MGR Online - ศาลฎีกาพิพากษาแก้ “เปมิกา” ฉ้อโกง “หมอประกิตเผ่า” โดยอาศัยความอ่อนแอแก่จิต และสั่งจำเลย 1-4 ร่วมกันชดใช้เงินคืน 8,165,387 บาทให้ตรงตามความเป็นจริง
วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ ที่ อ.4543/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และ รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดาของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ ฟิสิกส์ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา หรือชื่อ ศิวพร วีรชัชรักษิต หรือเหลืองเรณูกุล อายุ 34 ปี นักศึกษาปริญญาโท อดีตเพื่อนสาวคนสนิท นพ.ประกิตเผ่า, น.ส.ฤทัย หรือแนน รุ่งสิริเมธากุล อายุ 32 ปี, นายณัฐพล หรือภาสยภูริณฐ์ หรือตั้ม พรมประไพ อายุ 37 ปี, นายวทัญญู หรือปุ้ย ตันธีระพงศ์ อายุ 36 ปี เพื่อนนักศึกษาของ น.ส.เปมิกา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยอาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 342
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2550 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างเดือน ต.ค. 2549 - ก.พ. 2550 นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งมีความผิดปกติทางด้านภาวะจิตใจ ได้หลงเชื่อการสร้างสถานการณ์ของจำเลยที่ 1-4 ให้เข้าใจว่าตัวเองสามารถนั่งสมาธิจนสำเร็จฌานขั้นสูง ระลึกชาติถอดจิตได้ และหลอกลวงว่า น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 และ นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหาย เคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน 99 ภพชาติที่ผ่านมา มีหนี้กรรมต้องชดใช้ในชาตินี้ จำเลยที่ 1 จึงให้ผู้เสียหายซื้อรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีดำ มูลค่า 1,569,000 บาท พร้อมมอบเงิน 980,000 บาท ซื้อแผ่นป้ายทะเบียนเลขสวย ส -9999 และยังให้ซื้อนาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ กับทรัพย์สินอื่นรวม 10 รายการ มูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 9,658,000 บาท เหตุเกิดที่แขวง-เขตปทุมวัน, แขวง-เขตพญาไท กทม., ต.งามวงศ์วาน อ.เมือง จ.นนทบุรี, ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ต.ค 2553 ให้จำคุก น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 ฐานฉ้อโกงทรัพย์ และฐานพยายามฉ้อโกง รวม 10 กระทง เป็นเวลา 54 เดือน หรือ 4 ปี 6 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้จำคุก ฐานสนับสนุนฉ้อโกงและฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นพยายามฉ้อโกง คนละ 10 กระทง รวมจำคุก คนละ 34 เดือน 60 วัน หรือคิดเป็น 3 ปี และปรับคนละ 27,000 บาท แต่จำเลยที่ 2-4 ประกอบอาชีพการงานมั่นคง และไม่เคยต้องโทษอาญามาก่อน พฤติการณ์เป็นเพียงผู้สนับสนุน โทษจำคุกจึงเห็นสมควรให้รอลงอาญาคนละ 2 ปี และให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันคืนทรัพย์สินจำนวน 8,035,387 บาท คืนแก่ นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหายด้วย
ขณะที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2556 เห็นว่าที่ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุก น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 54 เดือน หรือ 4 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และจำคุกจำเลยที่ 2-4 เป็นเวลา 3 ปี รอการลงโทษไว้ 2 ปีนั้นศาลอุทธรณ์เห็นว่าเหมาะสมแล้ว แต่ที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดมาตรการหากจำเลยที่ 2-4 ไม่ชำระค่าปรับนั้น ศาลเห็นควรแก้เป็นว่าหากจำเลยที่ 2-4 ไม่ชำระค่าปรับ คนละ 27,000 บาท ก็ให้กักขังแทน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.29 และ 30 และแก้ยอดเงินที่ให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้เงินคืน นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหาย เป็น 8,395,387 บาท
โดยวันนี้ น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาและศาลได้ออกหมายจับและสั่งปรับนายประกันจำนวน 1 ล้านบาท มีเพียงนายณัฐพล หรือภาสยภูริณฐ์ หรือตั้ม พรมประไพ และนายวทัญญู หรือปุ้ย ตันธีระพงศ์ เพื่อนนักศึกษา น.ส.เปมิกา ที่ตกเป็นจำเลยที่ 3-4 เดินทางมาศาล ขณะที่ฝ่าย รศ.เพลินจิต มารดาของ นพ.ประกิตเผ่า โจทก์ร่วม ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มีผู้รับมอบอำนาจมาศาล
ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษากันแล้วเห็นว่า นพ.ประกิตเผ่าผู้เสียหายที่ 1 ถูก น.ส.เปมิกาจำเลยที่ 1 กับพวก หลอกลวงให้มอบทรัพย์หลายรายการ ทั้งบ้าน รถยนต์ นาฬิกา ค่าเช่าที่พักอาศัย บอดี้การ์ด และเงินสด โดยอ้างเรื่องการระลึกชาติว่า ผู้เสียหายที่ 1 และจำเลยที่ 1 เป็นคู่รัก และผู้เสียหายที่ 1 เคยก่อเหตุในอดีตชาติหลายครั้ง จึงต้องชดใช้ให้แก่จำเลยที่ 1 ในชาตินี้ ซึ่งเป็นการฉ้อโกงโดยอาศัยความอ่อนแอทางจิตใจของผู้เสียหายที่ 1 ศาลฎีกาเห็นควรให้แก้ข้อกฎหมายให้ถูกต้อง และแก้ไขในส่วนของการชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วม และผู้เสียหายให้ตรงตามค่าเสียหายที่แท้จริง
พิพากษาแก้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานฉ้อโกง โดยอาศัยความอ่อนแอทางจิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 (2) ประกอบมาตรา 80 ส่วนจำเลยที่ 2-4 มีความผิดฐานสนับสนุนฉ้อโกง โดยอาศัยความอ่อนแอทางจิต และให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายที่ 1,2 และโจทก์ร่วม จำนวน 8,165,387 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ให้จำคุก น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 54 เดือน หรือ 4 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และจำคุกจำเลยที่ 2-4 เป็นเวลา 3 ปี รอการลงโทษไว้ 2 ปี และปรับ จำเลยที่ 2-4 คนละ 27,000 บาท
ด้านนายอภิชาติ จรสาย ทนายความ น.ส.เปมิกา เปิดเผยว่า ตนไม่สามารถติดต่อกับ น.ส.เปมิกาได้ เพราะช่วงหลัง น.ส.เปมิกาไปใช้ชีวิตครอบครัวกับแฟนที่เป็นชาวต่างชาติ สำหรับการชดใช้ทรัพยสินคืนแก่ผู้เสียหายจำนวน 8 ล้านกว่าบาทนั้น จำเลยที่ 2-4 จะต้องมีส่วนร่วมชดใช้ด้วยตามคำพิพากษา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการบังคับคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป