ต้องถือเป็นปรากฏการณ์ช่วยกัน “จับผิด”ครั้งใหญ่สุดของสังคมไทยเลยก็ว่าได้ เมื่อพฤติการณ์ของคุณหญิงกำมะลอ ที่ผู้คนรู้จักในนามคุณนายไก่ วันทนีย์ ล่าสุดในห้วงเวลานี้คดีแจ้งความเท็จอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องสูญเสียอิสรภาพ โดยมีคุณนายไก่ วันทนีย์ หยกวิริยะกุล หรือนางสุชาดา หรือล่าสุดใช้ชื่อนางมณตา หยกรัตนกาญ เป็นผู้ถูกกล่าวหา ตำรวจกองปราบปราม กำลังเดินหน้าอย่างสุดตัว พร้อมกับข้อหาอื่นๆที่อาจตามไปติดๆ คือความผิดเกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์
ระหว่างรอความคืบหน้าของคดีซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนอาจเห็นวันที่คุณนายไก่ ต้องชดใช้กรรมที่ก่อขึ้นแต่ “ขิงแก่”ย่อมไม่ใช่ “มันเทศ”คุณนายไก่ วันทนีย์ ยังยิ้มสู้ท่ามกลางเสียงเชียร์เสียงลุ้นว่าเธอจะ “คุก” หรือไม่ “คุก” ขณะที่ฝ่ายทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายแผ่นดินกำลังเดินหน้าอย่างสุดกำลัง เมื่อวันที่1ก. ค. ที่ผ่านมามีการนัดแนะล่วงหน้าว่าจะนำตัวนายศรีสุวรรณ สรศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาบดี และหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.แม่ฮ่องสอนพร้อมเด็กสาวอีก 6 คนที่เคยตกเป็นเหยื่อคุณหญิงบ่าวตั้งมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วย
อีกมุมหนึ่งของกองปราบปราม ทัพผู้สื่อข่าวต้องเฮโลไปยังฝั่งคุณนายไก่ ที่เลือกโผล่ไปปรากฏตัวในวันเดียวกัน ด้วยอากัปกิริยาที่สำรวมมากขึ้น รวมทั้งลุคใหม่เสื้อ ผ้า หน้า ผมต่างกับการแถลงข่าวครั้งที่ผ่านมาซึ่งในคำสัมภาษณ์คุณนายไก่ วันทนีย์ ยืนยันความบริสุทธิ์พร้อมพิสูจน์ตัวเองทุกเมื่อ “พี่ไม่เคยมีคดีติดตัวแม้แต่คดีเดียว กลับมีกระแสข่าวว่าพี่กำลังจะหนีก็เลยมาหาตำรวจกองปราบฯถึงที่เลย”
อย่างไรก็ตามหลังคุณนายไก่ ใช้เวลาติดต่อกับพนักงานสอบสวนและให้สัมภาษณ์สื่อประมาณชั่วโมงเศษจึงเดินทางกลับ ส่วนทนายสงกานต์ กับผู้เสียหายทั้งหมดเมื่อให้ปากคำพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้วจึงแยกย้ายไปไปตามสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ เนื่องจากข่าวคุณนายไก่ วันทนีย์อยู่ในความสนใจของคนไทยอย่างล้นหลามแม้จะนำเสนอติดต่อกันหลายสัปดาห์แล้วก็ตาม แต่ความเข้มข้นชวนระทึกน่าจะอยู่ตรงที่ ข้อเท็จจริงต่างๆ เริ่มปรากฏ และเขม็งเกลียวเข้ามาทุกขณะจนทุกคนที่ได้ติดตามข่าวเกิดอารมณ์ร่วม อยากเห็นกระบวนการยุติธรรมเริ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมายาคติแบบไทยแท้นั่นคือความเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม
ทันทีที่คุณนายไก่ ประกาศความบริสุทธิ์ไม่เคยต้องคดีใดๆ ข้อมูลต่างๆก็ไหลทะลักเข้ามายังทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์ เริ่มจากคดีศาลล้มละลายกลาง ระหว่างเสี่ยคนดังของ จ.ขอนแก่น กับ นางสุชาดา หยกวิริยะกุล เมื่อ พ.ศ.2546 มีการฟ้องร้องดำเนินคดีวงเงินหลายร้อยล้านบาท คดีฉ้อโกงทรัพย์ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มีน.ส.สินิทธ์ ลักษณณัย เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวหา นางมณตา หยกรัตนกาญ เป็นผู้ต้องหา ความผิดเก่าที่รู้สึกอึ้งคือคนหน้าเหมือนคุณนายไก่ วันทนีย์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีจำนำสร้อยคอทองคำปลอมที่ร้านขายทองแห่งหนึ่งในเขต จ.นครสวรรค์ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นคดีความเนื่องจากมีการรีบเคลียร์ชดใช้ค่าเสียหายแต่เมื่อสังคมกำลังเดินหน้าพิสูจน์สถานะของคุณนายไก่ วันทนีย์ ผู้เสียหายรายนี้จึงส่งภาพที่ถ่ายเป็นหลักฐานมาให้กับทีมข่าว นอกจากนั้นยังเคยถูกบริษัทรีน่า-แวร์ ประเทศไทย จำกัดฟ้องร้องนางวันทนีย์ เดชเสน หรือหยกวิริยะกุลฐานเบี้ยวไม่ยอมผ่อนส่งชุดเครื่องครัวรวมทั้งดอกและต้น 39,585 บาท
ข้อมูลต่างๆเหล่านี้จึงพอพิสูจน์ได้ว่าคำยืนยันต่างๆของคุณนายไก่ วันทนีย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฐานะความร่ำรวย หรือชีวิตในอดีตโดยเฉพาะความประพฤติที่ยืนยันต่อสังคมว่าเธอไม่เคยต้องคดีอะไร ไม่เคยมีความผิดหรือมีประวัติในแฟ้มอาชญากรรมทั้งสิ้นเมื่อสื่อมวลชนทุกแขนง รวมทั้ง “นักข่าวพลเมือง”ที่นำข้อมูลต่างๆมาให้ตีแผ่ เชื่อได้ว่า ณ เวลานี้สังคมคงสามารถตัดสินใจได้โดยไม่มีอะไรต้องลังเลอีกต่อไป
อีกประเด็นหนึ่งคือลำพังคุณนายไก่ หรือคุณหญิงกำมะลอ จะมีความชำนาญทางกฎหมายหรือมีเส้นสายรังแกคนไม่มีทางสู้ แถมยังโลดแล่นอยู่ในสังคม เดินเข้า-ออก สน.ประชาชื่น ในฐานะนายจ้างที่ถูกลูกจ้างขโมยทรัพย์สินหลักครึ่งล้าน หลักล้านจนถึง 10 ล้าน ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีตำรวจโรงพักคนใดติดใจสงสัยซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกจนเกิดกระแสอยากให้มีการตรวจสอบ “สังคายนา” พนักงานสอบสวนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีคุณนายไก่ วันทนีย์ ทั้งหมดโดยเบื้องต้นบุคคลใกล้ชิดคุณหญิงบ่าวตั้งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ พ.ต.ท.ชิดชัย แสงอรุณ นรต.39 อดีตผู้หมวดหนุ่มรูปหล่อแห่งจังหวัดพิษณุโลก สามีคนแรกเพราะจากภาพถ่ายที่ “นักข่าวพลเมือง”ส่งมายังทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์นั้นส่วนใหญ่เป็นภาพครอบครัวอยู่พร้อมกับพ่อ-แม่-ลูก หรือช่วงที่มี น.ส.จันทนา คชคงไทย หรือน้องหนูนา ทำงานอยู่ด้วยราว พ.ศ.2553 -2554 ก็ยังปรากฏภาพหมู่มี พ.ต.ท.ชิดชัย แสงอรุณ กับคุณนายไก่ วันทนีย์ ร่วมกันถ่ายรูปหมู่ที่ท่าเรือเกาะเสม็ด อย่างชื่นมื่น-สนุกสนาน
ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังคุณนายไก่ วันทนีย์...เชื่อว่าคำถามนี้สังคมไทยยังรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน แต่ทั้งที่การตรวจสอบกำลังเดินหน้าอย่างเข้มข้นมีรายงานว่าหลังจากนายศรีสุวรรณ สรศักดิ์ ผอ.ศูนย์ประชาบดีฯ จ.แม่ฮ่องสอน ให้สัมภาษณ์รายการช่องไทยรัฐทีวี เสร็จมีโทรศัพท์จาก “บิ๊ก”กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)เข้ามาเตือนให้นายศรีสุวรรณ อย่า “ล้ำเส้น”สร้างความงุนงงแก่คณะของ ผอ.ศูนย์ประชาบดีฯรวมทั้งทนายสงกานต์ เป็นอย่างยิ่งทำให้นายศรีสุวรรณ ต้องยกเลิกการออกรายการ “ตอบโจทก์” ทางไทยพีบีเอส ในคืนเดียวกันทั้งนี้เนื่องจากไม่อยากมีปัญหากับผู้บังคับบัญชา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์ติดต่อขอสัมภาษณ์สายตรงได้รับการยืนยันจากนายศรีสุวรรณ ว่าเป็นเรื่องจริงแต่คิดว่าผู้บังคับบัญชาเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะเกรงหน่วยงานอื่นจะเข้าใจผิด และคิดว่าอาจถูกมองว่าเป็นการทำงานที่ผิดบทบาทหน้าที่หรือเปล่า “สำหรับผมเชื่อว่าทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว และเป็นการทำงานในกรอบ เรื่องเกิดจากอะไรใครมีปัญหากับใคร รายละเอียดเป็นเช่นไรถ้าเราไม่มาพูดสังคมก็จะเคลือบแคลงไปตลอด เด็กๆพวกนี้เขาด้อยโอกาส มีทั้งชนเผ่าลีซอ ที่ถูกหลอกไปขายตัว ส่วนที่เป็นปัญหากันอยู่คือชนเผ่ากระเหรี่ยง หรือปากะญอ รัฐบาลมีนโยบายอย่างไรผมก็ทำอย่างนั้น มีผู้ใหญ่หลายคนให้กำลังใจผม สนับสนุนในสิ่งที่ทำไปแต่เมื่อมีเสียงเตือนมาก็ต้องระมัดระวังการให้ข่าวมากขึ้น”
ระหว่างรอความคืบหน้าของคดีซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนอาจเห็นวันที่คุณนายไก่ ต้องชดใช้กรรมที่ก่อขึ้นแต่ “ขิงแก่”ย่อมไม่ใช่ “มันเทศ”คุณนายไก่ วันทนีย์ ยังยิ้มสู้ท่ามกลางเสียงเชียร์เสียงลุ้นว่าเธอจะ “คุก” หรือไม่ “คุก” ขณะที่ฝ่ายทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายแผ่นดินกำลังเดินหน้าอย่างสุดกำลัง เมื่อวันที่1ก. ค. ที่ผ่านมามีการนัดแนะล่วงหน้าว่าจะนำตัวนายศรีสุวรรณ สรศักดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาบดี และหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.แม่ฮ่องสอนพร้อมเด็กสาวอีก 6 คนที่เคยตกเป็นเหยื่อคุณหญิงบ่าวตั้งมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วย
อีกมุมหนึ่งของกองปราบปราม ทัพผู้สื่อข่าวต้องเฮโลไปยังฝั่งคุณนายไก่ ที่เลือกโผล่ไปปรากฏตัวในวันเดียวกัน ด้วยอากัปกิริยาที่สำรวมมากขึ้น รวมทั้งลุคใหม่เสื้อ ผ้า หน้า ผมต่างกับการแถลงข่าวครั้งที่ผ่านมาซึ่งในคำสัมภาษณ์คุณนายไก่ วันทนีย์ ยืนยันความบริสุทธิ์พร้อมพิสูจน์ตัวเองทุกเมื่อ “พี่ไม่เคยมีคดีติดตัวแม้แต่คดีเดียว กลับมีกระแสข่าวว่าพี่กำลังจะหนีก็เลยมาหาตำรวจกองปราบฯถึงที่เลย”
