ที่สำคัญคำสั่งที่ออกมาปรากฏว่า เกิดความผิดพลาด เกิดความซ้ำซ้อนตำแหน่ง มีการแต่งตั้งคนตายไปแล้วมาดำรงตำแหน่ง แต่งตั้งคนที่ขึ้นเป็นนายพลแล้วลงมาเป็น รองผบก. มั่วซั้วไปหมด บางคนมีชื่อในคำสั่งแรกๆ พอคำสั่งใหม่ออกมาก็ไปอยู่ตำแหน่งอื่น หรือมีคนมานั่งตำแหน่งที่ตัวเองได้รับการแต่งตั้ง จนตำรวจมึนงง
เสียงสะท้อนจากอดีตนายตำรวจเก่า “นวยทนได้”พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ถึงการแต่งตั้งตำรวจระดับ สารวัตร(สว.)-รองผู้บังคับการ(รองผบก.) วาระประจำปี 2558 ที่คำสั่งแต่งตั้งคลอดออกมาอย่างทุลักทุเล น่าจะเป็นบทสรุปภาพรวมการแต่งตั้ง “นายพัน” ยุค”บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กุมบังเหียนแม่ทัพใหญ่สีกากี ที่ชัดเจนตรงประเด็นมากที่สุด
“...ไม่ได้อาย นะ แต่มันเกินอายไปแล้ว มันอดสู มันสิ้นหวัง มันท้อแท้ มันอ่อนเพลียละเหี่ยใจอย่างไรบอกไม่ถูก...” พล.ต.ท.อำนวย บอกถึงความรู้สึกผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ส่วนตัว พร้อมกับเล่าเรื่องระหว่างร่วมคณะสภาปฎิรูปประเทศ(สปท.) ชุดที่มี “อลงกรณ์ พลบุตร” เป็นรองประธานเดินทางไปดูงานบริการประชาชน การรับแจ้งและการสอบสวน ตอนหนึ่งว่า“...คณะทำงานเปลี่ยนแผนใหม่จะไปดูโรงพักดีเด่นในนครบาลแทน เป็น สน.บางขุนนนท์ ผลออกมาว่าผู้กำกับถูกย้ายไปเป็น ผกก.สภ.พรหมบุรี จว.สิงห์บุรี คณะจึงถามผมว่า ทำไมๆ ผมตอบในใจว่า ผมจะไปรู้เหรอ ผมต้องกัดลิ้นตัวเองเพื่อข่มความรู้สึก ไม่ใช่เพียงแค่นี้นะครับ ใน ภ.1 บ้านเก่าผม ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เพิ่งรับรางวัลโรงพักดีเด่น ผู้กำกับดีเด่นไปหยกๆ ถูกย้ายลดชั้นตกน้ำตกท่า หัวหกก้นขวิด”
การแต่งตั้งตำรวจระดับ สว.-รองผบก. วาระประจำปี 2558 ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การจัดทำบัญชี โดน”โรคเลื่อน”เล่นงานมานานกว่า 6 เดือน จนกลายเป็นคำสั่งข้ามปี และมีกระแสข่าวการขัดแข้งขัดขากันระหว่าง กองบัญชาการ(บช.) กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เนื่องจาก บช.ไม่รับดำเนินการตามนโยลาย ตร.ที่ลงไป กระทั่งต้องใช้มาตรา 44 ของหัวหน้า คสช.และมาตรา 56 ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)เพื่อรวบอำนาจทั้งหมดให้ “ผบ.ตร.”ดำเนินการแต่งตั้งเองแบบเบ็ดเสร็จ
กระทั่งคำสั่ง “นายพัน” ดำเนินการตามกระบวนการแต่งตั้งแบบตามอำเภอใจ ตร.จัดทำบัญชีแทน บช. และทยอยคลอดคำสั่งแต่งตั้ง สว.-รองผบก. วาระประจำปี 2558 ออกมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์กลับยิ่งกระหึ่มมากกว่า เพราะนอกจากคำสั่งออกแบบทุลักทุเล ทยอยออกแบบวัน ข้ามไปสองวัน สามวัน จนยาวนานเป็นอาทิตย์ๆ คำสั่งแต่งตั้งก็เผยแพร่ออกมาไม่หมด
ที่สำคัญคำสั่งที่ออกมาปรากฏว่า เกิดความผิดพลาด เกิดความซ้ำซ้อนตำแหน่ง มีการแต่งตั้งคนตายไปแล้วมาดำรงตำแหน่ง แต่งตั้งคนที่ขึ้นเป็นนายพลแล้วลงมาเป็น รองผบก. มั่วซั้วไปหมด บางคนมีชื่อในคำสั่งแรกๆ พอคำสั่งใหม่ออกมาก็ไปอยู่ตำแหน่งอื่น หรือมีคนมานั่งตำแหน่งที่ตัวเองได้รับการแต่งตั้ง จนตำรวจมึนงง และเริ่มระส่ำไม่เป็นอันทำงาน เพราะไม่รู้ว่าชื่อตัวเองที่ได้รับการแต่งตั้งจะถูกเปลี่ยนแปลงอีกเมื่อไหร่ หรือมีใครมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกันด้วย
