**แทบไม่น่าเชื่อว่า จากคดีเล็กๆ มีเด็กรับใช้ถูกนายจ้างจับฐานลักทรัพย์จะลุกลามบานปลายกลายเป็นคดีมหากาพย์ "ครบเครื่องเรื่องอาชญากรรม"ไปได้...
จุดเริ่มอาจจะมาจาก "ผลกรรม"ที่คุณนายไก่ -วันทนีย์ หยกวิระยะกุล ได้สะสมไว้กว่า 3 ทศวรรษ และด้วยความ "ย่ามใจ" ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มเหงรังแกผู้ที่ด้อยกว่า ความผิดสังเกตที่นักข่าวหัวเห็ดมองเห็นแล้วถูกนำมาตีแผ่ คราวซวยจึงบังเกิดกับคุณหญิงบ่าวตั้ง อย่างช่วยไม่ได้
ปฏิบัติการสืบค้นหาข้อมูลในทุกด้าน ว่ากันอย่างปอกเปลือก โดยมีกำลังสำคัญจากนักสืบโซเชียลมีเดีย ร่วมกับสื่อทุกแขนงรวมทั้งทนายแผ่นดิน นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นักกฎหมายจิตอาสาคนดัง ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งการตื่นตัวของตำรวจกองปราบปราม ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อทุกสิ่งมาบรรจบกันอย่างเหมาะเจาะ "เวรกรรม"ที่คุณนายไก่ -วันทนีย์ เคยก่อในรูปคดีต่างๆ แต่สามารถหลุดรอดมาได้พอเจอ "ของจริง" เจอกับอารมณ์ร่วมของคนไทยทั้งประเทศ ที่รักความยุติธรรม มรสุมลูกใหญ่จึงกระหน่ำเข้าใส่คุณนายไก่ - วันทนีย์ ชนิดตั้งหลักไม่ทัน...
การแชร์ข้อมูลแบบวันต่อวัน ทำให้สังคมเชื่อว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นที่สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น อย่างแน่นอน รวมทั้งความไม่ชอบมาพากล ที่คุณนายไก่ -วันทนีย์ หลุดออกมาให้เห็น เช่น จำนวนทรัพย์มากถึง 10 ล้านบาท อันเป็นทองคำแท่งหนัก 4 บาท 40 แท่ง ไปๆ มาๆ เมื่อถูกสังคมบี้อย่างหนัก จึงลดค่าความเสียหายอย่างพรวดพราด พร้อมมุกเก่าๆ คือโยนให้เป็นการเข้าใจผิด หรือลงตัวเลขผิดจาก ทองคำ 40 แท่งเหลือ 10 แท่ง ซึ่งนับเป็นพิรุธ เป็นจุดเริ่มแห่งความหายนะอย่างแท้จริง
ขณะนี้ คุณนายไก่ -วันทนีย์ หยกวิริยะกุล หรือชื่อเดิมสุชาดา หยกวิริยะกุล ก่อนเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันเป็น มณตา หยกรัตนกาญ ได้ถูกตำรวจกองปราบปรามแจ้งข้อหาพยายามค้ามนุษย์ แจ้งความเท็จ และความผิดตาม มาตรา 112 แต่คงไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังมีเรื่องราวของการสาบสูญไร้ร่องรอยของ นายสุนทร หรือ โก้ ขันหิน อดีตคนขับรถประจำตัว คุณนายไก่ - วันทนีย์ กับคุณป้าเศรษฐินีคนหนึ่ง มีพื้นเพอยู่ จ.อุดรธานี
**ทำไมคุณนายไก่ - วันทนีย์ จึงแสบ-นรกสั่ง ถึงขนาดนี้ !!??... เชื่อว่าหลายคนยังคาใจ หรือหล่อนจะโรคจิต แต่เมื่อมองถึงความสลับซับซ้อน การ"ผูกเรื่อง" และใช้แง่มุมทางกฏหมายมัดเหยื่อ ขณะเดียวกันก็ใช้ความช่ำชองให้ตัวเองหลุดความผิดออกมาได้ย่อมนับว่า คุณหญิงบ่าวตั้งผู้นี้ยังมีสติสัมปชัญญอย่างครบถ้วน และน่าจะเข้าขั้นเก่งกล้าสามารถ "เหนือชั้น" กว่า 18 มงกุฎ ที่เคยโด่งดังในอดีตกันเลยทีเดียว
เพื่อให้ได้คำตอบ...ให้เห็นภาพที่ใครอยากเห็นขอย้อนกลับไปเกือบ 30 ปี...เจาะกันถึงแก่น...ขุดกันให้เห็นสันดอน..โปรดติดตามคำเฉลยต่อไปนี้....
