MGR Online - ศาลออกหมายจับ “เปมิกา” เบี้ยวนัดฟังฎีกาคดีโกงเงิน “หมอประกิตเผ่า” นายประกันเผยติดต่อไม่ได้ ตัวอยู่ต่างประเทศกับครอบครัว
วันนี้ (11 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.4543/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และ รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดาของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ ฟิสิกส์ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา หรือชื่อศิวพร หรือชื่อสิริรัษสิริ วีรชัชรักษิต หรือเหลืองเรณูกุล อายุ 34 ปี นักศึกษาปริญญาโท อดีตเพื่อนสาวคนสนิท นพ.ประกิตเผ่า, น.ส.ฤทัย หรือแนน รุ่งสิริเมธากุล อายุ 32 ปี, นายณัฐพล หรือภาสยภูริณฐ์ หรือตั้ม พรมประไพ อายุ 37 ปี, นายวทัญญู หรือปุ้ย ตันธีระพงศ์ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนนักศึกษา น.ส.เปมิกา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยอาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 342
แต่เมื่อถึงเวลาปรากฏว่า น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 ไม่ได้มาศาลตามนัด มีเพียงนายประกันของ น.ส.เปมิกา, นายณัฐพล หรือภาสยภูริณฐ์ หรือตั้ม พรมประไพ และนายวทัญญู หรือปุ้ย ตันธีระพงศ์ เพื่อนนักศึกษา น.ส.เปมิกา ที่ตกเป็นจำเลยที่ 3-4 เดินทางมาศาล
ขณะที่ฝ่าย รศ.เพลินจิต มาราดาของ นพ.ประกิตเผ่า โจทก์ร่วม ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มีผู้รับมอบอำนาจมาศาล
โดยนายประกันของ น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 แถลง จำเลยมีครอบครัวอยู่ต่างประเทศ พยายามติดต่อแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผลตรวจสอบการส่งหมายแจ้งวันนัดส่งถึง น.ส.เปมิกา และ น.ส.ฤทัย จำเลยที่ 1-2 ได้ แต่จำเลยทั้งสองทราบนัดแล้วไม่มาศาล มีพฤติการณ์จงใจหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา จึงให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองเพื่อมาฟังคำพิพากษา และให้ปรับนายประกันของ น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 เต็มจำนวน 1 ล้านบาท โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2550 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างเดือน ต.ค. 2549 - ก.พ. 2550 นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งมีความผิดปกติทางด้านภาวะจิตใจ ได้หลงเชื่อการสร้างสถานการณ์ของจำเลยที่ 1-4 ให้เข้าใจว่าตัวเองสามารถนั่งสมาธิจนสำเร็จฌานขั้นสูง ระลึกชาติถอดจิตได้ และหลอกลวงว่า น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 และ นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหาย เคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน 99 ภพชาติที่ผ่านมา มีหนี้กรรมต้องชดใช้ในชาตินี้ จำเลยที่ 1 จึงให้ผู้เสียหายซื้อรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีดำ มูลค่า 1,569,000 บาท พร้อมมอบเงิน 980,000 บาท ซื้อแผ่นป้ายทะเบียนเลขสวย ส -9999 และยังให้ซื้อนาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ กับทรัพย์สินอื่นรวม 10 รายการ มูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 9,658,000 บาท เหตุเกิดที่แขวง-เขตปทุมวัน, แขวง-เขตพญาไท กทม., ต.งามวงศ์วาน อ.เมือง จ.นนทบุรี, ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ต.ค53 ให้จำคุก น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 ฐานฉ้อโกงทรัพย์ และฐานพยายามฉ้อโกง รวม 10 กระทง เป็นเวลา 54 เดือน หรือ 4 ปี 6 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้จำคุก ฐานสนับสนุนฉ้อโกงและฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นพยายามฉ้อโกง คนละ 10 กระทง รวมจำคุก คนละ 34 เดือน 60 วัน หรือคิดเป็น 3 ปี และปรับคนละ 27,000 บาท แต่จำเลยที่ 2-4 ประกอบอาชีพการงานมั่นคง และไม่เคยต้องโทษอาญามาก่อน พฤติการณ์เป็นเพียงผู้สนับสนุน โทษจำคุกจึงเห็นสมควรให้รอลงอาญาคนละ 2 ปี และให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันคืนทรัพย์สินจำนวน 8,035,387 บาท คืนแก่ นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหายด้วย
ขณะที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2556 เห็นว่าที่ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุก น.ส.เปมิกา จำเลยที่ 1 ฐานฉ้อโกง 7 กระทงๆ ละ 6 เดือนและฐานพยายามฉ้อโกงอีก 3 กระทงๆ ละ 4 เดือน และให้รอลงอาญา จำเลยที่ 2-4 เป็นเวลา 2 ปีนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเหมาะสมแล้ว แต่ที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดมาตรการหากจำเลยที่ 2-4 ไม่ชำระค่าปรับนั้น ศาลเห็นควรแก้เป็นว่าหากจำเลยที่ 2-4 ไม่ชำระค่าปรับ คนละ 27,000 บาท ก็ให้กักขังแทน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.29 และ 30 และแก้ยอดเงินที่ให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้เงินคืน นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหาย เป็น 8,395,387 บาท