MGR Online – ผลลัพธ์การแต่งตั้ง”สีกากี” แบบรวมศูนย์ ตามคำสั่ง หัวหน้าคสช. ที่ใช้มาตรา 44 ให้อำนาจ “ผบ.ตร.” ถือดาบอาญาสิทธิ์แต่งตั้งตำรวจทั้งหมดได้เองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความวุ่นวาย ความผิดพลาด ที่เกิดขึ้นมาในการแต่งตั้งตำรวจระดับ “นายพัน” เก้าอี้ สารวัตร(สว.)-รองผู้บังคับการ(รองผบก.) วาระประจำปี 2558 แต่งตั้งคนตายบ้าง
แต่งตั้งนายพลลงมาเป็นนายพันบ้าง แต่งตั้งซ้ำซ้อน จนต้องแก้แล้วแก้อีกเป็นเดือนๆกว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง แต่ดูเหมือนว่า “ผบ.ตร. ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่”กรมปทุมวัน” จะยังไม่เข็ดขยาดหรือปรับเปลี่ยนวิธีให้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยขึ้น
การแต่งตั้งตำรวจระดับ รองสารวัตร(รองสว.)-ผบ.หมู่(ชั้นประทวน) วาระประจำปี 2558 ที่อยู่ระหว่างกระบวนการแต่งตั้งขณะนี้ “บิ๊กแป๊ะ” ก็ยังเลือกใช้ดาบอาญาสิทธิ์ที่ได้รับจากหัวหน้าคสช.เองทั้งหมด ไม่ได้กระจายอำนาจไปให้ “ผู้บังคับบัญชา”ต้นสังกัดแต่ละหน่วยจัดทำบัญชี แล้วเสนอมาให้ “ผบ.ตร.”ลงนามแต่งตั้ง ซึ่งไม่ได้ผิดกติกา ไม่ได้ขัดคำสั่งหัวหน้าคสช.แต่อย่างใด
ยิ่งการแต่งตั้งระดับ “เล็ก” ประเภท ผู้หมู่ ผู้กอง หมวด ดาบ ถือเป็นระดับ “ปฏิบัติ” ที่ต้องเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานให้สัมฤทธิ์ผล ตามจริงแล้ว“หัวหน้าหน่วย” น่าจะรู้และเลือกลูกน้องมาทำงานตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ เพราะหากไม่มีผลงาน ไม่มีประสิทธิภาพ “หัวหน้า” ก็ต้องรับผิดชอบ ถูกลงโทษ ถูกลงทัณฑ์ กันตามระเบียบ ตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ที่สำคัญตำรวจระดับ รองสารวัตร – ชั้นประทวน ทั่วประเทศ มีจำนวนมากมายหลายหมื่นเก้าอี้ ขนาดโยกย้ายระดับ”นายพัน”จำนวน 7-8 พันตำแหน่ง ยังวุ่นวาย ยังผิดพลาดขนาดนั้น ชั้นประทวนมีมากกว่าหลายเท่าตัว โอกาสจะซ้ำรอยระดับ “นายพัน” ยิ่งมีเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าหากโยกย้ายสลับผิดฝาผิดตัว ผิดตำแหน่ง ผิดหน้าที่ ระดับ “ปฏิบัติ” เช่นนี้จะทำให้การทำงานของตำรวจสะดุดเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆ
ทั้งๆที่ หากส่องพิมพ์เขียว”ยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการตำรวจระยะ 20 ปี”ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยุค”บิ๊กแป๊ะ” จัดทำขึ้นและเผยแพร่ออกมาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ดูเหมือนพล.ต.อ.จักรทิพย์จะเข้าใจปัญหาการแต่งตั้งตำรวจ เพราะตอนหนึ่งในการจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปตำรวจระยะ 20 ปี แม่ทัพใหญ่สีกากีอ้างถึงเหตุและผลในการจัดทำขึ้น
“นับแต่ปี พ.ศ.2548 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง เกิดการแทรกแซงการบริหารจากภายนอกองค์กรตำรวจ มีปัญหาด้านความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย และการอำนวยความยุติธรรมทางอาญาและการบริการประชาชน จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงตำรวจ"
นอกจากนี้ พิมพ์เขียวการปฏิรูปตำรวจ ยังบอกถึงหลักการในการกำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้งในแต่ละระดับ ระดับปฏิบัติการ รอง สว.-ผบ.หมู่ คำนึงถึงการบรรเทาความเดือดร้อนข้าราชการตำรวจ เพื่อให้ได้รับการแต่งตั้งใกล้ภูมิลำเนามากที่สุด และให้อำนาจผู้บังคับบัญชาชั้นต้นสามารถบริหารกำลังพลได้ตามความเหมาะสม