"กิมเอ็ง -วันทนีย์"ถูกเตี่ยแฉหมด –แค้นลูกสาวเหี้ยม แจ้งจับเข้าคุก !!??...ข่าวพาดหัวยักษ์ นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 28 พ.ค.2530 อันเป็นช่วงจังหวะที่คดีทุจริตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น มีตัวละครสำคัญคือ นางดวงฤทัย จารุจินดา หรือ จารุดวงฤทัย ที่รู้จักกันดีในนาม "กิมเอ็ง แซ่เตีย" อยู่ในฐานะนางเอก แต่แล้วจู่ๆ มีดาวรุ่งพุ่งแรงเป็นสาววัยสะพรั่งในฐานะผู้สั่งสมบารมีกับสังคมนักข่าวสายอาชญากรรม และแวดวงคนสีกากีก็ปรากฏตัวขึ้น
เธอผู้นั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณนายไก่ - วันทนีย์ หยกวิริยะกุล ออกมาแสดงตัวในฐานะผู้เสียหาย คดีเครื่องราชฯเนื่องจากหลงบริจาคเงิน 3 ล้านบาท ให้กับนางกิมเอ็ง เพื่อให้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่หลังมอบเงินไปแล้วทุกอย่างกลับหายเงียบ กระทั่งมีการดำเนินคดีขึ้น คุณนายไก่ -วันทนีย์ จึงยอม "เปิดตัว" ในฐานะผู้เสียหายและพยานปากสำคัญ
แต่ใช่ว่านักข่าวสมัยนั้นจะไม่มีใครเอะใจสงสัย เพราะอันที่จริงก็มีนักข่าวหัวสี อันดับ 1 และ อันดับ 2 ของประเทศไทยเคยรู้จักมักจี่ จนแทบจะเรียกว่า รู้กำพืดกันมาก่อน เพียงแต่จุดเริ่มที่แฟลตการเคหะบางนา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของ คุณนายไก่ - วันทนีย์ช่างบังเอิญเหลือเกินว่ามีเพื่อนบ้านเป็นนักข่าวสายอาชญากรรมผู้มากความสามารถคนหนึ่ง
**เพื่อนบ้านมีห้องติดกันย่อมมองเห็นสิ่งปกติ และไม่ปกติ
ถึงคุณนายไก่ - วันทนีย์ จะอวดความร่ำรวย เป็นคนคุยสนุกสนาน จัดในประเภท "ใจถึง -พอพึ่งได้" แต่ลึกลงไปแล้วประชาชนคนอาศัยแฟลตพอเดาทางออกว่า....ก็คงไม่รวยจริงหรอก ประการแรก ถ้ารวยจะมาอยู่แฟลตการเคหะทำไม เพราะในปี 2520 หรือกว่านั้นเล็กน้อย คำว่า "บางนา" มันไกลจนเกินจินตนาการจริงๆ ถนนหนทางไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้...สามีแป๊ะแก่ๆ นัยว่าเป็นเจ้าของกิจการรถทัวร์ ไปๆ มาๆ ไม่ทราบว่าเธออยู่ในฐานะเบอร์อะไร... ส่วนลูกน้อยเป็นเด็กชายวัย 3-4 ขวบ เมื่อคุณนายไก่ -วันทนีย์ ไม่อยู่บ้าน ก็ต้องขังไว้ในห้องมีเพียงชามข้าว แก้วน้ำ และขนมเล็กๆ น้อยให้ประทังชีวิต....นั่นก็คือวิถีที่จำเป็นต้องดิ้นรน...ความจริงแล้วเธอเป็นคนรักลูก ไม่ว่าวิธีเลี้ยงดูจะผิดหรือถูก แต่แม่ทุกคนไม่มีใครรังเกียจเลือดในอก...ไก่-วันทนีย์ มีขนมนมเนย มีของเล่นติดมือมาทุกครั้งเมื่อกลับมาถึงห้องพัก การสมอ้างเป็นผู้เสียหาย แถมวงเงินสูงถึง 3 ล้านบาท แต่คุณนายไก่ ซะอย่างเธอยกกิจการรถทัวร์ของสามี ว่าเป็นของตัว
ขณะที่กระแสสังคมตอนนั้นกำลังเกรี้ยวกราดกับคุณหญิงกิมเอ็ง อย่างหนัก ภาพหนึ่งของคุณนายไก่ - วันทนีย์ ก็คือนางเอกคนใหม่ที่ขี่ม้าขาวมาช่วยพนักงานสอบสวน ให้สามารถปิดคดีด้วยการ มีพยาน มีผู้เสียหาย และว่ากันตามจริงแล้วขบวนการต้มตุ๋นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในบรรดาผู้เสียหายที่ถูกหลอกนั้น มีทั้งบริจาคยอดหลักหมื่น – หลักแสน แล้วถูกอมไปก็มี...พวกนี้มีหน้ามีตาในสังคม ไม่อยากเป็นตัวตลกหรือต้องช้ำใจเป็นรอบที่ 2
