในรูปคดีต่าง ๆ แต่สามารถหลุดรอดมาได้พอเจอ “ของจริง” เจอกับอารมณ์ร่วมของคนไทยทั้งประเทศ ที่รักความยุติธรรม มรสุมลูกใหญ่จึงกระหน่ำเข้าใส่คุณนายไก่ - วันทนีย์ ชนิดตั้งหลักไม่ทัน...
การแชร์ข้อมูลแบบวันต่อวัน ทำให้สังคมเชื่อว่า มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นที่สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น อย่างแน่นอน รวมทั้งความไม่ชอบมาพากลที่คุณนายไก่ - วันทนีย์ หลุดออกมาให้เห็น เช่น จำนวนทรัพย์มากถึง 10 ล้านบาท อันเป็นทองคำแท่งหนัก 4 บาท 40 แท่ง ไป ๆ มา ๆ เมื่อถูกสังคมบี้อย่างหนัก จึงลดค่าความเสียหายอย่างพรวดพราด พร้อมมุกเก่า ๆ คือ โยนให้เป็นการเข้าใจผิด หรือลงตัวเลขผิดจากทองคำ 40 แท่ง เหลือ 10 แท่ง ซึ่งนับเป็นพิรุธ เป็นจุดเริ่มแห่งความหายนะอย่างแท้จริง
ขณะนี้ คุณนายไก่ - วันทนีย์ หยกวิริยะกุล หรือชื่อเดิม สุชาดา หยกวิริยะกุล ก่อนเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันเป็น มณตา หยกรัตนกาญ ได้ถูกตำรวจกองปราบปรามแจ้งข้อหาพยายามค้ามนุษย์ แจ้งความเท็จ และความผิดตามมาตรา 112 แต่คงไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังมีเรื่องราวของการสาบสูญไร้ร่องรอยของ นายสุนทร หรือ โก้ ขันหิน อดีตคนขับรถประจำตัวคุณนายไก่ - วันทนีย์ กับ คุณป้าเศรษฐินีคนหนึ่ง มีพื้นเพอยู่ จ.อุดรธานี
ทำไมคุณนายไก่ - วันทนีย์ จึงแสบ - นรกสั่ง ถึงขนาดนี้!!??...เชื่อว่า หลายคนยังคาใจ หรือหล่อนจะโรคจิต แต่เมื่อมองถึงความสลับซับซ้อน การ “ผูกเรื่อง” และใช้แง่มุมทางกฎหมายมัดเหยื่อ ขณะเดียวกัน ก็ใช้ความช่ำชองให้ตัวเองหลุดความผิดออกมาได้ ย่อมนับว่า คุณหญิงบ่าวตั้งผู้นี้ ยังมีสติสัมปชัญญะอย่างครบถ้วน และน่าจะเข้าขั้นเก่งกล้าสามารถ “เหนือชั้น” กว่า 18 มงกุฎ ที่เคยโด่งดังในอดีตกันเลยทีเดียว
เพื่อให้ได้คำตอบ...ให้เห็นภาพที่ใครอยากเห็น ขอย้อนกลับไปเกือบ 30 ปี...เจาะกันถึงแก่น...ขุดกันให้เห็นสันดอน..โปรดติดตามคำเฉลยต่อไปนี้....