อย่างไรก็ตามหลังคุณนายไก่ ใช้เวลาติดต่อกับพนักงานสอบสวนและให้สัมภาษณ์สื่อประมาณชั่วโมงเศษจึงเดินทางกลับ ส่วนทนายสงกานต์ กับผู้เสียหายทั้งหมดเมื่อให้ปากคำพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้วจึงแยกย้ายไปไปตามสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ เนื่องจากข่าวคุณนายไก่ วันทนีย์อยู่ในความสนใจของคนไทยอย่างล้นหลามแม้จะนำเสนอติดต่อกันหลายสัปดาห์แล้วก็ตาม แต่ความเข้มข้นชวนระทึกน่าจะอยู่ตรงที่ ข้อเท็จจริงต่างๆ เริ่มปรากฏ และเขม็งเกลียวเข้ามาทุกขณะจนทุกคนที่ได้ติดตามข่าวเกิดอารมณ์ร่วม อยากเห็นกระบวนการยุติธรรมเริ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมายาคติแบบไทยแท้นั่นคือความเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรม
ทันทีที่คุณนายไก่ ประกาศความบริสุทธิ์ไม่เคยต้องคดีใดๆ ข้อมูลต่างๆก็ไหลทะลักเข้ามายังทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์ เริ่มจากคดีศาลล้มละลายกลาง ระหว่างเสี่ยคนดังของ จ.ขอนแก่น กับ นางสุชาดา หยกวิริยะกุล เมื่อ พ.ศ.2546 มีการฟ้องร้องดำเนินคดีวงเงินหลายร้อยล้านบาท คดีฉ้อโกงทรัพย์ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ มีน.ส.สินิทธ์ ลักษณณัย เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวหา นางมณตา หยกรัตนกาญ เป็นผู้ต้องหา ความผิดเก่าที่รู้สึกอึ้งคือคนหน้าเหมือนคุณนายไก่ วันทนีย์ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีจำนำสร้อยคอทองคำปลอมที่ร้านขายทองแห่งหนึ่งในเขต จ.นครสวรรค์ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นคดีความเนื่องจากมีการรีบเคลียร์ชดใช้ค่าเสียหายแต่เมื่อสังคมกำลังเดินหน้าพิสูจน์สถานะของคุณนายไก่ วันทนีย์ ผู้เสียหายรายนี้จึงส่งภาพที่ถ่ายเป็นหลักฐานมาให้กับทีมข่าว นอกจากนั้นยังเคยถูกบริษัทรีน่า-แวร์ ประเทศไทย จำกัดฟ้องร้องนางวันทนีย์ เดชเสน หรือหยกวิริยะกุลฐานเบี้ยวไม่ยอมผ่อนส่งชุดเครื่องครัวรวมทั้งดอกและต้น 39,585 บาท
ข้อมูลต่างๆเหล่านี้จึงพอพิสูจน์ได้ว่าคำยืนยันต่างๆของคุณนายไก่ วันทนีย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฐานะความร่ำรวย หรือชีวิตในอดีตโดยเฉพาะความประพฤติที่ยืนยันต่อสังคมว่าเธอไม่เคยต้องคดีอะไร ไม่เคยมีความผิดหรือมีประวัติในแฟ้มอาชญากรรมทั้งสิ้นเมื่อสื่อมวลชนทุกแขนง รวมทั้ง “นักข่าวพลเมือง”ที่นำข้อมูลต่างๆมาให้ตีแผ่ เชื่อได้ว่า ณ เวลานี้สังคมคงสามารถตัดสินใจได้โดยไม่มีอะไรต้องลังเลอีกต่อไป