ที่เหลือเชื่อ และไม่เคยมีใครพูดถึง เนื่องจากค่านิยมแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวัน มีสื่อใหญ่บางคนตกเป็นเครื่องมือคุณนายกิมเอ็ง โดยไม่รู้ตัว บางรายบริจาคเพียง 500 บาท แต่มีการเติมเลข 0 เข้าไปตามความพอใจ หมื่นบ้าง แสนบ้าง ล้านบ้าง แต่ไม่มีเงินจริง....เงิน 500 บาท "กิมเอ็ง-ทำได้" เท่านั้นแหละ เป็นไฟลามทุ่ง เมื่อสื่อใหญ่ออกปากการันตีเองว่า "กิมเอ็ง -ของจริง" เงินทองจึงไหลมาเทมา
**ระหว่าง คุณนายไก่ - วันทนีย์ กำลังสวมบทนางเอกผู้มาปราบคุณหญิงกิมเอง ท่ามกลางการใช้สงครามข่าวโจมตีซึ่งกันและกัน บ้างพยายามขุดประวัติคุณนายไก่ - วันทนีย์ เริ่มมีกระแสว่า ทั้งที่จริงแล้วทั้งคู่เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิต แต่คุณนายไก่ เห็น กิมเอ็ง ไปไกลเกินหน้า จึงเกิดความริษยา
และแล้ว วันที่ 28 พ.ค. 2530 จู่ๆก็มีข่าวพาดหัวยักษ์ นสพ.เดลินิวส์ มีผู้เป็นพ่อออกมาแฉพฤติการณ์สุดแสบของลูกสาวเนื้อหาระบุความเป็นมาพอสรุปได้ว่า....หลังจากเกิดเรื่อขบวนการตุ๋นเครื่องราชฯ จนนางกิมเอ็ง ถูกตำรวจจับ และการปรากฏตัวของคุณนายไก่ - วันทนีย์ ในฐานะผู้เสียหาย...ที่ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันเป็นสำนักกฎหมายให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป นายเชียง หรือ งี้ แซ่เตีย อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอยู่ย่านถนนอิสรภาพ เขตบางกอกใหญ่ กทม. เข้าพบนายชาลี ดิษฐลักษณา ทนายประจำศูนย์ฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ
เรื่องแรกที่นายเชียง ยืนยันข้อข้องใจของสังคมในขณะนั้นก็คือ ทั้งคุณนายไก่ -วันทนีย์ กับคุณหญิงกิมเอ็ง นั้นเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตกันจริง โดยกิมเอ็ง เกิดจากภรรยาคนแรกชื่อนางฉลวย อยู่กินกันเมื่อปี 2497 ต่อมาประมาณปี 2500 ไปได้ภรรยาคนที่ 2 ชื่อนางวิไล และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนชื่อ ด.ญ.ซิ้ม หรือ คุณนายไก่ - วันทนีย์
นายเชียง บอกถึงจุดพลิกผันของชีวิตว่า ช่วงอยู่กันกับนางวิไล รัฐบาลสมัยนั้นมีนโยบายปราบปรามอันธพาล นักเลงหัวไม้ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ ไล่จับบรรดานักเลงใน กทม.จนหมดสิ้น รวมทั้งเขาด้วย...ชะตากรรมดังกล่าวจึงทำให้เกิดภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด ตนทราบต่อมาว่านางวิไล ไปได้ผู้หมวดตำรวจทางหลวง เป็นสามี ส่วนด.ญ.ซิ้ม หรือ คุณนายไก่ - วันทนีย์ ไปได้สามีเป็นเฒ่าแก่บริษัทรถทัวร์ และในระหว่างจองจำอยู่นั้น ทั้งกิมเอ็ง และคุณนายไก่ ได้มาเยี่ยมเป็นระยะๆ