“กิมเอ็ง - วันทนีย์” ถูกเตี่ยแฉหมด - แค้นลูกสาวเหี้ยมแจ้งจับเข้าคุก !!??...ข่าวพาดหัวยักษ์ นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 28 พ.ค. 2530 อันเป็นช่วงจังหวะที่คดีทุจริตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น มีตัวละครสำคัญ คือ นางดวงฤทัย จารุจินดา หรือ จารุดวงฤทัย ที่รู้จักกันดีในนาม “กิมเอ็ง แซ่เตีย” อยู่ในฐานะนางเอก แต่แล้วจู่ ๆ มีดาวรุ่งพุ่งแรงเป็นสาววัยสะพรั่งในฐานะผู้สั่งสมบารมีกับสังคมนักข่าวสายอาชญากรรม และแวดวงคนสีกากีก็ปรากฏตัวขึ้น
เธอผู้นั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณนายไก่ - วันทนีย์ หยกวิริยะกุล ออกมาแสดงตัวในฐานะผู้เสียหายคดีเครื่องราชฯ เนื่องจากหลงบริจาคเงิน 3 ล้านบาท ให้กับนางกิมเอ็ง เพื่อให้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่หลังมอบเงินไปแล้วทุกอย่างกลับหายเงียบกระทั่งมีการดำเนินคดีขึ้น คุณนายไก่ - วันทนีย์ จึงยอม “เปิดตัว” ในฐานะผู้เสียหายและพยานปากสำคัญ
แต่ใช่ว่านักข่าวสมัยนั้นจะไม่มีใครเอะใจสงสัย เพราะอันที่จริง ก็มีนักข่าวหัวสีอันดับ 1 และ อันดับ 2 ของประเทศไทย เคยรู้จักมักจี่ จนแทบจะเรียกว่า รู้กำพืดกันมาก่อน เพียงแต่จุดเริ่มที่แฟลตการเคหะบางนา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคุณนายไก่ - วันทนีย์ช่างบังเอิญเหลือเกิน ว่า มีเพื่อนบ้านเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม ผู้มากความสามารถคนหนึ่ง
เพื่อนบ้านมีห้องติดกัน ย่อมมองเห็นสิ่งปกติ และไม่ปกติ
ถึง คุณนายไก่ - วันทนีย์ จะอวดความร่ำรวย เป็นคนคุยสนุกสนาน จัดในประเภท “ใจถึง - พอพึ่งได้” แต่ลึกลงไปแล้ว ประชาชนคนอาศัยแฟลต พอเดาทางออกว่า....ก็คงไม่รวยจริงหรอก ประการแรก ถ้ารวยจะมาอยู่แฟลตการเคหะทำไม เพราะในปี 2520 หรือกว่านั้นเล็กน้อย คำว่า “บางนา” มันไกลจนเกินจินตนาการจริง ๆ ถนนหนทางไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้...สามีแป๊ะแก่ ๆ นัยว่า เป็นเจ้าของกิจการรถทัวร์ ไป ๆ มา ๆ ไม่ทราบว่าเธออยู่ในฐานะเบอร์อะไร...ส่วนลูกน้อยเป็นเด็กชายวัย 3 - 4 ขวบ เมื่อคุณนายไก่ - วันทนีย์ ไม่อยู่บ้าน ก็ต้องขังไว้ในห้อง มีเพียงชามข้าว แก้วน้ ำและขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ประทังชีวิต....นั่นก็คือ วิถีที่จำเป็นต้องดิ้นรน...ความจริงแล้วเธอเป็นคนรักลูก ไม่ว่าวิธีเลี้ยงดูจะผิดหรือถูก แต่แม่ทุกคนไม่มีใครรังเกียจเลือดในอก...ไก่ - วันทนีย์ มีขนมนมเนย มีของเล่นติดมือมาทุกครั้ง เมื่อกลับมาถึงห้องพัก
การสมอ้างเป็นผู้เสียหาย แถมวงเงินสูงถึง 3 ล้านบาท แต่ คุณนายไก่ ซะอย่างเธอยกกิจการรถทัวร์ของสามีว่าเป็นของตัว