แม้”บิ๊กแป๊ะ”จะออกมายืนยันการันตีการแต่งตั้งตำรวจครั้งนี้ เป็นคนตัดสินใจคนเดียว 100% และไม่พอใจภาพรวมการแต่งตั้งทั้งหมด แต่ก็พิจารณาไปตามความเหมาะสม ทำไปตามระบบ ไม่มีเจตนาให้เกิดความผิดพลาด ไม่มีการวิ่งเต้น ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งนอกจากนี้มีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานในการตรวจสอบข้อเท็จจริงความบกพร่องผิดพลาดในการทำบัญชีแต่งตั้งครั้งนี้ ใช้เวลา 15 วัน เพื่อคลายข้อสงสัยทุกประเด็นกังขาต่างๆ
แต่หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ออกมายืนยันการันตี พร้อมตั้งคณะทำงานมาตรวจสอบความผิดพลาดในการแต่งตั้ง สว.-รองผบก.วาระประจำปี 2558 เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสรุปรายงานการแต่งตั้งทั้งหมด 25 คำสั่ง รวมผู้ได้รับการแต่งตั้ง 7,849 ราย เกิดความผิดพลาด 488 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.21 แยกเป็นชื่อซ้ำ 215 ราย แต่งตั้งซ้ำ 270 ราย ลดตำแหน่ง 1 ราย ไม่ครบหลักเกณฑ์ 1 ราย และแต่งตั้งผู้เสียชีวิต 1 ราย ปรากฏว่า คำสั่งแต่งตั้งที่ออกมา หลังจากรู้ว่ามีความผิดพลาด มีความบกพร่องเกิดขึ้น และตั้งคณะทำงานมาตรวจสอบ คำสั่งล่าสุดที่เปิดเผยออกมาผ่านเว็บไซต์กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ยังมีคำสั่งซ้ำตำแหน่งอีก คือ ในคำสั่งที่ 347 ลำดับที่ 243 มีชื่อ พ.ต.อ.พิชาญ ทองสุขแก้ว ผกก.คูคต จว.ปทุมธานี ไปเป็น ผกก.สภ.แม่ตื่น จว.เชียงใหม่ แต่พอคำสั่งที่ 349 ลำดับที่ 36 พ.ต.อ.สุรศักดิ์ มาอินทร์ ผกก.ฝอ.ภ.จว.สระบุรี ไปเป็น ผกก.สภ.แม่ตื่น จว.เชียงใหม่
และยังมีการแต่งตั้งคนที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว คือ ในคำสั่งที่ 347 ลำดับที่ 30 พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็น นรต.รุ่น 30 เกษียณราชการไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน ได้รับการแต่งตั้งไปเป็น ผกก.พุนพิน จว.สุราษฎร์ธานี รวมทั้งแต่งตั้งพ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม ผกก.ตม.จว.นราธิวาส ซึ่งมีคำสั่งก่อนหน้านี้ไปดำรงตำแหน่ง รองผบก.ตม.2 และไม่ได้ซ้ำซ้อนใคร แต่ในคำสั่ง 347 มีชื่อไปเป็น รองผบก.น.6
กลายเป็นการผิดซ้ำ ผิดซ้อน สะท้อนให้เห็นว่าคำชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นยังคงตรงข้ามกันอยู่ ความผิดพลาด 488 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.21 แยกเป็นชื่อซ้ำ 215 ราย แต่งตั้งซ้ำ 270 ราย ลดตำแหน่ง 1 ราย ไม่ครบหลักเกณฑ์ 1 ราย และแต่งตั้งผู้เสียชีวิต 1 ราย ก่อนหน้านี้ แม้จะไม่มีใครยืนยันว่าน่าจะมีส่วนมาจากการวิ่งเต้นที่ไม่จบลงง่ายๆ แต่ภาพสะท้อนความเป็นจริงก็คือ ตราบใดที่ยังมีคำสั่งเหลืออยู่ไม่หมดลงเสียที ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่งได้อยู่เสมอ...เอวังสีกากี