ครั้นพ้นโทษ นายเชียง เล่าว่าได้ทำมาหาเลี้ยงชีพตามลำพังจนสามารถรวบรวมเงินได้ประมาณ 4 หมื่นบาท วันหนึ่งคุณนายไก่ -วันทนีย์ มาหาที่บ้าน บอกว่ากำลังเดือดร้อนเพราะขับรถชนคนตายที่ จ.สระบุรี ต้องการจะใช้เงินก้อนหนึ่ง ตนสงสารลูกกลัวว่าจะติดคุกติดตะราง จึงให้เงินที่เก็บหอมรอมริบมาหลายปีไปทั้งหมด กระทั่งได้เวลาที่คุณนายไก่ -วันทนีย์ รับปากจะคืนเงิน รออยู่หลายวันก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น จึงตัดสินใจตามไปที่คลองจั่น-วิลล่า ท้องที่ สน.คันนายาว และได้เงินคืนมาครั้งละ 1 พัน -2 พันบาทจนครั้งสุดท้ายก่อนมาร้องทุกข์ นายเชียง บอกว่า ถูกลูกสาวแจ้งตำรวจ สน.คันนายาว มาจับในข้อหากรรโชกทรัพย์ และเมื่อทราบเรื่องราวระหว่างลูกสาวทั้ง 2 จึงต้องการมาบอกให้สังคมรับรู้ และให้ศูนย์นิติศาสตร์ช่วยเหลือทางคดีความ
ข่าวคราวของ ไก่-วันทนีย์ และคุณหญิงกิมเอ็ง ยังเป็นที่สนใจของสังคมไทย ณ เวลานั้นอย่างต่อเนื่อง วันที่ 4 ธ.ค.2530 นสพ.พญาครุฑ ลงภาพข่าว คุณนายไก่ -วันทนีย์ สำนึกผิดก้มกราบที่ตัก นางดวงฤทัย จารุจินดา หรือ คุณหญิงกิมเอ็ง พี่สาวต่างมารดา ภายในพระอุโบสถวัดใหม่อมตรส ย่านบางขุนพรหม นัยว่าคุณนายไก่ - วันทนีย์ ถูกจับไต๋การเป็นพยานเท็จได้
ถัดมาไม่กี่วัน มีประกาศชี้แจงการระงับกรณีพิพาทระหว่าง นางดวงฤทัย จารุจินดา หรือ จารุดวงหทัย (นามสกุลใหม่) นายสมชาย จันทวังโส อดีตช่างภาพ และนักประชาสัมพันธ์คนดัง ดำเนินคดี นางวันทนีย์ หยกวิริยะกุล คดีอาญาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลแขวงพระนครใต้ ข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนังานสอบสวน และที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ในข้อหาหมิ่นประมาท ทั้ง 3 ตกลงกันได้ โดยคุณนายไก่ -วันทนีย์ ต้องยอมบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิฯต่างๆ
**นั่นคือเรื่องราวต่างๆในอดีตของคุณนายไก่ - วันทนีย์ ซึ่งหากไม่โยงไปถึงคุณหญิงกิมเอ็ง แซ่เตีย อาจไม่ปะติดปะต่อเหมือนขาดจิ๊กวอว์สำคัญไปชิ้นหนึ่ง...คำตอบที่สังคมคาใจ สรุปได้ว่า กิมเอ็ง - หมวยซิ้ม คือ พี่น้องร่วมสายโลหิตต่างมารดา
บทชีวิตที่ผ่าน เรามองเห็นแล้วใช่ไหม....บ้านแตก... พ่อเป็นอันธพาล ต้องโดนรัฐบาลกวาดเข้าคุก...แม่ต้องมีผัวใหม่เพื่อความอยู่รอด....ส่วนตัวเองเคว้งคว้าง ได้สามีต้องหลบๆ ซ่อนๆ...แบบฉบับการขังลูกกน้อยภายในห้อง โดยทิ้งข้าวชาม -น้ำแก้ว ให้ประทังชีวิต นั่นอาจเคยเป็นประสบการณ์ที่ ด.ญ.ตัวน้อยๆ เคยพบพานมาก่อน