ขณะที่กระแสสังคมตอนนั้นกำลังเกรี้ยวกราดกับคุณหญิง กิมเอ็ง อย่างหนัก ภาพหนึ่งของ คุณนายไก่ - วันทนีย์ ก็คือ นางเอกคนใหม่ที่ขี่ม้าขาวมาช่วยพนักงานสอบสวน ให้สามารถปิดคดีด้วยการมีพยาน มีผู้เสียหาย และว่ากันตามจริงแล้ว ขบวนการต้มตุ๋นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในบรรดาผู้เสียหายที่ถูกหลอกนั้น มีทั้งบริจาคยอดหลักหมื่น - หลักแสน แล้วถูกอมไปก็มี...พวกนี้มีหน้ามีตาในสังคม ไม่อยากเป็นตัวตลก หรือต้องช้ำใจเป็นรอบที่ 2
ที่เหลือเชื่อ และไม่เคยมีใครพูดถึง เนื่องจากค่านิยมแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวัน มีสื่อใหญ่บางคนตกเป็นเครื่องมือคุณนายกิมเอ็ง โดยไม่รู้ตัว บางรายบริจาคเพียง 500 บาทแต่มีการเติมเลข 0 เข้าไปตามความพอใจ หมื่นบ้าง แสนบ้าง ล้านบ้าง แต่ไม่มีเงินจริง....เงิน 500 บาท “กิมเอ็ง - ทำได้” เท่านั้นแหละเป็นไฟลามทุ่ง เมื่อสื่อใหญ่ออกปากการันตีเองว่า “กิมเอ็ง - ของจริง” เงินทองจึงไหลมาเทมา
ระหว่าง คุณนายไก่ - วันทนีย์ กำลังสวมบทนางเอกผู้มาปราบคุณหญิง กิมเอ็ง ท่ามกลางการใช้สงครามข่าวโจมตีซึ่งกันและกัน บ้างพยายามขุดประวัติ คุณนายไก่ - วันทนีย์ เริ่มมีกระแสว่า ทั้งที่จริงแล้วทั้งคู่เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิต แต่ คุณนายไก่ เห็น กิมเอ็ง ไปไกลเกินหน้า จึงเกิดความริษยา
และแล้ววันที่ 28 พ.ค. 2530 จู่ ๆ ก็มีข่าวพาดหัวยักษ์ นสพ.เดลินิวส์ มีผู้เป็นพ่อออกมาแฉพฤติการณ์สุดแสบของลูกสาว เนื้อหาระบุความเป็นมา พอสรุปได้ว่า....หลังจากเกิดเรื่องขบวนการตุ๋นเครื่องราชฯ จน นางกิมเอ็ง ถูกตำรวจจับ และการปรากฏตัวของคุณนายไก่ - วันทนีย์ ในฐานะผู้เสียหาย...ที่ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันเป็นสำนักกฎหมายให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป นายเชียง หรือ งี้ แซ่เตีย อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอยู่ย่านถนนอิสรภาพ เขตบางกอกใหญ่ กทม. เข้าพบ นายชาลี ดิษฐลักษณา ทนายประจำศูนย์เพื่อขอความช่วยเหลือ
เรื่องแรกที่ นายเชียง ยืนยันข้อข้องใจของสังคมในขณะนั้น ก็คือ ทั้ง คุณนายไก่ -วันทนีย์ กับ คุณหญิง กิมเอ็ง นั้น เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตกันจริง โดย กิมเอ็ง เกิดจากภรรยาคนแรก ชื่อ นางฉลวย อยู่กินกันเมื่อปี 2497 ต่อมาประมาณปี 2500 ไปได้ภรรยาคนที่ 2 ชื่อ นางวิไล และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนชื่อ ด.ญ.ซิ้ม หรือ คุณนายไก่ - วันทนีย์
นายเชียง บอกถึงจุดพลิกผันของชีวิต ว่า ช่วงอยู่กันกับนางวิไล รัฐบาลสมัยนั้นมีนโยบายปราบปรามอันธพาล นักเลงหัวไม้ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ ไล่จับบรรดานักเลงใน กทม. จนหมดสิ้น รวมทั้งเขาด้วย...ชะตากรรมดังกล่าวจึงทำให้เกิดภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด ตนทราบต่อมาว่า นางวิไล ไปได้มีผู้หมวดตำรวจทางหลวง เป็นสามี ส่วน ด.ญ.ซิ้ม หรือ คุณนายไก่ - วันทนีย์ ไปได้สามีเป็นเถ้าแก่บริษัทรถทัวร์ และในระหว่างจองจำอยู่นั้น ทั้ง กิมเอ็ง และ คุณนายไก่ ได้มาเยี่ยมเป็นระยะ ๆ
ครั้นพ้นโทษ นายเชียง เล่าว่า ได้ทำมาหาเลี้ยงชีพตามลำพัง จนสามารถรวบรวมเงินได้ประมาณ 4 หมื่นบาท วันหนึ่ง คุณนายไก่ - วันทนีย์ มาหาที่บ้าน บอกว่า กำลังเดือดร้อน เพราะขับรถชนคนตายที่ จ.สระบุรี ต้องการจะใช้เงินก้อนหนึ่ง ตนสงสารลูกกลัวว่าจะติดคุกติดตะราง จึงให้เงินที่เก็บหอมรอมริบมาหลายปีไปทั้งหมด กระทั่งได้เวลาที่คุณนายไก่ - วันทนีย์ รับปากจะคืนเงิน รออยู่หลายวันก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น จึงตัดสินใจตามไปที่คลองจั่น - วิลล่า ท้องที่ สน.คันนายาว และได้เงินคืนมาครั้งละ 1 พัน - 2 พันบาท จนครั้งสุดท้ายก่อนมาร้องทุกข์ นายเชียง บอกว่า ถูกลูกสาวแจ้งตำรวจ สน.คันนายาว มาจับในข้อหากรรโชกทรัพย์ และเมื่อทราบเรื่องราวระหว่างลูกสาวทั้ง 2 จึงต้องการมาบอกให้สังคมรับรู้ และให้ศูนย์นิติศาสตร์ช่วยเหลือทางคดีความ
ข่าวคราวของ ไก่ - วันทนีย์ และ คุณหญิง กิมเอ็ง ยังเป็นที่สนใจของสังคมไทย ณ เวลานั้นอย่างต่อเนื่อง วันที่ 4 ธ.ค. 2530 นสพ.พญาครุฑ ลงภาพข่าวคุณนายไก่ - วันทนีย์ สำนึกผิดก้มกราบที่ตัก นางดวงฤทัย จารุจินดา หรือ คุณหญิง กิมเอ็ง พี่สาวต่างมารดาภายในพระอุโบสถวัดใหม่อมตรส ย่านฝั่งธนบุรี นัยว่า คุณนายไก่ - วันทนีย์ ถูกจับไต๋การเป็นพยานเท็จได้
ถัดมาไม่กี่วัน มีประกาศชี้แจงการระงับกรณีพิพาทระหว่างนางดวงฤทัย จารุจินดา หรือจารุดวงหทัย (นามสกุลใหม่) นายสมชาย จันทวังโส อดีตช่างภาพและนักประชาสัมพันธ์คนดัง ดำเนินคดี นางวันทนีย์ หยกวิริยะกุล คดีอาญาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลแขวงพระนครใต้ ข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนังานสอบสวน และที่ศาลแขวงพระนครเหนือในข้อหาหมิ่นประมาท ทั้ง 3 ตกลงกันได้ โดยคุณนายไก่ - วันทนีย์ ต้องยอมบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิฯต่าง ๆ
นั่นคือ เรื่องราวต่าง ๆ ในอดีตของคุณนายไก่ - วันทนีย์ ซึ่งหากไม่โยงไปถึงคุณหญิง กิมเอ็ง แซ่เตีย อาจไม่ประติดประต่อเหมือนขาดจิ๊กซอว์สำคัญไปชิ้นหนึ่ง...คำตอบที่สังคมคาใจ สรุปได้ว่า กิมเอ็ง - หมวยซิ้ม คือ พี่น้องร่วมสายโลหิตต่างมารดา
บทชีวิตที่ผ่านมา เรามองเห็นแล้วใช่ไหม....บ้านแตก... พ่อเป็นอันธพาลต้องโดนรัฐบาลกวาดเข้าคุก...แม่ต้องมีผัวใหม่เพื่อความอยู่รอด....ส่วนตัวเองเคว้งคว้าง ได้สามีต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ...แบบฉบับการขังลูกน้อยภายในห้อง โดยทิ้งข้าวชาม - น้ำแก้ว ให้ประทังชีวิต นั่นอาจเคยเป็นประสบการณ์ที่ ด.ญ.ตัวน้อย ๆ เคยพบพานมาก่อน
แต่ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม...บาปกรรมที่เคยก่อ เคยสร้างให้กับผู้คนอย่างมากมาย...วันนี้ผลแห่งการกระทำกลับมาทวง “หนี้กรรม” ให้กลับไปชดใช้...หนักหนาสาหัสถึงขั้นไม่อาจออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย... ชั่วชีวิต