แต่ดูเหมือน “หลักการ” จะตรงข้ามกับ “การปฏิบัติ”แม้ “บิ๊กแป๊ะ” จะหวั่นเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด เกิดความวุ่นวาย เกิดความสับสน ในการแต่งตั้งตำรวจระดับ รองสว.-ชั้นประทวน แต่ก็ไม่เลือกที่จะกระจายอำนาจไปให้ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นของแต่ละหน่วยบริหารกำลังพล แต่เลือกที่จะรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลาง เพียงแต่ใช้วิธีดึงฝ่ายกำลังพลของแต่ละ บช.เข้ามาช่วยงาน
ตามหนังสื่อคำสั่งที่ลงนามโดยพล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผบช.สำนักงานกำลังพล(สกพ.) เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งไปถึงผบช.หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ว่า
….เนื่องจากการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งระดับ รองสว.และผบ.หมู่ วาระประจำปี 2558 นี้ ตร.จะต้องพิจารณามีคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทุกหน่วย ซึ่งจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้ข้าราชการตำรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้านกำลังพลของหน่วยต่างๆ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสถานภาพกำลังพลของหน่วย ตลอดจนการตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ มาร่วมในการตรวจสอบและจัดทำคำสั่งแต่งตั้งก่อนที่จะนำเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาออกคำสั่งแต่งตั้ง
ดังนั้นเพื่อให้เกิดการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเรียนประสานมายังท่านได้โปรดแจ้งรายชื่อข้าราชการตำรวจระดับ สว.ขึ้นไป จำนวน 1 นาย และระดับ รองสว.หรือ ผบ.หมู่ จำนวน 1 นาย ไปยังสำนักงานกำลังพล.....
แม้จะเป็นการเขียนบทให้ดูดี เพื่อให้การจัดทำบัญชีแต่งตั้งตำรวจระดับ สว.และผบ.หมู่ ไม่ปัญหาซ้ำซ้อน วุ่นวาย เหมือนการแต่งตั้ง “นายพัน” ที่ผ่านมา แต่ก็แค่การันตีความถูกต้อง ไม่ซ้ำซ้อนเท่านั้น แต่จะถูกฝาถูกตัวหรือเปล่าเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันดู
แต่อย่างไรก็ตาม ควันหลงการแต่งตั้ง “นายพัน” ที่สับสน วุ่นวาย ต้องเปลี่ยน ต้องยกเลิก ต้องสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันเป็นรายวัน ถึงจะเงียบหายไปพักใหญ่ เหมือนทุกอย่างจะลงตัวเรียบร้อยแล้ว แต่ความเป็นจริงแล้วกลับกลายเป็นการ “ซุกขยะใต้พรม” และตอนนี้ก็เริ่มโชยกลิ่นความบกพร่องของการแต่งตั้งแบบรวมศูนย์ให้แต่ละพื้นที่ต้องเก็บกวาดกันแล้ว
อย่างในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูภรภาค 5 หรือ บช.ภ.5 “บิ๊กทอม”พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 ต้องออกคำสั่งแต่งตั้งตำรวจให้ไปรักษาการตำแหน่ง ระดับ สว.-รองผบก. จำนวนถึง 21 ตำแหน่ง อาทิ พ.ต.อ.กตธน ศรีงามช้อย ผกก.สภ.ลี้ จ.ลำพูน ไปรักษาการตำแหน่ง รองผบก.ภ.จ.น่าน พ.ต.อ.มานพ แสนากูล ผกก.สภ.โหล่วงขอด จ.เชียงใหม่ ไปรักษาการตำแหน่ง รองผบก.ภ.จ.แพร่ พ.ต.ท.นริช สอนดิษฐ รองผกก.ป.สภ.พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่ ไปรักษาการตำแหน่ง ผกก.สภ.ลี้ จ.ลำพูน พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ตงศิริ สวป.สภ.นาหมื่น จ.น่าน ไปรักษาการตำแหน่ง รองผกก.สส.สภ.แม่จัน จ.เชียงราย เป็นต้น
เชื่อว่าน่าจะมีอีกหลายกองบัญชาการที่ยังมีเก้าอี้ว่างไร้ตำรวจระดับ “นายพัน” ไปดำรงตำแหน่งเช่นเดียวกัน