**แต่ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม...บาปกรรมที่เคยก่อ เคยสร้างให้กับผู้คนอย่างมากมาย...วันนี้ผลแห่งการกระทำกลับมาทวง "หนี้กรรม" ให้กลับไปชดใช้...หนักหนาสาหัสถึงขั้นไม่อาจออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย... ชั่วชีวิต
จุดเริ่มอาจจะมาจาก "ผลกรรม"ที่คุณนายไก่ -วันทนีย์ หยกวิระยะกุล ได้สะสมไว้กว่า 3 ทศวรรษ และด้วยความ "ย่ามใจ" ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มเหงรังแกผู้ที่ด้อยกว่า ความผิดสังเกตที่นักข่าวหัวเห็ดมองเห็นแล้วถูกนำมาตีแผ่ คราวซวยจึงบังเกิดกับคุณหญิงบ่าวตั้ง อย่างช่วยไม่ได้
ปฏิบัติการสืบค้นหาข้อมูลในทุกด้าน ว่ากันอย่างปอกเปลือก โดยมีกำลังสำคัญจากนักสืบโซเชียลมีเดีย ร่วมกับสื่อทุกแขนงรวมทั้งทนายแผ่นดิน นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นักกฎหมายจิตอาสาคนดัง ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ อีกทั้งการตื่นตัวของตำรวจกองปราบปราม ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อทุกสิ่งมาบรรจบกันอย่างเหมาะเจาะ "เวรกรรม"ที่คุณนายไก่ -วันทนีย์ เคยก่อในรูปคดีต่างๆ แต่สามารถหลุดรอดมาได้พอเจอ "ของจริง" เจอกับอารมณ์ร่วมของคนไทยทั้งประเทศ ที่รักความยุติธรรม มรสุมลูกใหญ่จึงกระหน่ำเข้าใส่คุณนายไก่ - วันทนีย์ ชนิดตั้งหลักไม่ทัน...
การแชร์ข้อมูลแบบวันต่อวัน ทำให้สังคมเชื่อว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นที่สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น อย่างแน่นอน รวมทั้งความไม่ชอบมาพากล ที่คุณนายไก่ -วันทนีย์ หลุดออกมาให้เห็น เช่น จำนวนทรัพย์มากถึง 10 ล้านบาท อันเป็นทองคำแท่งหนัก 4 บาท 40 แท่ง ไปๆ มาๆ เมื่อถูกสังคมบี้อย่างหนัก จึงลดค่าความเสียหายอย่างพรวดพราด พร้อมมุกเก่าๆ คือโยนให้เป็นการเข้าใจผิด หรือลงตัวเลขผิดจาก ทองคำ 40 แท่งเหลือ 10 แท่ง ซึ่งนับเป็นพิรุธ เป็นจุดเริ่มแห่งความหายนะอย่างแท้จริง
ขณะนี้ คุณนายไก่ -วันทนีย์ หยกวิริยะกุล หรือชื่อเดิมสุชาดา หยกวิริยะกุล ก่อนเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันเป็น มณตา หยกรัตนกาญ ได้ถูกตำรวจกองปราบปรามแจ้งข้อหาพยายามค้ามนุษย์ แจ้งความเท็จ และความผิดตาม มาตรา 112 แต่คงไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังมีเรื่องราวของการสาบสูญไร้ร่องรอยของ นายสุนทร หรือ โก้ ขันหิน อดีตคนขับรถประจำตัว คุณนายไก่ - วันทนีย์ กับคุณป้าเศรษฐินีคนหนึ่ง มีพื้นเพอยู่ จ.อุดรธานี
**ทำไมคุณนายไก่ - วันทนีย์ จึงแสบ-นรกสั่ง ถึงขนาดนี้ !!??... เชื่อว่าหลายคนยังคาใจ หรือหล่อนจะโรคจิต แต่เมื่อมองถึงความสลับซับซ้อน การ"ผูกเรื่อง" และใช้แง่มุมทางกฏหมายมัดเหยื่อ ขณะเดียวกันก็ใช้ความช่ำชองให้ตัวเองหลุดความผิดออกมาได้ย่อมนับว่า คุณหญิงบ่าวตั้งผู้นี้ยังมีสติสัมปชัญญอย่างครบถ้วน และน่าจะเข้าขั้นเก่งกล้าสามารถ "เหนือชั้น" กว่า 18 มงกุฎ ที่เคยโด่งดังในอดีตกันเลยทีเดียว
เพื่อให้ได้คำตอบ...ให้เห็นภาพที่ใครอยากเห็นขอย้อนกลับไปเกือบ 30 ปี...เจาะกันถึงแก่น...ขุดกันให้เห็นสันดอน..โปรดติดตามคำเฉลยต่อไปนี้....