อีกประเด็นหนึ่งคือลำพังคุณนายไก่ หรือคุณหญิงกำมะลอ จะมีความชำนาญทางกฎหมายหรือมีเส้นสายรังแกคนไม่มีทางสู้ แถมยังโลดแล่นอยู่ในสังคม เดินเข้า-ออก สน.ประชาชื่น ในฐานะนายจ้างที่ถูกลูกจ้างขโมยทรัพย์สินหลักครึ่งล้าน หลักล้านจนถึง 10 ล้าน ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีตำรวจโรงพักคนใดติดใจสงสัยซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกจนเกิดกระแสอยากให้มีการตรวจสอบ “สังคายนา” พนักงานสอบสวนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีคุณนายไก่ วันทนีย์ ทั้งหมดโดยเบื้องต้นบุคคลใกล้ชิดคุณหญิงบ่าวตั้งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ พ.ต.ท.ชิดชัย แสงอรุณ นรต.39 อดีตผู้หมวดหนุ่มรูปหล่อแห่งจังหวัดพิษณุโลก สามีคนแรกเพราะจากภาพถ่ายที่ “นักข่าวพลเมือง”ส่งมายังทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์นั้นส่วนใหญ่เป็นภาพครอบครัวอยู่พร้อมกับพ่อ-แม่-ลูก หรือช่วงที่มี น.ส.จันทนา คชคงไทย หรือน้องหนูนา ทำงานอยู่ด้วยราว พ.ศ.2553 -2554 ก็ยังปรากฏภาพหมู่มี พ.ต.ท.ชิดชัย แสงอรุณ กับคุณนายไก่ วันทนีย์ ร่วมกันถ่ายรูปหมู่ที่ท่าเรือเกาะเสม็ด อย่างชื่นมื่น-สนุกสนาน
ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังคุณนายไก่ วันทนีย์...เชื่อว่าคำถามนี้สังคมไทยยังรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน แต่ทั้งที่การตรวจสอบกำลังเดินหน้าอย่างเข้มข้นมีรายงานว่าหลังจากนายศรีสุวรรณ สรศักดิ์ ผอ.ศูนย์ประชาบดีฯ จ.แม่ฮ่องสอน ให้สัมภาษณ์รายการช่องไทยรัฐทีวี เสร็จมีโทรศัพท์จาก “บิ๊ก”กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)เข้ามาเตือนให้นายศรีสุวรรณ อย่า “ล้ำเส้น”สร้างความงุนงงแก่คณะของ ผอ.ศูนย์ประชาบดีฯรวมทั้งทนายสงกานต์ เป็นอย่างยิ่งทำให้นายศรีสุวรรณ ต้องยกเลิกการออกรายการ “ตอบโจทก์” ทางไทยพีบีเอส ในคืนเดียวกันทั้งนี้เนื่องจากไม่อยากมีปัญหากับผู้บังคับบัญชา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทีมข่าวอาชญากรรม MGR ออนไลน์ติดต่อขอสัมภาษณ์สายตรงได้รับการยืนยันจากนายศรีสุวรรณ ว่าเป็นเรื่องจริงแต่คิดว่าผู้บังคับบัญชาเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะเกรงหน่วยงานอื่นจะเข้าใจผิด และคิดว่าอาจถูกมองว่าเป็นการทำงานที่ผิดบทบาทหน้าที่หรือเปล่า “สำหรับผมเชื่อว่าทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว และเป็นการทำงานในกรอบ เรื่องเกิดจากอะไรใครมีปัญหากับใคร รายละเอียดเป็นเช่นไรถ้าเราไม่มาพูดสังคมก็จะเคลือบแคลงไปตลอด เด็กๆพวกนี้เขาด้อยโอกาส มีทั้งชนเผ่าลีซอ ที่ถูกหลอกไปขายตัว ส่วนที่เป็นปัญหากันอยู่คือชนเผ่ากระเหรี่ยง หรือปากะญอ รัฐบาลมีนโยบายอย่างไรผมก็ทำอย่างนั้น มีผู้ใหญ่หลายคนให้กำลังใจผม สนับสนุนในสิ่งที่ทำไปแต่เมื่อมีเสียงเตือนมาก็ต้องระมัดระวังการให้ข่าวมากขึ้น”