"กิมเอ็ง -วันทนีย์"ถูกเตี่ยแฉหมด –แค้นลูกสาวเหี้ยม แจ้งจับเข้าคุก !!??...ข่าวพาดหัวยักษ์ นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 28 พ.ค.2530 อันเป็นช่วงจังหวะที่คดีทุจริตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น มีตัวละครสำคัญคือ นางดวงฤทัย จารุจินดา หรือ จารุดวงฤทัย ที่รู้จักกันดีในนาม "กิมเอ็ง แซ่เตีย" อยู่ในฐานะนางเอก แต่แล้วจู่ๆ มีดาวรุ่งพุ่งแรงเป็นสาววัยสะพรั่งในฐานะผู้สั่งสมบารมีกับสังคมนักข่าวสายอาชญากรรม และแวดวงคนสีกากีก็ปรากฏตัวขึ้น
เธอผู้นั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณนายไก่ - วันทนีย์ หยกวิริยะกุล ออกมาแสดงตัวในฐานะผู้เสียหาย คดีเครื่องราชฯเนื่องจากหลงบริจาคเงิน 3 ล้านบาท ให้กับนางกิมเอ็ง เพื่อให้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่หลังมอบเงินไปแล้วทุกอย่างกลับหายเงียบ กระทั่งมีการดำเนินคดีขึ้น คุณนายไก่ -วันทนีย์ จึงยอม "เปิดตัว" ในฐานะผู้เสียหายและพยานปากสำคัญ
แต่ใช่ว่านักข่าวสมัยนั้นจะไม่มีใครเอะใจสงสัย เพราะอันที่จริงก็มีนักข่าวหัวสี อันดับ 1 และ อันดับ 2 ของประเทศไทยเคยรู้จักมักจี่ จนแทบจะเรียกว่า รู้กำพืดกันมาก่อน เพียงแต่จุดเริ่มที่แฟลตการเคหะบางนา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของ คุณนายไก่ - วันทนีย์ช่างบังเอิญเหลือเกินว่ามีเพื่อนบ้านเป็นนักข่าวสายอาชญากรรมผู้มากความสามารถคนหนึ่ง
**เพื่อนบ้านมีห้องติดกันย่อมมองเห็นสิ่งปกติ และไม่ปกติ
ถึงคุณนายไก่ - วันทนีย์ จะอวดความร่ำรวย เป็นคนคุยสนุกสนาน จัดในประเภท "ใจถึง -พอพึ่งได้" แต่ลึกลงไปแล้วประชาชนคนอาศัยแฟลตพอเดาทางออกว่า....ก็คงไม่รวยจริงหรอก ประการแรก ถ้ารวยจะมาอยู่แฟลตการเคหะทำไม เพราะในปี 2520 หรือกว่านั้นเล็กน้อย คำว่า "บางนา" มันไกลจนเกินจินตนาการจริงๆ ถนนหนทางไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้...สามีแป๊ะแก่ๆ นัยว่าเป็นเจ้าของกิจการรถทัวร์ ไปๆ มาๆ ไม่ทราบว่าเธออยู่ในฐานะเบอร์อะไร... ส่วนลูกน้อยเป็นเด็กชายวัย 3-4 ขวบ เมื่อคุณนายไก่ -วันทนีย์ ไม่อยู่บ้าน ก็ต้องขังไว้ในห้องมีเพียงชามข้าว แก้วน้ำ และขนมเล็กๆ น้อยให้ประทังชีวิต....นั่นก็คือวิถีที่จำเป็นต้องดิ้นรน...ความจริงแล้วเธอเป็นคนรักลูก ไม่ว่าวิธีเลี้ยงดูจะผิดหรือถูก แต่แม่ทุกคนไม่มีใครรังเกียจเลือดในอก...ไก่-วันทนีย์ มีขนมนมเนย มีของเล่นติดมือมาทุกครั้งเมื่อกลับมาถึงห้องพัก การสมอ้างเป็นผู้เสียหาย แถมวงเงินสูงถึง 3 ล้านบาท แต่คุณนายไก่ ซะอย่างเธอยกกิจการรถทัวร์ของสามี ว่าเป็นของตัว
ขณะที่กระแสสังคมตอนนั้นกำลังเกรี้ยวกราดกับคุณหญิงกิมเอ็ง อย่างหนัก ภาพหนึ่งของคุณนายไก่ - วันทนีย์ ก็คือนางเอกคนใหม่ที่ขี่ม้าขาวมาช่วยพนักงานสอบสวน ให้สามารถปิดคดีด้วยการ มีพยาน มีผู้เสียหาย และว่ากันตามจริงแล้วขบวนการต้มตุ๋นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในบรรดาผู้เสียหายที่ถูกหลอกนั้น มีทั้งบริจาคยอดหลักหมื่น – หลักแสน แล้วถูกอมไปก็มี...พวกนี้มีหน้ามีตาในสังคม ไม่อยากเป็นตัวตลกหรือต้องช้ำใจเป็นรอบที่ 2
ที่เหลือเชื่อ และไม่เคยมีใครพูดถึง เนื่องจากค่านิยมแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวัน มีสื่อใหญ่บางคนตกเป็นเครื่องมือคุณนายกิมเอ็ง โดยไม่รู้ตัว บางรายบริจาคเพียง 500 บาท แต่มีการเติมเลข 0 เข้าไปตามความพอใจ หมื่นบ้าง แสนบ้าง ล้านบ้าง แต่ไม่มีเงินจริง....เงิน 500 บาท "กิมเอ็ง-ทำได้" เท่านั้นแหละ เป็นไฟลามทุ่ง เมื่อสื่อใหญ่ออกปากการันตีเองว่า "กิมเอ็ง -ของจริง" เงินทองจึงไหลมาเทมา
**ระหว่าง คุณนายไก่ - วันทนีย์ กำลังสวมบทนางเอกผู้มาปราบคุณหญิงกิมเอง ท่ามกลางการใช้สงครามข่าวโจมตีซึ่งกันและกัน บ้างพยายามขุดประวัติคุณนายไก่ - วันทนีย์ เริ่มมีกระแสว่า ทั้งที่จริงแล้วทั้งคู่เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิต แต่คุณนายไก่ เห็น กิมเอ็ง ไปไกลเกินหน้า จึงเกิดความริษยา
และแล้ว วันที่ 28 พ.ค. 2530 จู่ๆก็มีข่าวพาดหัวยักษ์ นสพ.เดลินิวส์ มีผู้เป็นพ่อออกมาแฉพฤติการณ์สุดแสบของลูกสาวเนื้อหาระบุความเป็นมาพอสรุปได้ว่า....หลังจากเกิดเรื่อขบวนการตุ๋นเครื่องราชฯ จนนางกิมเอ็ง ถูกตำรวจจับ และการปรากฏตัวของคุณนายไก่ - วันทนีย์ ในฐานะผู้เสียหาย...ที่ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันเป็นสำนักกฎหมายให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป นายเชียง หรือ งี้ แซ่เตีย อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอยู่ย่านถนนอิสรภาพ เขตบางกอกใหญ่ กทม. เข้าพบนายชาลี ดิษฐลักษณา ทนายประจำศูนย์ฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ
เรื่องแรกที่นายเชียง ยืนยันข้อข้องใจของสังคมในขณะนั้นก็คือ ทั้งคุณนายไก่ -วันทนีย์ กับคุณหญิงกิมเอ็ง นั้นเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตกันจริง โดยกิมเอ็ง เกิดจากภรรยาคนแรกชื่อนางฉลวย อยู่กินกันเมื่อปี 2497 ต่อมาประมาณปี 2500 ไปได้ภรรยาคนที่ 2 ชื่อนางวิไล และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนชื่อ ด.ญ.ซิ้ม หรือ คุณนายไก่ - วันทนีย์
นายเชียง บอกถึงจุดพลิกผันของชีวิตว่า ช่วงอยู่กันกับนางวิไล รัฐบาลสมัยนั้นมีนโยบายปราบปรามอันธพาล นักเลงหัวไม้ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ ไล่จับบรรดานักเลงใน กทม.จนหมดสิ้น รวมทั้งเขาด้วย...ชะตากรรมดังกล่าวจึงทำให้เกิดภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด ตนทราบต่อมาว่านางวิไล ไปได้ผู้หมวดตำรวจทางหลวง เป็นสามี ส่วนด.ญ.ซิ้ม หรือ คุณนายไก่ - วันทนีย์ ไปได้สามีเป็นเฒ่าแก่บริษัทรถทัวร์ และในระหว่างจองจำอยู่นั้น ทั้งกิมเอ็ง และคุณนายไก่ ได้มาเยี่ยมเป็นระยะๆ
ครั้นพ้นโทษ นายเชียง เล่าว่าได้ทำมาหาเลี้ยงชีพตามลำพังจนสามารถรวบรวมเงินได้ประมาณ 4 หมื่นบาท วันหนึ่งคุณนายไก่ -วันทนีย์ มาหาที่บ้าน บอกว่ากำลังเดือดร้อนเพราะขับรถชนคนตายที่ จ.สระบุรี ต้องการจะใช้เงินก้อนหนึ่ง ตนสงสารลูกกลัวว่าจะติดคุกติดตะราง จึงให้เงินที่เก็บหอมรอมริบมาหลายปีไปทั้งหมด กระทั่งได้เวลาที่คุณนายไก่ -วันทนีย์ รับปากจะคืนเงิน รออยู่หลายวันก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น จึงตัดสินใจตามไปที่คลองจั่น-วิลล่า ท้องที่ สน.คันนายาว และได้เงินคืนมาครั้งละ 1 พัน -2 พันบาทจนครั้งสุดท้ายก่อนมาร้องทุกข์ นายเชียง บอกว่า ถูกลูกสาวแจ้งตำรวจ สน.คันนายาว มาจับในข้อหากรรโชกทรัพย์ และเมื่อทราบเรื่องราวระหว่างลูกสาวทั้ง 2 จึงต้องการมาบอกให้สังคมรับรู้ และให้ศูนย์นิติศาสตร์ช่วยเหลือทางคดีความ
ข่าวคราวของ ไก่-วันทนีย์ และคุณหญิงกิมเอ็ง ยังเป็นที่สนใจของสังคมไทย ณ เวลานั้นอย่างต่อเนื่อง วันที่ 4 ธ.ค.2530 นสพ.พญาครุฑ ลงภาพข่าว คุณนายไก่ -วันทนีย์ สำนึกผิดก้มกราบที่ตัก นางดวงฤทัย จารุจินดา หรือ คุณหญิงกิมเอ็ง พี่สาวต่างมารดา ภายในพระอุโบสถวัดใหม่อมตรส ย่านบางขุนพรหม นัยว่าคุณนายไก่ - วันทนีย์ ถูกจับไต๋การเป็นพยานเท็จได้
ถัดมาไม่กี่วัน มีประกาศชี้แจงการระงับกรณีพิพาทระหว่าง นางดวงฤทัย จารุจินดา หรือ จารุดวงหทัย (นามสกุลใหม่) นายสมชาย จันทวังโส อดีตช่างภาพ และนักประชาสัมพันธ์คนดัง ดำเนินคดี นางวันทนีย์ หยกวิริยะกุล คดีอาญาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลแขวงพระนครใต้ ข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนังานสอบสวน และที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ในข้อหาหมิ่นประมาท ทั้ง 3 ตกลงกันได้ โดยคุณนายไก่ -วันทนีย์ ต้องยอมบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิฯต่างๆ
**นั่นคือเรื่องราวต่างๆในอดีตของคุณนายไก่ - วันทนีย์ ซึ่งหากไม่โยงไปถึงคุณหญิงกิมเอ็ง แซ่เตีย อาจไม่ปะติดปะต่อเหมือนขาดจิ๊กวอว์สำคัญไปชิ้นหนึ่ง...คำตอบที่สังคมคาใจ สรุปได้ว่า กิมเอ็ง - หมวยซิ้ม คือ พี่น้องร่วมสายโลหิตต่างมารดา
บทชีวิตที่ผ่าน เรามองเห็นแล้วใช่ไหม....บ้านแตก... พ่อเป็นอันธพาล ต้องโดนรัฐบาลกวาดเข้าคุก...แม่ต้องมีผัวใหม่เพื่อความอยู่รอด....ส่วนตัวเองเคว้งคว้าง ได้สามีต้องหลบๆ ซ่อนๆ...แบบฉบับการขังลูกกน้อยภายในห้อง โดยทิ้งข้าวชาม -น้ำแก้ว ให้ประทังชีวิต นั่นอาจเคยเป็นประสบการณ์ที่ ด.ญ.ตัวน้อยๆ เคยพบพานมาก่อน
**แต่ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม...บาปกรรมที่เคยก่อ เคยสร้างให้กับผู้คนอย่างมากมาย...วันนี้ผลแห่งการกระทำกลับมาทวง "หนี้กรรม" ให้กลับไปชดใช้...หนักหนาสาหัสถึงขั้นไม่อาจออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย... ชั่วชีวิต